เตรียมก้าวสู่วัยเปราะบาง เรียนรู้วางแผนชีวิตแต่เนิ่นๆ


เพิ่มเพื่อน    

(วรรณา สวัสดิกูล)

 

   จับกระแสเทรนด์การเติบโตตลาดผู้สูงวัย บริษัท ซิลเวอร์แอคทีฟ จำกัด นำโดย วรรณา สวัสดิกูล ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ผู้คร่ำหวอดในวงการธุรกิจการตลาดชั้นนำ หนึ่งในทีมสร้างสรรค์แพลตฟอร์ม SILVERASTIC 4 ประกาศเปิดตัว “SILVERASTIC 4” (ซิลเวอร์ลาสติก โฟร์) การรวมตัวกันของ 4 พันธมิตรดิจิทัลแพลตฟอร์มชั้นนำครั้งแรกในประเทศไทย ที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อตอบโจทย์ “กลุ่มผู้สูงวัย” (Silver Gen)

       วรรณา สวัสดิกูล กล่าวว่า “เนื่องจากเทรนด์ Sliver Gen มีการเติบโตแบบไม่หยุดหย่อน เป็นตลาดที่มีอนาคตไกล เป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่คนสูงวัยจะครองเมือง จึงได้ก่อตั้งแพลตฟอร์มใหม่คือ SILVERASTIC 4 ที่จะนำเสนอ TOTAL MARKETING SOLUTION FOR SILVER GEN” เรามองเห็นโอกาสที่ว่า Silver is the new black” Silver หรือตลาด “กลุ่มผู้บริโภครุ่นใหญ่วัยมั่งคั่ง” ซึ่งในยุคนี้เป็นกลุ่มที่สำคัญกว่าที่เคยเป็นมา ไม่ใช่แค่เพราะมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น หรือมีกำลังซื้อที่สูงขึ้นเท่านั้น แต่เพราะ Sliver Gen หรือกลุ่มอายุย่างเข้าวัย 50 ปี มีคาแรคเตอร์และไลฟ์สไตล์ที่ต่างจากในอดีต ตัดสินใจซื้อสินค้าด้วยตัวเอง มีชั่วโมงการใช้ชีวิตในโลกออนไลน์เทียบเท่ากับวัยรุ่น คนกลุ่มนี้สามารถเข้ามาหาข้อมูลในการเตรียมพร้อมเข้าสู่ Sliver Gen อย่างมีคุณภาพ

  นพ.ตนุพล วิรุฬหการุญ ผู้ชำนาญการด้านการดูแลป้องกันและฟื้นฟูจากบีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก กล่าวว่า “ปีที่ผ่านมาก่อนเกิดโควิดจะมีกระแส Health is a New Wealth คือ Health (สุขภาพ) ต้องมาก่อน Wealth (ความมั่งคั่ง) คำว่าสุขภาพดีคือเทรนด์ใหม่ เด็กรุ่นใหม่เริ่มเข้าใจเรื่อง Healthy Trend การรับประทานอาหารที่ดี มีความเข้าใจเรื่องการออกกำลังกาย การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ประชาชนต้องมีความระมัดระวังด้านสุขภาพ อย่าให้ตัวเองป่วยด้วย “โรคทำเอง” หรือ Non Communicabale Disease เช่น โรคเบาหวาน ความดัน ไขมัน เส้นเลือดตีบ กินชาไข่มุก กินชีส เราต้องทำให้อัตราการเกิดโรคทำเองให้น้อย เพื่อเผื่อพื้นที่ให้ผู้ป่วยโรคระบาดในอนาคต ซึ่งเป็นหน้าที่ของทุกคน เมื่อทุกคนรวมพลังกันก็จะเป็นอาวุธไปสู้กับโรคทำเอง เพราะวันนี้มีคนเสียชีวิตด้วยโรคทำเองทุกๆ 37 คนต่อชั่วโมง ปัจจุบันคนไทยมีคนเป็นโรคอ้วนมากเป็นอันดับ 2 ของอาเซียน โดยประเทศที่มีคนผอมมากที่สุดคือเวียดนาม

ทางด้าน ป๋าเต็ด-ยุทธนา บุญอ้อม กล่าวว่า 2 ปีที่แล้ว “ตนเกิดอาการหัวใจวาย และต้องผ่านการรักษาด้วยวิธีบอลลูนหัวใจมาแล้ว แต่เหตุการณ์ได้คลี่คลายภายในเวลาชั่วโมงกว่า ทำให้เราตระหนักว่าเรื่องสุขภาพเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ซึ่งโรคหัวใจที่ตนเป็นนั้นเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต นิสัยการกิน ก่อนหน้าตนเคยไปเรียนวิ่งจนสามารถวิ่งมาราธอน และวิ่งกับตูน บอดี้สแลมได้ แต่หลังจากนั้นก็เริ่มไม่มีวินัย ไม่ออกกำลังกาย ไม่หาหมอ ไม่กินยา ไม่ตรวจสุขภาพ จนผ่านไป 3 ปี จึงไม่แปลกใจว่าเป็นโรคทำเอง ตอนนี้ดูแลสุขภาพด้วยการเลือกทาน ทานแบบบันยะยันยัง ออกกำลังกายด้วยการเข้ายิมบ่อยขึ้น และวิ่งรอบหมู่บ้านเมื่อเราอายุ 50 ไปแล้ว เมื่อถึงจุดหนึ่งเราจะรู้ว่าเราได้ผ่านเหตุการณ์ที่หนักที่สุดไปแล้ว ช่วงที่มีความทุกข์ที่สุดคือตรงกลาง 30-50 ปี ผ่านไปได้คือขาขึ้น เราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับความจริงที่ว่าในที่สุดเราต้องตายและไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด และเราพบว่าเรากำลังจะเตรียมเดินไปสู่จุดสุดท้ายอย่างมีความสุขที่สุด”

ขณะที่ น้าเน็ก-เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา บอกว่า “เริ่มออกกำลังกายด้วยการวิ่งจากการชาลเลนจ์กับทีมก้าวของตูน บอดี้สแลม ตอนนั้นประกาศว่าจะวิ่ง 10 กิโลเมตร ก็ทำสำเร็จจนสามารถวิ่งฮาล์ฟมาราธอนได้แล้ว ตอนนี้ก็ฝึกวิ่งวันเว้นวัน การวิ่งทำให้เราเห็นว่าเราทำอะไรได้มากกว่าที่เราคิด เมื่อได้วิ่งแล้วเราจะรู้สึกว่าระยะทางไปไหนก็ใกล้ไปหมด โลกมันใกล้ขึ้น รู้สึกได้ว่าเราเป็นเจ้าของร่างกายเราจริงๆ และทำให้เราสูบบุหรี่ได้น้อยลง สุดท้ายขอเชิญชวนให้พวกเราแก่ไปด้วยกัน ตอนเราอายุน้อยๆ เราจะชอบคิดว่าคนอื่นต้องมองเรา สนใจเราแน่ๆ เราเลยแสดงออกด้วยเสื้อผ้าหน้าผม แต่พออายุ 30-40 จะเริ่มเป็นตัวของตัวเอง และเมื่ออายุ 50 เราจะพบว่าแท้จริงแล้วไม่มีใครสนใจเราขนาดนั้น ไม่ว่าเราจะตายตอนไหนก็ถือว่าวันนั้นเป็นวันที่ดีที่สุด เพราะเรามีประสบการณ์มากที่สุดแล้ว และเราไม่มีทางประสบความสำเร็จถ้าเราอายุไม่มากพอ”.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"