‘รัฐบาลบิ๊กตู่’ ภายนอกขย้ำ-ภายในเขยื้อน


เพิ่มเพื่อน    

       อาจจะกล่าวได้ว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ในช่วงเจอ “มรสุมลูกใหญ่” และเหมือนคนไข้ที่เจอ

                “ภาวะแทรกซ้อน”

            หลายปัญหากำลังมะรุมมะตุ้ม พุ่งชนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จนไม่สามารถขับเคลื่อนงานไปข้างหน้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

            ภายนอกต้องเผชิญกับการชุมนุมของกลุ่มนักเรียน นิสิตนักศึกษา ขณะที่สภาวะเศรษฐกิจไม่มีทีท่าจะกระเตื้องขึ้น ภายหลังรายได้หลักของประเทศอย่างการท่องเที่ยวและการส่งออกเป็นอัมพาต

            แม้รัฐบาลจะมีแนวคิดนำเข้านักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศ โดยการจำกัดพื้นที่และควบคุมดูแล เพื่อหวังนำรายได้กลับเข้ามาในประเทศ เนื่องจากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศไม่เพียงพอ

            โดยเฉพาะจังหวัดการท่องเที่ยวที่ไกลเกินกว่า 300 กิโลเมตรจาก กทม. อย่าง จ.ภูเก็ต เชียงใหม่ ที่รายได้ส่วนใหญ่มาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ปัจจุบันอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก

            ผู้ประกอบการโรงแรม ธุรกิจร้านค้าในแหล่งท่องเที่ยว ขาดรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ปีๆ หนึ่งนำเม็ดเงินเข้ามามหาศาล แน่นอนว่า หากยังเป็นเช่นนี้อยู่อาจจะมีโรงแรมและธุรกิจต่างๆ ทยอยปิดตัว

            การที่ธุรกิจโรงแรมปิดตัวจะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปยังลูกจ้าง อันจะก่อให้เกิดการว่างงานตามมา ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ค่อนข้างเป็นห่วงในเรื่องนี้

            แต่การนำเข้านักท่องเที่ยวต่างชาติย่อมเจอกระแสต้านจากคนในประเทศ เป็นเหตุให้รัฐบาลไม่กล้าที่จะฝืนเดินหน้าในช่วงเวลานี้ และทำได้เพียงออกมาตรการระยะสั้น เช่น การช่วยค่าครองชีพ การหาอัตรารองรับการว่างงาน รวมไปถึงเด็กจบใหม่

            การเดินหน้าเศรษฐกิจกระทำได้อย่างมีข้อจำกัด เพราะยังไม่สามารถเปิดน่านฟ้าเพื่อนำเข้าคนต่างชาติได้

            นอกจากเศรษฐกิจที่สร้างความทุกข์ใจให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ ความเคลื่อนไหวในประเทศก็ดูจะสร้างความพะว้าพะวงให้กับผู้นำรัฐบาล โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของนักเรียน นิสิตนักศึกษา อันส่งแรงกดดันกับการขับเคลื่อนเรื่องต่างๆ ไม่น้อย

            ในห้วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลต้องยอมถอยไปแล้ว 2 เรื่อง เรื่องแรกคือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ยอมให้มีการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เพื่อลดกระแสของม็อบ

            และอีกเรื่องคือ การยอมชะลอจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2 และ 3 ของกองทัพเรือออกไปอีก 1 ปี หลังเจอกระแสสังคมต่อต้านว่า ช่วงนี้ไม่เหมาะสม เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ทำให้กองทัพเรือและกระทรวงกลาโหมต้องถอยเป็นครั้งที่ 2

            ขณะที่ เรื่องข้อพิพาทจากกรณีปิดกิจการเหมืองแร่ทองคำของทางบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด เมื่อปลายปีก่อน ก็ถูกนำมาประเด็นเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์รับผิดชอบเหมือนที่เคยพูดเอาไว้ โดยห้ามใช้งบประมาณแผ่นดินที่มาจากภาษีประชาชน หลังพบว่ามีการตั้งงบประมาณสู้คดีไปแล้วร่วม 300 ล้านบาท

            นาทีนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเก่า เรื่องใหม่ ล้วนนำมาโจมตีรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ได้ทั้งสิ้น

            สารพันปัญหาประดังประเดเข้ามา ไม่มีทีท่าว่าจะเบาบางลง ล่าสุดต้องเจอปัญหาเรื่อง “คน” เพิ่มเข้ามาอีก จากการที่นายปรีดี ดาวฉาย ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง รมว.คลัง หลังทำงานได้เพียง 27 วันเท่านั้น

            แม้จะมีการอ้างเหตุผลว่า เป็นเรื่องสุขภาพ แต่ปัญหาที่แท้จริงน่าจะมาจากความขัดแย้งเรื่องการแต่งตั้งอธิบดีกรมสรรพสามิต ที่นายปรีดีและนายสันติเห็นไม่ตรงกัน

            นายปรีดีเลือกที่จะถอยฉากทันที หลังเห็นสัญญาณแล้วว่าการทำงานนับจากนี้จะไม่สามารถดำเนินการตามแนวทางของตัวเองได้

            ถือเป็นเรื่องใหญ่ แม้จะเป็น รมว.คลังตำแหน่งเดียวก็ตาม อย่างที่รู้กันมาตลอดว่า ปัญหาสำคัญในการเลือกคนมาบริหารงานไม่ใช่เพราะ พล.อ.ประยุทธ์หาคนเก่งในประเทศมาช่วยไม่ได้ หากแต่ไม่มีใครกล้าเอาชื่อมาทิ้งในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ รวมไปถึงการทำงานร่วมกับฝ่ายการเมืองยุคนี้ที่ขึ้นชื่อว่า เขี้ยวมากที่สุดยุคหนึ่ง

            ต่อให้เก่งกาจขนาดไหน แต่หากมาแล้วไม่สามารถใช้ศักยภาพของตัวเองได้อย่างเต็มที่ก็เปล่าประโยชน์ ซึ่งเป็นภาพที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนักในยุคก่อนๆ ที่จะมีใครปฏิเสธคำเชื้อเชิญให้เป็นรัฐมนตรี แต่มันเกิดขึ้นในยุคนี้หลายครั้ง

            โจทย์สำคัญในการเลือก “ขุนคลัง” คนใหม่ของ พล.อ.ประยุทธ์ครั้งนี้คือ เป็นคนเก่งที่สามารถทำงานร่วมกับฝ่ายการเมืองได้ สเปกคล้ายๆ กับนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ที่มีคอนเน็กชั่นกับฝ่ายการเมือง ซึ่งแน่นอนว่า หายาก

            การจะเลือกคนที่มีภาพลักษณ์ดี หรือเก่งอย่างเดียว สุดท้ายการชักชวนเข้ามาก็เหมือนเป็นการ “ทำร้าย” ยากที่ใครจะตอบรับ หรือให้เข้ามาสุดท้ายก็จะเจอสภาวะแบบเดียวกับนายปรีดี

            และต่อให้เคลียร์เรื่องนี้ได้ ยังไม่รู้ว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์จะต้องเจอปัญหาอะไรอีกบ้าง เพราะเท่าที่ดู สัญญาณหลายๆ อย่าง มรสุมยังไม่น่าจะหมดอยู่แค่นี้.

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"