โค้งสุดท้ายชิงเก้าอี้ 'ผบ.ตร.' จับตาอำนาจนอกรั้วปทุมวัน


เพิ่มเพื่อน    

      โค้งสุดท้าย 28 ส.ค. ศุกร์สุดสัปดาห์ จับตาไปที่ทำเนียบรัฐบาล “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) นัดประชุมใหญ่เพื่อพิจารณาการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ “ผบ.ตร.” คนที่ 12 ที่จะรับไม้ต่อ “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ที่จะเกษียณอายุราชการวันที่ 30 ก.ย.นี้ ซึ่งไม่ค่อยมีให้เห็นบ่อยนักที่การแต่งตั้ง ผบ.ตร.จะไปเคาะรายชื่อกันนอก “กรมปทุมวัน”

            หลักเกณฑ์การแต่งตั้ง “ผบ.ตร.” เป็นไปตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยสาระสำคัญจะอยู่ที่ มาตรา 18 (3) กำหนดไว้ให้ ก.ต.ช.มีอำนาจหน้าที่  พิจารณาดำเนินการคัดเลือกข้าราชการตำรวจเพื่อดำเนินการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตามที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเสนอ โดยมาตรา 18 (3) นี้ แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 88/2557 เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยตำรวจแห่งชาติ และในประกาศ คสช.ฉบับเดียวกันก็แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 53 (1) เป็น "ซึ่งมาตรา 53 ระบุไว้ว่า การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งตามมาตรา 44 (1) (2) (3) และ (4) ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้

            “การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งตามมาตรา 44 ให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคัดเลือกรายชื่อข้าราชการตำรวจที่ดำรงตำแหน่ง จเรตำรวจแห่งชาติ หรือรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แล้วเสนอ ก.ต.ช.เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน จากนั้นให้นายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ”

            แคนดิเดต “พิทักษ์ 1” เชื่อว่า “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ คงมีชื่ออยู่ในใจแล้วที่เตรียมเสนอต่อ ก.ต.ช. แต่อยากที่จะฟันธง 100% เมื่อคนที่จะมาเป็นผู้นำ “องค์กรสีกากี” มีปัจจัยภายนอกหลายอย่างที่เป็นตัวแปร ไล่เลียงรายชื่อว่าที่ “ผบ.ตร.” คนต่อไปตามทิศทางลม ตัวเต็งยังเป็น “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. (อาวุโสลำดับ 5) เกษียณปี 65 ได้แรงหนุนจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ เพื่อนร่วมรุ่น นรต.36 อดีตนายเวร พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ อดีต ผบ.ตร.สมัยเป็นผู้บังคับการกองพลาธิการ โปรไฟล์ไม่ธรรมดา จบโรงเรียนเตรียมทหารรุ่น 20 โรงเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 36 ดีกรีปริญญาโทสาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผ่านหลักสูตรสำนักงานสอบสวนกลาง ประเทศสหรัฐอเมริกา รุ่น 206

            ได้ทั้งบู๊และบุ๋น เคยดำรงตำแหน่งสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ, สารวัตรปราบปราม สน.หนองแขม, รอง ผกก.สืบสวนสอบสวน บก.น.2, ขึ้นเป็น ผกก.สืบสวนสอบสวน บก.น.7, ผกก.สน.ลุมพินี, รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1, รองผู้บังคับการตำรวจจราจร, รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 7 ติด “นายพล” เป็นผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6, ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3, รองผู้บัญชาการสำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ, รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล, เลื่อนเป็นผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล, ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1, ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และรอง ผบ.ตร. วันที่ 1 ต.ค.62

            เบียดมาแบบคู่คี่สูสี “บิ๊กนู” พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร. (อาวุโสลำดับ 3) เกษียณอายุปี 64 จบโรงเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 38 ดีกรีปริญญาโทรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เริ่มต้นรับราชการตำแหน่งรองสารวัตรสอบสวน สน.บางซื่อ, รองสารวัตรจราจร สน.พลับพลาไชย 2, ขึ้นเป็นสารวัตรด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าเรือกรุงเทพ, รอง ผกก.ฝ่ายปฏิบัติการที่ 2 ส่วนปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ, ขยับเป็นผู้ช่วยนายเวร พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ ขณะเป็นรอง ผบ.ตร. และผู้เป็นนายเวรขณะเป็น ผบ.ตร.

