ส.ว.เสนอยกเลิกหมวดปฏิรูปประเทศใน รธน. เหตุยังไปไม่ถึงไหน


เพิ่มเพื่อน    

8 ก.ย.63 - ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม เพื่อพิจารณารายงานความคืบหน้าในการดำเนนิการตามแผนปฏิรูปประเทศ ตามมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญ ประจำเดือนม.ค. ถึงเดือนมี.ค. 2563 โดยการพิจารณารายงานการปฏิรูปด้านสาธารณสุข

นายณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ส.ว. ตั้งคำถามถึงความจริงใจในงานปฏิรูปว่า การทำงานปฏิรูปที่ผ่านมาคนทำงานอยากเปลี่ยน แต่คนที่ไม่ต้องการให้เปลี่ยนคือ ผู้บริหารระดับสูง เพราะไม่อยากสูญเสียอำนาจ ดังนั้นการปฏิรูปที่คืบหน้าต้องปรับโครงสร้างอำนาจใหม่ อย่างไรก็ดีจากการรับฟังข้อเสนอแนะของส.ว. ผู้ที่นำรายงานเสนอต่อวุฒิสภารู้สึกอย่างไร หรือมองเป็นเพียงวาทกรรม พิธีกรรมเท่านั้น หรือให้คุณค่ากับแผนการปฏิรูปหรือไม่ ซึ่งหากให้คุณค่าต้องเร่งรัด ทั้งนี้ ที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เคยตามเรื่องปฏิรูปในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือไม่ หากไม่ ต้องปรับกระบวนการกำกับงานปฏิรูปใหม่ ให้เป็นรูปธรรม มากกว่าการรายงานโดยข้าราชการ ผ่านสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมเป็นรูปเล่ม

นายเฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ ส.ว. อภิปรายว่า ส.ว.รู้สึกถึงการปฏิรูปผ่อนคลายความเร่งด่วนของงานปฏิรูปประเทศ และรู้สึกว่างานปฏิรูปนั้นทำจริงจังหรือเร่งด่วนหรือไม่ ทั้งนี้ มีบางกระแสต้องการให้ยกเลิกหมวดปฏิรูปประเทศในรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 เพราะรู้สึกว่าไปไม่ถึงไหน แต่งานปฏิรูปยังต้องการให้เกิดขึ้น แต่ไม่ต้องการให้เขียนไว้ในกลไกปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ตนมีข้อเสนอต่องานปฏิรูปด้านสาธารณสุข ทั้งในด้านการรู้เท่าทันโรคและผลักดันเทคโนโลยีสู้โควิด-19 หากทำได้ ถือว่าการปฏิรูปยังจำเป็น แต่หากทำไม่ได้ต้องยอมรับว่าประชาชนไม่ต้องการการปฏิรูปในรูปแบบที่เขียนไว้ในกลไกรูปแบบเดิม

นายเฉลิมชัย อภิปรายด้วยว่า กระทรวงสาธารณสุขมีโอกาส แต่ไม่ทำ โดยเฉพาะเร่งสร้างศักยภาพกับสถาบันการศึกษาหรือสถาบันวิจัยวัคซีน ทั้งนี้ ตนมีสถิติผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลก ประจำวันที่ 8 กันยายน พบว่ามีผู้ติดเชื้อ 27 ล้านรายและมีผู้เสียชีวิตแล้ว 8.9 แสนคน โดยมีประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นทำให้จีดีพีไตรมาสสองของสหรัฐถูกกระทบถึงร้อยละ 32.9 มากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์อเมริกัน อย่างไรก็ตามสถานการณ์โควิด-19 ทำให้เกิดผลร้ายแรงต่อระบบเศรษฐกิจ หากไม่เร่งหาวัคซีนเพื่อป้องกัน ทั้งนี้ประเทศไทยโชคดีมีเทคโนโลยีใหม่ ชื่อว่า เอ็มอาร์เอ็นเอ กับมหาวิทยาลัยเพนซีวาเนีย ซึ่งทุกประเทศทั่วโลกแย่งเพื่อใช้สูตรเบื้องต้นเพื่อทดสอบ

“ไทยติดต่อกับบริษัทในต่างประเทศได้สำเร็จ แต่ต้องวางเงินมัดจำ 1ล้านยูเอสดอลลาร์ ซึ่งประเทศไทยมีเงินสำหรับวัคซีน 1,000 ล้านบาท ครม.อนุมัติหลักการและเตรียมเงิน 1,000 ล้านบาท แต่ไม่สามารถนำเงิน 30 ล้านบาทเพื่อไปวางมัดจำได้ เนื่องจากกลัวคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินสอบ เพราะนำเงินที่เป็นภาษีประชาชนไปวางในสิ่งที่ไม่รู้ว่าจะได้หรือไม่ เพราะวัคซีนเป็นเรื่องไม่แน่นอน

การกลัวระบบตรวจสอบที่จำเป็นแต่มีผลข้างเคียง ทำให้ไม่มีใครกล้าวางเงิน แม้จะเป็นเรื่องสุจริต เพราะระบบไม่เอื้อ แต่สุดท้ายมีผู้ใจบุญโอนเงิน 30 ล้านบาทไปให้ไม่เกี่ยวกับระบบราชการหรือตรวจสอบ ดังนั้นต้องปฏิรูป ผ่านมติครม. ทำช่องทางพิเศษ เพื่อเปลี่ยนแปลงการอนุมัติงบประมาณสำหรับโรคอุบัติใหม่ คาดว่า 2027 โคโรน่าไวรัสลำดับที่ 8 จะทำให้เกิดโรคอุบัติใหม่อีก เพราะโรคอยู่ในระบบนิเวศน์ หากคนเที่ยวป่า กินสัตว์ป่า รับรองหนีไม่พ้น และหากไม่เร่งพัฒนาวัคซีนจะพบความทุกข์ร่วมกันอีกครั้ง” นายเฉลิมชัย อภิปราย


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"