ปอร์เช่ เปิดตัว พานาเมร่า ใหม่ ยนตรกรรมสปอร์ตซาลูน รุ่นปรับโฉม


เพิ่มเพื่อน    

สะท้อนความแตกต่างอย่างเหนือระดับ ปอร์เช่ พานาเมร่า ใหม่ ถึงเวลาเติมเต็มทางเลือกที่หลากหลายผสมผสานสมรรถนะของรถสปอร์ตและความสะดวกสบายในรูปแบบรถสปอร์ตซาลูนสุดหรูด้วยพละกำลัง สูงสุดกว่า 630 แรงม้า (463 กิโลวัตต์) พานาเมร่า เทอร์โบ เอส จึงกลายเป็นรถสปอร์ตซาลูนจากสายการผลิตปกติที่ถือได้ว่าให้สมรรถนะการขับขี่ดีเยี่ยมที่สุดในรถระดับเดียวกันเรือธง คันใหม่ของรุ่นมีการพัฒนาในหลายส่วนให้ดีขึ้นกว่า พานาเมร่า เทอร์โบ ในรุ่นก่อนหน้า ปอร์เช่ไม่ละเลยที่จะยกระดับตัวรถให้เหนือชั้นในเชิงของกลยุทธการพัฒนาด้าน E-Performance พานาเมร่า โฟร์เอส อี ไฮบริด คือรุ่นที่ได้รับการเปิดตัวเข้ามาเติมเต็มสายพันธุ์ plug-in hybrids ติดตั้งระบบขับเคลื่อนใหม่ให้พละกำลังสูงสุด 560 แรงม้า (412 กิโลวัตต์) เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่น ไฮบริด ก่อนหน้า พบว่าพิสัยระยะการเดินทางด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียว เพิ่มขึ้นถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ความนุ่มนวล และความสปอร์ต คือประโยชน์ที่ได้รับจากการปรับปรุงชิ้นส่วนต่างๆ ของระบบช่วงล่างและระบบควบคุมการทำงานจนสามารถสัมผัสได้ ชัดเจน ยิ่งขึ้นเมื่อทำงานร่วมกับระบบควบคุมพวงมาลัย และยางรถยนต์สมรรถนะสูงเจเนอเรชันล่าสุด 

เทอร์โบ เอส อัตราเร่ง 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 3.1 วินาทีพละกำลังสูงสุดกว่า 630 แรงม้า (463 กิโลวัตต์) พร้อมแรงบิดมหาศาลถึง 820 นิวตันเมตร พานาเมร่า เทอร์โบ เอส ให้แรงม้ามากขึ้นถึง 80 แรงม้า (59 กิโลวัตต์) และให้แรงบิดมากขึ้นถึง 50 นิวตันเมตร เมื่อเปรียบเทียบกับพานาเมร่า เทอร์โบ ขุมพลังสันดาปภายในรุ่นก่อนหน้า ผลลัพธ์คือสมรรถนะ การขับขี่ที่เหนือชั้นขึ้นไปอีกระดับ เมื่อเลือกใช้งาน Sport Plus mode รุ่นเทอร์โบ เอส ให้อัตราเร่งจาก 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในระยะเวลาเพียง 3.1 วินาที การพัฒนาเกิดขึ้นใน Weissach และผลิตที่โรงงาน Zuffenhausen ขุมพลังเครื่องยนต์เบนซินขนาด 4.0 ลิตร V8 เทอร์โบคู่ ผ่านการปรับปรุงใหม่หมดจดแทบทุกจุดให้รถทำความเร็ว สูงสุดได้ถึง 315 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อให้สามารถถ่ายทอดกำลังมหาศาลลงสู่พื้นถนนได้อย่างเต็มที่ภายใต้การควบคุม ที่เเม่นยำและให้ประสิทธิภาพในการเข้าโค้งอย่างไร้ที่ติ สิ่งที่ปอร์เช่นำมาใช้คือระบบช่วงล่างถุงลม three-chamber air suspension ระบบควบคุมการทรงตัว Porsche Active Suspension Management (PASM) และ roll stabilisation Porsche Dynamic Chassis Control Sport (PDCC Sport) รวมทั้งระบบ Porsche Torque Vectoring Plus (PTV Plus) ทั้งหมดได้รับการปรับแต่งอย่างละเอียดเพื่อให้การตอบสนองที่เหมาะสมกับสมรรถนะของแต่ละรุ่น 

