ก่อนจะหวนคืนสู่ความ "สมดุล"


เพิ่มเพื่อน    

      ไม่รู้ว่าเขาไปถึงไหนต่อถึงไหนกันมั่งแล้ว!!!...สำหรับม็อบโน่น ม็อบนี่ ม็อบต้าน ม็อบปกป้อง ฯลฯ รวมไปถึงรัฐบาล ฝ่ายค้าน สมาชิกเลือกตั้ง แต่งตั้ง ในรัฐสภา ฯลฯ ซึ่งล้วนแล้วแต่ต้องตกอยู่ภายใต้ ความป่วน ไม่ว่าในทางใด ทางหนึ่ง อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้...

                                                                    ---------------------------------------------

      ทำไงได้ล่ะทั่น...ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่าง หรือทุกๆ สรรพสิ่งนั่นแหละ ล้วนแต่ต้องตกอยู่ภายใต้กรอบ ข้อบังคับ กฎ ระเบียบ ของ ธรรมชาติ ที่อาจถือเป็น กฎเหล็ก ชนิดไม่อาจผ่อนปรน ละเว้น ในทุกๆ เรื่อง ทุกๆ กรณี นั่นก็คือกฎอันว่าด้วย... ด้วยเหตุเพราะสิ่งนี้-สิ่งนี้...สิ่งนี้จึงเป็นไป หรือ กฎอิทัปปัจจยตา-ปฏิจจสมุปบาท นั่นแล ด้วยเหตุนี้...ไม่ว่าสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ไปจนถึงใหญ่โตมโหฬารพันลึก ล้วนแต่ต้อง เป็นอยู่ และ เป็นไป ตามกรอบ ตามกฎที่ว่านี้ ต้องเกิดขึ้น-ตั้งอยู่-และดับไป เป็นอนิจจัง-ทุกขัง-อนัตตา ไปซะด้วยกันทั้งสิ้น...

                                                                      ----------------------------------------------

      อย่างไรก็ตาม...เท่าที่ฟังๆ จากบรรดานักวิเคราะห์และนักวิแคะ ซึ่งออกจะมีอยู่เยอะแยะ มากมาย เสียเหลือเกิน สำหรับบ้านเราในช่วงนี้ รู้สึกว่า...ออกจะไปไกล ไปแรง ไปโลด ออกอ่าว-ออกทะเล กันเป็นจำนวนไม่น้อย คือไปถึงขั้นฟันธง ฟันเฟิร์ม ถึงการเปลี่ยนแปลงในแต่ละรูปละแบบ ชนิดน่าหวาดหวั่น ขวัญสยอง เอามากๆ ไม่ว่าเรื่องการ ลาออก ของรัฐบาล การ ยุบสภาฯ กลับไปเลือกตั้งกันใหม่ ไปจนกระทั่งการ ปฏิวัติ-รัฐประหาร โน่นเลย อันเป็นที่น่าขนหัวลุก ขนคอตั้ง ไปด้วยกันทั้งนั้น ขณะที่โดยความจริง โดยข้อเท็จจริง บรรดาผู้ที่มีอำนาจ บทบาท ไม่ว่าจะในรูปไหน สถานะไหน กลับดูจะออกอาการ ลั้นลา ซะเป็นหลักใหญ่ ไม่ได้สะเทือน เลื่อนลั่น ไม่ได้รู้สึกขนลุก ขนพอง อย่างเท่าที่ควรจะเป็น หรืออย่างที่ถูกนักวิเคราะห์ นักวิแคะ คาดเดา หรือคาดหมาย เอาเลยแม้แต่น้อย...

                                                                        ---------------------------------------------

      อันนี้...มันก็เลยทำให้ผู้ที่อยู่กลางๆ หรือผู้ที่สังเกตการณ์อยู่ห่างๆ อดที่จะมึนซ์ซ์ซ์ตึ๊บบ์บ์บ์ มึนงง ระดับ 4 ตลบ 5 ตลบ หรือ 8 ตลบ ขึ้นมามิได้ คือสุดท้ายแล้ว...แทบไม่รู้ว่าอนาคตชาติบ้านเมือง มันจะเป็นไป หรือกำลังเป็นไป ในแนวไหนกันแน่ ยิ่งโดยเฉพาะเมื่อต่างฝ่าย ต่างก็มี ติ่ง หรือมี หูด ส่วนตัว ประจำตัว ไปด้วยกันทั้งคู่ หรือมีผู้ที่พร้อมจะออกมายุ มาเชียร์ มาถือหาง แบ่งข้าง แบ่งฝ่าย ระหว่างฝ่ายมึงกับฝ่ายกู ฝ่ายมันกับฝ่ายเรา จนทำให้แทบไม่รู้ฝ่ายไหนเหนือไปกว่าฝ่ายไหน แม้ว่าต่างฝ่าย ต่างอาจ ห่วยแตก ไปด้วยกันทั้งคู่ หรือเผลอๆ...อาจไม่มีฝ่ายใดเหนือไปกว่าฝ่ายใด หรืออาจต้อง แพ้ไปด้วยกันทุกฝ่าย เอาเลยก็ไม่แน่!!!

