เกาะพะงันในคืนวันโควิด-19 (ตอนที่ 1)


เพิ่มเพื่อน    

      นักบินลดระดับความสูง แหวกปุยนุ่นของเมฆขาวลงไป มองเห็นผืนทะเลสีน้ำเงินเข้ม แซมด้วยเกาะน้อยใหญ่ และเส้นสายทางน้ำที่ขีดตามหลังเหล่าลำเรือ ฝั่งขวามือคือภูเขาและผืนป่า จากนั้นจึงเป็นสีเขียวพืดของสวนปาล์มและนากุ้งเรียงกันเหมือนตารางในกระดาษ

            สุราษฎร์ธานีวันนี้อากาศแจ่มใสเหมือนไม่ใช่หน้าฝน ปากแม่น้ำพุนพิน ปากน้ำตาปี และปากคลองเล็กๆ ตัดสีตัดเส้นกับน้ำทะเลและป่าชายเลนดูคมชัด แต่ไม่ทันได้เพ่งพิศมองหาบรรดาขนำริมทะเลของชาวประมงเลี้ยงหอยแครงว่ายังอยู่ดีหรือไม่ นักบินก็โยกคันบังคับเลี้ยวขวา แล้วค่อยๆ หย่อนนกเหล็กลงสู่รันเวย์สนามบิน

            เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วรถเข้าเมือง ไปจังหวัดใกล้เคียง และรถพ่วงเรือไปยังเกาะต่างๆ ตั้งเรียงกันอยู่ในอาคารผู้โดยสารขาเข้า ผมเดินไปที่เคาน์เตอร์ของบริษัท ราชาเฟอร์รี่ จ่ายเงิน 500 บาทให้กับพนักงานสำหรับค่ารถพ่วงเรือสู่เกาะพะงัน

            รถไม่ได้วิ่งผ่านตัวเมือง ใช้ทางอ้อมแต่ลัดในด้านของเวลา ข้ามสะพานศรีสุราษฎร์ไปบรรจบกับถนนสายสุราษฎร์-นครศรีฯ ที่สี่แยกบางกุ้ง วิ่งผ่านอำเภอกาญจนดิษฐ์ เลี้ยวซ้ายที่สามแยกบ้านในตรงไปยังตัวอำเภอดอนสัก


เรือเฟอร์รี่กำลังจะเข้าเทียบจอดที่ท่าเรือท้องศาลา เกาะพะงัน

            สำหรับสะพานศรีสุราษฎร์ที่ผมกล่าวถึงไป สร้างเสร็จเปิดใช้เมื่อปี 2556 เว็บไซต์ต่างๆ แม้แต่ของบางสำนักข่าวชื่อดังระบุว่าเป็นสะพานที่สูงที่สุดในภาคใต้ แต่น่าแปลกใจที่ไม่บอกระดับความสูงไว้ ผมหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตก็ไม่พบตัวเลขความสูงแต่อย่างใด

            เนื่องจากผู้โดยสารลงเกาะในช่วงนี้มีจำนวนนับหัวได้ บริษัทได้เปลี่ยนจากบัสเป็นรถตู้ เช่นเดียวกับเรือเฟอร์รี่ก็ถูกลดจำนวนเที่ยวลง ระยะทางจากสนามบินสุราษฎร์ธานีถึงท่าเรือของบริษัท ราชาเฟอร์รี่ อำเภอดอนสัก ประมาณ 90 กิโลเมตร รถตู้ใช้เวลาวิ่ง 1 ชั่วโมง 45 นาที

            เรือเฟอร์รี่สู่เกาะพะงันเที่ยวบ่าย 3 โมงครึ่ง มีผู้โดยสารไม่ถึง 100 คน ถ้าจะให้ชี้จำนวนแน่ชัดลงไปก็คงประมาณ 50 คนเท่านั้น มีฝรั่งรวมอยู่ด้วย 2 คน เข้าใจว่าย้ายแหล่งท่องเที่ยวในช่วงเวลาโควิด-19 นี้ไปเรื่อยๆ หนึ่งในเหตุผลที่บ่ายหน้าสู่เกาะพะงันก็คงเพราะค่าครองชีพไม่สูงนัก