เครื่องยนต์เบนซิน V8 เทอร์โบคู่ ใน พานาเมร่า จีทีเอส ได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติม โดยเน้นไปที่พละกำลังสูงสุด ผลลัพธ์ที่ได้คือตัวเลข 480 แรงม้า (353 กิโลวัตต์) และแรงบิด 620 นิวตันเมตร พานาเมร่า จีทีเอส ใหม่ ให้กำลังมากกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 20 แรงม้า (15 กิโลวัตต์) โดยความแรงที่มากยิ่งขึ้นสามารถตอบสนองผู้ขับขี่ได้อย่างต่อเนื่อง จนใกล้เคียงกับรอบการทำงานสูงสุดของเครื่องยนต์ ซึ่งมีบุคลิกการทำงานที่คล้ายคลึงกับรถสปอร์ตสไตล์ดั้งเดิมที่ติดตั้งเครื่องยนต์ไร้ระบบอัดอากาศให้เสียงคำรามที่เปี่ยมไป ด้วยเอกลักษณ์ของเครื่องยนต์ V8 ที่สัมผัสได้ถึงความเเข็งเเกร่งดุดันยิ่งกว่าที่เคยจนต้องยกประโยชน์ให้ระบบระบายไอเสีย sports exhaust ใหม่ ที่มาพร้อมหม้อพักท่อไอเสียท้ายแบบ asymmetrically positioned 

 

ปอร์เช่ พานาเมร่า และ พานาเมร่า โฟร์ ประจำการด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.9-ลิตร V6 เทอร์โบคู่ ในทุกภูมิภาคที่วางจำหน่าย ให้พละกำลังสูงสุด 330 แรงม้า (243 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ตัวเลขสมรรถนะที่ทำได้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง ช่วงล่างและระบบควบคุม ได้รับการปรับแต่งให้เกิดความสมดุลระหว่างการขับขี่ที่ดุดันสไตล์สปอร์ตและความนุ่มนวล สะดวกสบายอันเป็นคุณลักษณะเด่นที่สำคัญของ พานาเมร่า ใหม่ ในทุกรุ่น ถือเป็นครั้งแรก สำหรับบางระบบในการรีดศักยภาพการทำงานออกมาจนสมบูรณ์แบบ อาทิ ระบบ Porsche Active Suspension Management (PASM) ที่ผ่านการปรับปรุงจนสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงความนุ่มนวลที่เพิ่มขึ้นขณะโดยสาร ขณะที่ ระบบ roll stabilisation Porsche Dynamic Chassis Control Sport ได้รับการเพิ่มขีดความสามารถ ในด้านการควบคุม เพื่อให้มั่นใจในเสถียรภาพการทรงตัวทั้งหมดมีเพียงระบบควบคุมพวงมาลัยและยางรถยนต์ เท่านั้นที่เป็นอุปกรณ์ในเจเนอเรชันใหม่  

 

4 เอส อี ไฮบริด พร้อมแบตเตอรี่ 17.9 กิโลวัตต์ วิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าได้ไกลสุด 54 กิโลเมตร ปอร์เช่ นำเสนอนิยามใหม่ของยนตรกรรม plug-in hybrid เปี่ยมประสิทธิภาพ พานาเมร่า 4 เอส อี ไฮบริด ใหม่ ยานยนต์อัจฉริยะประสานพลังระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 136 แรงม้า (100 กิโลวัตต์) และเครื่องยนต์เบนซิน 2.9 ลิตร V6 เทอร์โบคู่ กำลังสูงสุด 440 แรงม้า (324 กิโลวัตต์) เมื่อทำงานร่วม กันก่อให้เกิดความแรงระดับ 560 แรงม้า (412 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุดที่ 750 นิวตันเมตร ถ่ายทอดกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ PDK คลัทช์คู่ 8 จังหวะ ให้ผลตัวเลขสมรรถนะการขับขี่สุดแสนประทับใจเมื่อทำงาน ร่วมกับชุดแต่งเพิ่มสมรรถนะ Sport Chrono Package อัตราเร่งจาก 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ภายใน ระยะเวลาเพียง 3.7 วินาที ความเร็วสูงสุดกว่า 298 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความจุแบตเตอรี่ปรับเพิ่มขึ้นจาก 14.1 เป็น 17.9 กิโลวัตต์ เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้าการปรับปรุงเซลล์แบตเตอรี่และการทำงานของ driving modes ช่วยให้ ประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานดีขึ้น 4 เอส อี ไฮบริด สามารถวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าได้ไกลสุดถึง 54 กิโลเมตร เมื่อทดสอบตามมาตรฐาน WLTP EAER City (มาตรฐาน NEDC: ทำได้สูงสุดที่ 64 กิโลเมตร)