                                                                         ----------------------------------------------------

      ด้วยเหตุนี้...การวิเคราะห์ หรือวิแคะ ที่น่าจะถูกต้อง แม่นยำ อีกทั้งน่าจะครอบคลุมไปในทุกๆ เรื่อง ทุกๆ กรณี ก็คือการยึดหลัก หรือยึดกฎ-กติกา ตามแบบฉบับ อิทัปปัจจยตา-ปฏิจจสมุปบาท เอาไว้เป็นเกณฑ์ เป็นมาตรฐานนั่นแหละ คือถ้าหากไม่เป็นเพราะสิ่งนี้-สิ่งนี้ สิ่งที่คิดว่าอาจต้องเกิดขึ้น หรือกำลังเกิดขึ้น ย่อมไม่มีสิทธิ์เกิดขึ้นอยู่แล้วแน่ๆ แต่ถ้าหากแต่ละสิ่ง แต่ละอย่าง ดันเป็นไป หรือดันอุบัติขึ้นมาเป็นสิ่งนี้-สิ่งนี้ ไม่ว่าจะเหนี่ยวรั้ง ขัดขวาง ปกป้อง คุ้มครอง กันในแบบไหนต่อแบบไหน ยังไงๆ ก็คงมิอาจต้านทานสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น หรือกำลังเป็นไป ได้เลยแม้แต่น้อย อย่างมาก...ก็ได้แต่ ยืดเวลาออกไป ไม่ว่าจะด้วยวิธีการตั้งคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการใดๆ อันเป็น พิมพ์นิยม ตามแบบฉบับไทยๆ ก็แล้วแต่...

                                                                            ----------------------------------------------------

      อย่างไรก็ตาม...โดยสรุปรวมความแล้ว สุดท้ายทุกสิ่งทุกอย่าง ย่อมต้องหวนคืนกลับมาสู่ความเป็น ปกติ กันจนได้นั่นแหละทั่น หรือต้องกลับมาอยู่ในแนวกลางๆ กลับคืนสู่ความ สมดุล กันจนได้ หลังจากที่ แรงสวิง ในแต่ละด้าน ต่างหมดเรี่ยว หมดแรง กันไปเอง เพราะไม่มีสังคมไหน ประเทศไหน ที่ต้องถูกเหวี่ยงไป-เหวี่ยงมา แบบลูกตุ้มนาฬิกาไปโดยตลอด เมื่อถึงจุดจุดหนึ่ง หรือจุดที่แรงเหวี่ยง แรงสวิง มันหมดฤทธิ์ หมดเดช ลงไปเองตาม ธรรมชาติ ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมต้องหวนกลับมาสู่ความ สมดุล กลับคืนสู่ความเป็น ปกติ อย่างมิอาจปฏิเสธ อันทำให้ความเป็น ปกติ ที่ว่านั้น จึงถูกบัญญัติศัพท์ บัญญัติคำ ไว้ในภาษาบาลีด้วยถ้อยคำว่า ศีล นั่นแล...

                                                                            -------------------------------------------------

      ดังนั้น...ไม่ว่าจะเป็นแรงเหวี่ยง แรงสวิง ใดๆ ก็ตาม ล้วนแล้วแต่ไปยึดถือ ยึดมั่นใดๆ แทบไม่ได้ ใคร? หรือฝ่ายใด? ที่คิดว่ากำลังชนะ หรือ เราชนะแล้ว...แม่จ๋า สุดท้าย...อาจต้องพ่ายแพ้ หรืออาจต้องกลายเป็น เหยื่อ เอาง่ายๆ เพราะฝ่ายที่ทำท่าว่ากำลังจะพ่ายแพ้ ย่อมต้องพยายามดิ้นรน ตะเกียกตะกาย คิดค้นหาวิธีแปลกๆ ใหม่ๆ ตั้งแต่ระดับ โหด-เลว-ดี เข้ามาปกป้อง คุ้มครองตัวเอง และบ่อนทำลายฝ่ายตรงกันข้าม อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้ จนเมื่อความเจ็บปวด รวดร้าว ทรมาน ความพังพินาศของทั้งสองฝ่าย กลายเป็นสิ่งที่เหลือทน เกินทน อีกต่อไป อันนั้นนั่นแหละ... ศีลธรรม ย่อมหวนคืนกลับมาได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์ ด้วยเหตุนี้ก็อย่าถึงกับต้องไปเอาจริง เอาจัง ไปยึดมั่น ถือมั่น ไปขนพอง สยองขวัญ กับฉากสถานการณ์ต่างๆ ที่เป็นเพียงแค่ ปรากฏการณ์ ธรรมดาๆ เท่านั้นเอง หันมายึดมั่นกับศีลธรรม คุณธรรม มโนธรรม และขันติธรรมไว้ให้จงหนักนั่นแหละ น่าจะเข้าท่าที่สุด...

                                                                        ---------------------------------------------------

      ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก E.B. White... "There’s no limit to how complicated things can get, on account of one thing always leading to another. - เรื่องต่างๆ สามารถซับซ้อนขึ้นไปโดยไม่มีที่สิ้นสุด เนื่องจากการอุบัติขึ้นมาของสิ่งหนึ่ง ย่อมนำไปสู่อีกสิ่งหนึ่งเสมอๆ..."

                                                                       ---------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"