'อนุทิน' ยันไม่นำสารเคมีอันตรายกลับมาใช้ ย้ำอย่าคิดถึงต้นทุนผลิต ต้องมองผลกระทบรอบด้านด้วย


เพิ่มเพื่อน    

1 ก.ย.63 - ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีมีจะนำสารเคมีอันตรายที่ถูกแบนกลับมาใช้หรือไม่ว่า ที่ประชุม ครม. ไม่มีการพูดกันเรื่องนี้ ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวไม่ต้องกังวล เพราะยังไม่ได้มีการเรียกประชุมคณะกรรมการใดๆทั้งสิ้น รวมถึงสารพาราควอต และสารคลอร์ไพริฟอสถูกแบนไปเรียบร้อยแล้ว และเท่าที่ทราบทางกระทรวงอุตสาหกรรมได้ประกาศเป็นกฎกระทรวงออกมาเรียบร้อยแล้ว ไม่มีอะไรต้องกังวล อย่างไรก็ตาม ตนได้พบกับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แล้วโดยบอกว่า มีคนร้องเรียนผ่านท่านมา และท่านก็ผ่านเรื่องเสนอให้เจ้าหน้าที่ในคณะกรรมการพิจารณาเรื่องดังกล่าว

เมื่อถามว่า แสดงว่าไม่แน่ใจว่าจะมีการทบทวนเรื่องนี้ใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้ในที่ประชุมครม.ไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องนี้  และยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของ ครม. หากส่วนในของกระทรวงเกษตรฯจะพิจารณาทบทวน ก็ต้องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการวัตถุอันตราย สิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขแถลงจุดยืนไปเมื่อวานนี้ (31ส.ค.)​ว่า เรายังคัดค้านการใช้สารเคมีเหล่านี้เพื่อการเกษตร แต่ก็ยังมีความพยายามของผู้ประกอบการ ซึ่งก็ไม่ได้มีปัญหา แต่คิดว่าคงไม่มีใครพิจารณาเข้าๆออกๆ ของอันตรายก็คือของอันตราย ไม่มีทางกลับไปป็นของที่ปลอดอภัยได้ และเชื่อว่า ยุคนี้ สมัยนี้ คงไม่มีใครเอาของอันตรายไปให้ประชาชนและเกษตรกรใช้ ทั้งนี้ ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข มีความเป็นห่วงสุขภาพของประชาชน จึงต้องจัดเตรียมข้อมูลให้มากที่สุด และคนที่แถลงจุดยืนเมื่อวานก็ไม่ใช่ตัวของรัฐมนตรี แต่เป็นทีมแพทย์ที่กำกับดูแลหน่วยงานต่างๆซึ่งยืนยันว่าเป็นอันตราย

เมื่อถามย้ำว่า เรื่องนี้ต้องรอให้คณะกรรมการวัตถุอันตรายพิจารณาอีกหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการ และเลขานุการว่าจะบรรจุเป็นวาระการประชุมหรือไม่ ซึ่งใครก็สามารถเสนอเรื่องได้ แต่จะโหวตหรือไม่ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการ ทั้งนี้ ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขมีคณะกรรมการร่วมอยู่เพียง 2 คนจากคณะกรรมการทั้งหมด 27 คน และยืนยันว่าเราโหวตโนแน่นอน เพราะยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับการใช้สารดังกล่าว ใครจะมาว่าเราไม่ได้

เมื่อถามว่า นายกฯได้พูดถึงเรื่องนี้อย่างไรบ้าง นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มีการคุยกัน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่จบที่คณะกรรมการฯ ไม่ได้จบที่ ครม. ส่วนเรื่องที่ต้องหาสารอื่นมาทดแทนก็เป็นเรื่องของกรมวิชาการการเกษตรที่ต้องไปคิดค้น และหาสิ่งมาทดแทน แต่จะมาบอกว่า การใช้สารพิษจะทำให้ต้นทุนลดลง เช่น เรื่องค่าแรง และการปลูก แต่ตนเชื่อว่าต้นทุนในการรักษาพยาบาลนั้นจะมากกว่าหลายเท่าที่ใช้เงินเป็นแสนเป็นล้านบาท และอวัยวะที่สูญเสียไป จะนำที่ไหนมาคืน อย่าคิดเพียงต้นทุนการผลิตอย่างเดียว ให้คิดถึงต้นทุนทางสังคม และการรักษาพยาบาลด้วย ถามว่ามันคุ้มค่าหรือไม่ ส่วนที่มีการยบอกว่า มีคนเสียชีวิตจากสารดังกล่าวไม่กี่คน ตนถามว่า ถ้าเป็นญาติตนเอง คนเดียวก็ถือว่ามากแล้ว ที่ผ่านมาก็มีการพิสูจน์แล้วว่าแม้กระทั่งทารกที่อยู่ในครรภ์ก็ยังได้รับสารพิษจากสารพิษดังกล่าว


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"