28 ส.ค. 2563 นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) เปิดเผยว่า จากที่กระทรวงคมนาคมได้ให้ รฟท. ไปดำเนินการหาที่มาของการเพิ่มงบประมาณการเปลี่ยนแปลงงาน (Variation order) หรือ VO ที่มีงานก่อสร้างเพิ่มขึ้นกว่า 10,345 ล้านบาทในโครงการก่อสร้างรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงตลิ่งชัน-บางซื่อ-รังสิต นั้นขณะนี้ รฟท. ได้มีการขอความเห็นไปที่สำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อตีความว่างานที่เพิ่มขึ้นกว่า 194 รายการ มูลค่ากว่า 4,500 ล้านบาท ในสัญญาที่ 1 งานโยธาสำหรับสถานีกลางบางซื่อ ว่าผู้มีอำนาจในการสั่งงานสามารถดำเนินการได้หรือไม่ ซึ่งวงเงินในสัญญาที่1นี้เป็นส่วนหนึ่งของวงเงินรวมที่ 10,345ล้านบาท ที่ รฟท. เสนอขอไป
ทั้งนี้ยืนยันว่า การขอความเห็นจากสำนักงานอัยการสูงสุดนั้นแค่งบประมาณที่เพิ่มเติมในสัญญาที่ 1 เท่านั้น ส่วนงานในสัญญาที่ 2 งานโยธาในโครงการช่วงบางซื่อ-รังสิต และ สัญญาที่ 3 ระบบอาณัติสัญญาณ ที่เพิ่มขึ้นทาง รฟท. ไม่ได้ส่งอัยการตีความ เนื่องจากเป็นงานที่เปลี่ยนแปลงงานที่ยังไม่ได้มีการก่อสร้าง อย่างไรก็ตามยืนยันว่าเพื่อให้เกิดความชัดเจนทาง รฟท. จะรอผลการตีความจากอัยการสูงสุดก่อนถึงจะดำเนินการต่อไป
อย่างไรก็ตามส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้ทาง รฟท.ได้สรุปตัวเลขงบประมาณเพื่อยืนยันวงเงินที่จะให้กระทรวงคมนาคมเสนอขอ คณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อมาใช้ในโครงการส่วนเพิ่มเติมนั้นยังยืนยันว่า ยังคงเป็นตัวเลขที่ 10,345 ล้านบาทเช่นเดิมไม่ได้มีการตัดวงเงินลง หรือ รายการลงแต่อย่างใด พร้อมยืนยันว่าโครงการสายสีแดงจะยังเปิดให้บริการในปี 64
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความต้องการของ รฟท.ที่ขอขยายกรอบวงเงิน อีก 10,345 ล้านบาทนี้ เป็นค่างานส่วนเพิ่มที่ครอบคลุมทั้งในสัญญาที่ 1 คืองานก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อและปรับเขตทางรถไฟ เพื่อให้ครอบคลุมจำนวนรางหรือ Track ที่มีในโครงการ รวมถึงงานส่วนเพิ่มในสัญญาที่ 2 และสัญญาที่ 3 ที่เป็นระบบอาณัติสัญญาณด้วย อย่างไรก็ตาม วงเงินส่วนเพิ่มนี้ ในช่วงที่ผ่านมา สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.)กระทรวงการคลัง เคยรับทราบกรอบวงเงินแล้ว หลังจากที่ไม่สามารถกู้เงินไจก้าได้ โดย สบน.ระบุว่าจะมีการจัดหาแหล่งเงินกู้ในประเทศหรือต่างประเทศ เข้ามารองรับวงเงินดังกล่าว แต่ก็ต้องมีการรายงานที่มาของแหล่งเงินกู้ใหม่ ให้ไจก้าทราบด้วย ขณะเดียวกันจากการตรวจสอบกลับพบว่า ผู้ที่มีอำนาจเซ็นสั่งเพิ่มงงานก่อสร้างนั้น ไม่มีอำนาจสั่งการจริง จึงเป็นที่มาของการตรวจสอบที่มาดังกล่าว
จบ..... นับจากวันนี้เป็นต้นไป จะเหลือแค่ยาสีฟัน "เทพไท" เท่านั้น ปรากฏชื่อในท้องตลาด ส่วนคนชื่อ "เทพไท เสนพงศ์" จะไม่ปรากฏชื่อทั้งในท้องตลาดการเมืองและการเลือกตั้ง ตลอดไป (กาลนาน...เทอญ) |
'สามสัส' ในภาวะ 'ระส่ำสัส' |
ภาษาไทยวันนี้ 'ภาษีกู' |
กล้วยดิบ 'วัคซีน' พื้นบ้าน |
"SCG ผู้ปิดทองหลังโควิด" |
ช่องว่าง "ระหว่างคิด-คุก" |
"วัคซีนสมอง"มาแล้วจ้ะ |