ทิศทางกลุ่มเคลื่อนต้านม็อบนศ. "ไทยภักดี"แค่เปิดหัว-ระวังเผชิญหน้า


เพิ่มเพื่อน    

         ความเคลื่อนไหวของกลุ่มม็อบนักศึกษา-ประชาชน ที่เคลื่อนไหวทำกิจกรรมต่อต้านรัฐบาล-เรียกร้องแก้ไข รธน. แม้ช่วงนี้จะคลายความร้อนแรงลง หลังผ่านจุดพีกมาแล้วกับการชุมนุมใหญ่เมื่อ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย-ถนนราชดำเนิน ระหว่างนี้กลุ่มผู้ประสานงานม็อบนักศึกษาอยู่ระหว่างรอให้ฝ่ายการเมืองทั้งในฝ่ายรัฐบาล-ฝ่ายค้าน-สมาชิกวุฒิสภาขยับกันไปก่อน โดยเฉพาะเรื่องหลัก “การแก้ไขรธน." เพื่อรอการนัดชุมนุมใหญ่อีกครั้งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงเดือนตุลาคม เพราะดูแล้วข้อเรียกร้องต่างๆ คงยากจะเห็นผลภายในเดือนกันยายนตามที่แกนนำม็อบนักศึกษายื่นข้อเรียกร้องไว้                           

            จากสถานการณ์ดังกล่าว เมื่อมองไปที่ฝ่ายรัฐบาล-พรรคร่วมรัฐบาล พบว่านอกจากเน้นการประคองสถานการณ์ไม่ให้เกิดสภาวะสุ่มเสี่ยงแล้ว ก็ยังต้องพยายามเร่งหาวิธีการปลดล็อกเงื่อนไขที่จะนำไปสู่การต่อต้านรัฐบาลในวงกว้าง จึงไม่แปลกที่วิปรัฐบาลจะปรับท่าทีเรื่องการแก้ไข รธน. จากเดิมที่ดูเหมือนจะพยายามซื้อเวลาออกไปให้นานที่สุด ตอนนี้ก็ปรับกระบวนท่าให้สอดคล้องกับสถานการณ์มากขึ้น

เห็นได้จากมติวิปรัฐบาลเมื่อ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งวิปรัฐบาลมีมติเห็นด้วยให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ภายใต้เงื่อนไขคือต้องไม่มีการหมวด 1 ที่เป็นบททั่วไป โดยมีบทบัญญัติสำคัญ เช่น มาตรา 1 ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้-มาตรา 2 ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รวมถึงต้องไม่แตะหมวด 2 ที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ โดยวิปรัฐบาลก็เอาด้วยกับการให้มีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ

            ท่าทีวิปรัฐบาลที่มีพรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำ แสดงให้เห็นถึงการพยายามประคองสถานการณ์ในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะกับการยอมให้มีการแก้ รธน.มาตรา 256 เพื่อให้มีการตั้ง ส.ส.ร. ที่หมายถึงการนำไปสู่การยกร่าง รธน.ใหม่ จากเดิมที่ฝ่ายพลังประชารัฐดูจะตั้งการ์ดยอมให้แก้ไข รธน.ได้ แต่ต้องแก้แบบรายมาตราเท่านั้น ทว่า มองดูแล้วการยอมถอยให้บ้างของพรรคพลังประชารัฐ เชื่อว่ายังไงก็คงไม่ถอยทุกเรื่อง เพราะถึงจะยอมให้มีการตั้ง ส.ส.ร. แต่รัฐบาล-พรรคพลังประชารัฐก็คงเขียนโมเดลให้โครงสร้าง-ที่มาของสมาชิกสภาร่าง รธน.มาจากกลไกที่ฝ่ายรัฐบาล-พรรคร่วมรัฐบาลพอจะคอนโทรล-ล็อบบี้ได้ เพื่อทำให้การแก้ไข-ร่าง รธน.ฉบับใหม่ไม่ทำให้ฝ่ายรัฐบาล-พลังประชารัฐ เสียอำนาจที่เคยมีอยู่ใน รธน.ฉบับปัจจุบันจนหมดสิ้น

                ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลพยายามเล่นบทประนีประนอม ถอยแบบคุมจังหวะ และพยายามดึงประเด็นข้อขัดแย้งให้อยู่ในรัฐสภาที่ฝ่ายตัวเองคุมเสียงข้างมากในสภา ขณะเดียวกัน เมื่อมองไปที่สถานการณ์นอกรัฐสภาก็พบเห็นความเคลื่อนไหวของฝ่ายที่เปิดหน้า-เปิดตัว พร้อม "ชน-แลก" กับกลุ่มแกนนำคณะประชาชนปลดแอก รวมถึงนักการเมืองอย่าง "คณะก้าวหน้า" ของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ-ปิยบุตร แสงกนกกุล

                นั่นก็คือการเปิดตัว "กลุ่มไทยภักดี" ภายใต้การนำของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม-มือปราบจำนำข้าว ที่เปิดตัวไปเมื่อ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่โรงแรมยู สาทร กรุงเทพฯ ที่มีแนวร่วมไปร่วมปรากฏตัวด้วย เช่น วิชัย ล้ำสุทธิ อดีต ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ ที่ตอนนี้ลาออกแล้ว โดยมีตำแหน่งปัจจุบันเป็นที่ปรึกษา รมว.อุตสาหกรรม (สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำพลังประชารัฐ)-อุ๊ หฤทัย ม่วงบุญศรี นักร้องชื่อดัง ซึ่งที่ผ่านมาเปิดตัวชนกับธนาธร-ปิยบุตรมาตลอด