            มีสาวไทยคนหนึ่งที่ผมเจอตั้งแต่ลงเครื่อง กระทั่งนั่งรถตู้ก็นั่งติดกัน เธอถามคำถามที่ทำให้ผมทราบว่าเพิ่งเดินทางไปเกาะพะงันเป็นครั้งแรก ที่ท่าเรือเธอดูมีอาการงงๆ ตอนจะลงเรือ ผมจึงบอกให้เดินตาม มีโอกาสผมก็ถามว่าไปทำอะไรบนเกาะ เธอตอบว่าไปเที่ยว

            เด็กสาวผิวคล้ำ หุ่นบอบบาง สวมกางเกงเลกกิ้ง และเสื้อกล้าม หน้าตาสะท้อนข้อมูลน้อยนิด เพราะถูกปิดไว้ด้วยหน้ากากผ้า มีเพียงแววตาที่ทำให้ผมมั่นใจว่าสาวน้อยอายุไม่เกิน 20 ปี

            ผมถามเหตุผลที่เธอมาคนเดียว เธอเหมือนจะกำลังคิดหาคำตอบ ผมจึงตอบให้แทนว่ามีเพื่อนรออยู่บนเกาะแล้วล่ะสิ เธอรีบพยักหน้า “ใช่ค่ะ” ผมไม่กล้าถามอะไรต่อ แต่อดไม่ได้ที่จะนึกไปว่าหวานใจชายฝรั่งรออยู่ หรือเธออาจกำลังย้ายจากเกาะหนึ่งมายังอีกเกาะหนึ่ง เพื่อทำอาชีพเดิม


สุนัขทะเลกำลังลาดตระเวนริมหาดเจ้าเภา

            เรือเฟอร์รี่วิ่งผ่านเกาะสมุยทางขวามือ ก่อนจะเข้าเทียบท่าที่ท่าเรือท้องศาลา เกาะพะงัน เรือใช้เวลาวิ่ง 2 ชั่วโมงครึ่ง ผมโทรศัพท์ไปยกเลิกรีสอร์ตริมหาดเจ้าเภาที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 10 กิโลเมตรเพราะเห็นว่าฟ้ากำลังจะมืด ไม่สะดวกเดินทาง ขอเลื่อนวันเข้าพักเป็นพรุ่งนี้แทน ทางปลายสายไม่ขัดข้อง จากนั้นผมโทรศัพท์หาเพื่อนที่ทำงานอยู่บนเกาะ เขาขับรถกระบะมารับ พาไปเก็บกระเป๋าที่บ้านของเขาแล้วมุ่งหน้าไปยังหาดธารเสด็จซึ่งอยู่อีกฝั่งของเกาะ (ฝั่งตะวันออก) ในเวลาย่ำค่ำ เส้นทางคดเคี้ยว มากด้วยโค้ง แต่ไม่ถึงกับดูอันตราย

            น้ำตกธารเสด็จอยู่ใกล้ๆ และชายหาดก็ห่างออกไปไม่กี่ร้อยเมตร เพื่อนของผมเลี้ยวรถขึ้นเนิน เข้าจอดบนที่โล่งคล้ายตั้งใจจัดไว้เป็นที่จอดรถ ติดกันมีบ้านพักหลักเล็กๆ และลานหินกว้างลาดลงเล็กน้อย ไม่ราบเรียบแต่นั่งจับกลุ่มหรือตั้งวงได้หลายวง ที่ปลายสุดด้านบนของเนินมีลานหินแบนราบพอสำหรับวางกลองชุด อุปกรณ์เครื่องขยายเสียง และเป็นจุดประจำการของคณะนักดนตรี มีโขดหินและต้นไม้แซมคล้ายดูเป็นฉากหลังเวที นักดนตรีล้วนเป็นฝรั่ง ส่วนคนดูคนฟังทั้งหมดเป็นชาวไทย