            ติดยศ “นายพล” ตำแหน่งเลขานุการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง, ขึ้นเป็นรองผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ, รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7, ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ, ขึ้นเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และขึ้นเป็นรอง ผบ.ตร.เมื่อวันที่ 1 ต.ค.62

            เข้าทางตรง 100 เมตร สุดท้ายมีชื่อ “บิ๊กใหม่” พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ นรต.รุ่น 36 (อาวุโสลำดับ 2) ลูกชาย พล.ต.อ.แสวง ธีระสวัสดิ์ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ ที่เกษียณอายุปี 65 ขึ้นมาเบียดกับ 2 แคนดิเดตแบบกะพริบตาไม่ได้ ดีกรีปริญญาโทสังคมศาสตร์ สาขาอาชญาวิทยาและงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยมหิดล “บิ๊กใหม่” ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นเป็นตำรวจ “สายบู๊” เคยเป็น ผกก.สืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล 3, ผกก.สืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล 6, ผู้บังคับการกองตรวจราชการ 3, รองผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้, รองผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า ลงไปปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้, เป็นจเรตำรวจแห่งชาติ ก่อนสไลด์เป็น รอง ผบ.ตร. ดูแลงานด้านป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม

            ตามด้วย “บิ๊กเบิ้ม” พล.ต.อ.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร จเรตำรวจแห่งชาติ เกษียณปี 2564 ลูกชาย พล.ต.อ.สนอง วัฒนวรางกูร อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ และสามีนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นนายร้อยอบรม เคยเป็น ผกก.1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนคดีเศรษฐกิจ, ผกก.1 กองบังคับการปราบปราม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา, ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต, ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6, ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ขึ้นเป็นจเรตำรวจแห่งชาติวันที่ 1 ต.ค.62

            ส่วน “บิ๊กต้อย” พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. (อาวุโสลำดับ 1) หลุดโคจรการลุ้นขึ้นเป็น ผบ.ตร.แน่นอนแล้ว เนื่องจากถูก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ผบ.ตร. สั่งสำรองราชการ เนื่องจากผิดวินัยร้ายแรงกรณีเผยแพร่คลิปการสนทนาระหว่าง พล.ต.อ.จักรทิพย์ และ พล.ต.อ.วิระชัย ในคดีคนร้ายลอบยิงรถ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีต ผบช.สตม. เผยแพร่ต่อสื่อมวลชนซึ่งเป็นความลับทางราชการ ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสียหาย และถูกกองกฎหมายและคดีสำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนกองปราบปรามดำเนินคดี พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม เรื่องห้ามการดักฟัง

            บานปลายสะเทือนกรมปทุมวันอีกรอบ “บิ๊กต้อย” พล.ต.อ.วิระชัยส่งทนายเอาคืน ฟ้องกลับ “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือผู้หนึ่งผู้ใดได้ประโยชน์ ตาม ป.อาญา มาตรา 157 ระบุการสนทนาในคลิปเสียงเป็นการระบายความในใจที่มีต่อ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ และ พล.ต.อ.วิระชัย การสนทนาจึงไม่ได้เป็นข้อสั่งการทางราชการหรือเป็นความลับทางราชการ และคำสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมายทำให้เสียสิทธิ์ได้รับการแต่งตั้งเป็น ผบ.ตร.ทั้งที่มีอาวุโสอันดับ 1 แต่ต้องขาดคุณสมบัติเพราะถูกสำรองราชการ ซึ่งศาลได้นัดฟังคำสั่งวันที่ 8 ก.ย.นี้

                จับตาดูอย่ากะพริบ ฝ่ายความมั่นคงทั้งตำรวจและทหารต้องประสานการทำงานร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว เมื่อศึกของรัฐบาลมารอบด้าน ทั้งม็อบนักเรียน นักศึกษา กลุ่มประชาชนปลดแอกฮึ่มๆ จ้องล้มรัฐบาล ความเดือดร้อนปากท้องประชาชนจากพิษเศรษฐกิจ คนที่จะมาเป็น “ผบ.ตร.” ต้องครบเครื่องเป็นมือเป็นไม้สนองนโยบายรัฐบาลได้ ผบ.ตร.คนที่ 12 จึงมีปัจจัยหลายอย่างนอกรั้วปทุมวันเป็นตัวกำหนด “ตัวเก็ง” อาจเป็น “ตัวเกร็ง”  ไม่มีอะไรแน่นอน.    


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"