 

ปอร์เช่ พานาเมร่า ใหม่ นอกเหนือจากรุ่นสปอร์ตซาลูนยังเพิ่มทางเลือกในรูปแบบตัวถัง สปอร์ต ทัวริสโม หรือรุ่นเอ็กเซ็คคูทีฟ ฐานล้อยาว โดยขึ้นอยู่กับระบบขับเคลื่อน ในแต่ละรุ่นได้รับการติดตั้งชุดแต่งตัวถัง Sport Design ซึ่งเคยเป็นอุปกรณ์พิเศษในรุ่นที่แล้ว มาเป็นมาตรฐานครีบดักอากาศกันชนหน้าสุดเฉียบคม  ช่องอากาศด้านข้างตัวถังขนาดใหญ่ และโคมไฟหน้าแบบ single-bar มุมมองด้านหน้าที่ใหม่หมดจดของ พานาเมร่า เทอร์โบ เอส สร้างความแตกต่าง จากช่องดักอากาศด้านข้างที่ขยายใหญ่ขึ้นและชิ้นงานตกแต่งตัวถังภายนอกดีไซน์ใหม่พ่นสีเดียวกับตัวรถติดตั้งต่อเนื่อง ทุกชิ้นในแนวราบเน้นย้ำรูปทรงตัวรถให้ดูกว้างยิ่งขึ้นชุดไฟหน้าภายในโคมของรุ่น เทอร์โบ ได้รับการออกแบบให้แตกต่าง จากรุ่นอื่นแถบเรืองแสงท้ายรถปรับปรุงใหม่วางตำแหน่งต่อเนื่องแนบสนิทไปกับรูปทรงเหนือแนวฝากระโปรงท้ายเป็น จุดเชื่อมต่อสายตาเพิ่มความลื่นไหลระหว่างไฟท้าย LED ดีไซน์ใหม่ทั้ง 2  ฝั่ง เสริมมาดสปอร์ตเต็มพิกัดในรุ่นจีทีเอส (GTS) ด้วยไฟท้ายรมดำเป็นอุปกรณ์มาตรฐานพร้อมฟังก์ชัน dynamic coming/leaving home เพิ่มทางเลือกในการตกแต่ง ด้วยล้ออัลลอยลวดลายใหม่ขนาด 20 และ 21 นิ้ว รวมเป็นล้ออัลลอยที่สามารถรองรับความต้องการได้ทั้งหมดกว่า 10 ดีไซน์ ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ เสริมความปลอดภัย และความสะดวกสบาย

 

ปอร์เช่ พานาเมร่า ยกระดับระบบช่วยเหลือการขับขี่และระบบไฟส่องสว่างให้เหนือชั้นขึ้นไปอีกขั้น อาทิ อุปกรณ์มาตรฐานระบบ Lane Keeping Assist พร้อมระบบตรวจจับสัญญาณจราจร road sign recognition รวมทั้งระบบช่วยเหลือการขับขี่เวลากลางคืน Night Vision Assist ระบบ Lane Change Assist ไฟหน้า LED matrix พร้อมระบบ PDLS Plus ระบบช่วยเตือนการจอด Park Assist ซึ่งรวมเอากล้องรอบคัน Surround View และการแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า head-up display

 

ปอร์เช่ พานาเมร่า ใหม่ พร้อมรับคำสั่งซื้อแล้วโดยรถจะส่งถึงผู้แทนจำหน่าย อย่างเป็นทางการในประเทศเยอรมันช่วงกลางเดือนตุลาคมนี้ ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 91,345 ยูโร สำหรับ พานาเมร่า รุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ all-wheel drive: ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 95,289 ยูโร ในรุ่น  พานาเมร่า โฟร์ เริ่มต้นที่ 126,841 ยูโร ในรุ่น พานาเมร่า 4 เอส อี ไฮบริด เริ่มต้นที่ 136,933 ยูโร ในรุ่น พานาเมร่า จีทีเอส และเริ่มต้นที่ 179,737 ยูโร ในรุ่น พานาเมร่า เทอร์โบ เอส ทั้งนี้เป็นราคาจำหน่ายที่รวมภาษี และอุปกรณ์มาตรฐานในภูมิภาค 

 

แกลลอรี่


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"