                การเปิดตัวของ "กลุ่มไทยภักดี" ไม่ผิดความคาดหมายว่าตั้งมาเพื่อต้องการสู้กับใคร เพราะวิดีโอการเปิดตัวกลุ่มที่เปิดในงาน ตลอดจนการขึ้นเวทีของแนวร่วมหลายคน ที่มีทั้งนักธุรกิจรถยนต์ นักธุรกิจจัดสรรที่ดิน ทนายความ มัคคุเทศก์ กลุ่มตัวแทนเกษตรกร ออกมาในโทนชัดเจน คือพร้อมชนกับบุคคลที่ทางแกนนำไทยภักดีเรียกว่า "กลุ่มชังชาติ"

            พบว่าแนวร่วมกลุ่มไทยภักดีบางคนประกาศบนเวทีว่า สถาบันกำลังอยู่ในสถานะลำบาก ประชาชนจึงต้องออกมาเคลื่อนไหวเพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี เพราะกำลังมีการสร้างกระแสที่ยอมรับไม่ได้ เช่น เรื่องโครงการหลวง-การไม่ต้องเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร

ส่วน "หมอวรงค์" ก็จัดหนักจัดเต็ม ย้ำไว้ว่า ตลอดชีวิตในวัย 59 ปี ไม่เคยได้ยินว่าสถาบันพระมหากษัตริย์รังแกประชาชน ทำร้ายประเทศชาติ แต่ในช่วงเข้ามาสู่ชีวิตการเมืองกว่าสิบปี เห็นแต่นักการเมืองทำร้ายประชาชน ทำลายประเทศชาติ มีคนไปโจมตีสถาบันด้วยข้อมูลที่ไม่จริง เช่น โจมตีสถาบันเบื้องสูงว่าเกี่ยวข้องกับรัฐประหาร โดยที่ฝ่ายที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตยไม่เคยพูดเลยว่า ประเทศไทยมาถึงจุดนี้เพราะเกิดจากนักการเมือง-รัฐบาลในอดีตสร้างปัญหาไว้มากมาย เช่น ทุจริตคอร์รัปชัน-แบ่งแยกประชาชน แทรกแซงองค์กรอิสระ และศาล แต่กลับเรียกตัวเองว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย

            "นพ.วรงค์-แกนนำกลุ่มไทยภักดี" ที่แสดงท่าทีของกลุ่มคัดค้านข้อเรียกร้องให้แก้ไข รธน.และยุบสภาของม็อบคนรุ่นใหม่แบบหัวชนฝาแล้ว เขายังได้ระบุตอนหนึ่งว่า แก๊งชังชาติกำลังทำให้เกิดการตัดความสัมพันธ์พ่อแม่-ลูก เครือญาติ โดยคนพวกนี้ไม่เคยโทษตัวเอง แต่โทษไปที่สถาบันพระมหากษัตริย์ ให้ร้ายสถาบัน ถึงขนาดล้มล้างสถาบัน โดยสถาบันท่านชี้แจง แก้ต่างไม่ได้

            “เมื่อพ่อหลวงของเรากำลังโดนมัดมือแล้วอีกฝ่ายชกอยู่ฝ่ายเดียว จะยอมได้หรือ ถึงเวลาแล้วที่คนไทยทั้งประเทศต้องไม่ทนกับกลุ่มคนที่จาบจ้วง ให้ร้ายป้ายสีสถาบัน จึงขอเชิญชวนประชาชนในการช่วยปกป้องสถาบัน เราต้องคัดค้านไม่เอาการปกครองระบอบประธานาธิบดีและระบอบสมาพันธ์รัฐที่จะแบ่งแยกแผ่นดิน ศัตรูของพวกเราคือไอ้สามตัวนั้น ไม่ใช่ลูกหลานเรา หลังจากนี้เราจะเดินสายพบประชาชนทั้งประเทศ และหากจำเป็นต้องแสดงพลัง บางครั้งก็ต้องแสดงพลัง”

            ที่ผ่านมาแนวต้านม็อบนักศึกษามีให้เห็นเป็นระยะ มีการจัดกิจกรรมกันบ้างหลายแห่ง แต่ยังเคลื่อนไหวแบบไม่เป็นรูปขบวน แต่เมื่อหมอวรงค์-กลุ่มไทยภักดีเปิดตัวออกมาแบบนี้ คงทำให้แนวร่วมต่างๆ มีการเชื่อมโยงกันเป็นเครือข่ายมากขึ้น และหลังจากนี้คาดว่ากลุ่มไทยภักดีอาจมีแนวร่วมต่างๆ ไปร่วมแจมด้วย

            อย่างไรก็ตาม กลุ่มบุคคลที่ออกมาเคลื่อนไหวในเชิงต่อต้านม็อบนักศึกษา-คนรุ่นใหม่ ก็ต้องระมัดระวังจังหวะการเคลื่อนไหว-ทำกิจกรรมของตัวเองและเครือข่ายไว้ด้วยเช่นกัน โดยต้องคิดไว้เสมอว่า เห็นต่างกันได้ แต่ต้องไม่ให้เกิดการเผชิญหน้า ต้องไม่ให้เกิดความรุนแรง ถกแถลงสู้กันด้วยเหตุผล และการยอมรับฟังอีกฝ่ายที่เห็นแตกต่าง เพราะกลุ่มนักศึกษา-คนรุ่นใหม่ที่ออกมาเคลื่อนไหว ยังไงก็คือลูกหลานคนไทยด้วยกันทั้งนั้น แล้วจะแตกหักกันไปเพื่ออะไรและเพื่อใคร?.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"