            “ไพรเวทปาร์ตี้” คือคำจำกัดความที่เพื่อนผมบอก จัดกันเองในสถานที่ส่วนบุคคล เจ้าของสถานที่นำเครื่องดื่มมาวางขายราคาย่อมเยา กำไรเล็กน้อยเป็นค่าอาหาร-กับแกล้มที่แจกฟรี ส่วนค่านักดนตรีอาวุโสทั้ง 5 ท่านไม่ต้องจ่าย พวกเขาเป็นสามีของสาวไทยบางคน เป็นเจ้าของบาร์บางแห่ง และเป็นฝรั่งที่ติดเกาะอยู่ยาวแม้จะไม่มีโควิด-19 ก็ตาม ในบางโอกาสก็รวมตัวกันเล่นดนตรีในบาร์ของตัวเอง

            ได้ข่าวว่าเมื่อตอนเย็นและช่วงหัวค่ำมีตำรวจมาตั้งด่านบริเวณวงเวียนก่อนถึงสถานที่จัดปาร์ตี้ ทำให้ฝรั่งเลี้ยวมอเตอร์ไซค์กลับกันหมด เหลือผู้ร่วมงานเพียงแค่คนไทยที่เป็นคนท้องถิ่นและพวกที่ปักหลักทำมาหากินบนเกาะมายาวนาน

            “นายหาเรื่องกวน เพิ่งมูลกับนายไม่กี่วันก่อน” เพื่อนผมชี้แจง มูลแปลว่าไม่กินเส้นหรือบาดหมางกัน ส่วนนายหมายถึงตำรวจ

            พลันที่เรานั่งลงบนพื้นหินทำเลเหมาะ อินโทรของเพลงแรกก็ดังขึ้น เป็นเพลงที่ดูเหมาะสำหรับการเริ่มต้นค่ำคืน Susie Q ของวง CCR และที่ตามมาล้วนเป็นร็อกแอนด์โรล ระหว่างพักแต่ละรอบ ดีเจเปิดเพลงลูกทุ่งร่ำวงเวียนครกสไตล์ปักษ์ใต้ นักดนตรีแบ่งเล่น 3 ช่วง จบเพลง Rockin’ in a Free World ของ Niel Young แล้วเก็บเครื่องดนตรี หันมาดื่มอย่างเดียว


ยามพระอาทิตย์ใกล้ตกที่หาดเจ้าเภา เกาะพะงัน

            ดีเจเปิดรำวงเวียนครกไปได้อีกไม่กี่เพลงก็มีการขอร้องคาราโอเกะ เปิดด้วยอดีตนักมวยไทย ต่อยระดับท็อปทั้งเวทีลุมพินีและราชดำเนินค่าตัวเรือนแสน “ศรีตรัง” คือชื่อที่เจ้าตัวบอกผม ส่วนชื่อค่ายผมจำไม่ได้ เขาเป็นคนจังหวัดตรัง อีกทั้งเป็นลูกศิษย์ “พุฒ ล้อเหล็ก” อดีตยอดมวยผู้เพิ่งล่วงลับไม่นาน ศรีตรังร้องเพลงลูกทุ่งได้เพราะมาก แต่ผมไม่แปลกใจ นักมวยไทยรุ่นเก่าๆ ร้องเพลงเพราะเกือบทุกคน ว่างจากการชกเป็นต้องเข้าคาราโอเกะ แต่นักมวยสมัยนี้นอนเล่นโทรศัพท์มือถืออย่างเดียว

            ปัจจุบันศรีตรังเป็นครูมวยสอนบนเกาะพะงัน ลูกศิษย์ของเขาชื่อ “โอลิเวอร์” จากสวิตเซอร์แลนด์ตามมาสมทบในช่วงดึก ตอนนี้ทั้งคู่กลายเป็นพี่น้องกัน ศรีตรังมักชวนโอลิเวอร์ไปกินข้าวที่บ้าน โดยเฉพาะวันที่เมียของเขาทำแกงส้มปลา โอลิเวอร์สั่งเบียร์คราวละ 2 ขวด เผื่อครูมวยของเขาด้วย เมื่อได้โอกาสศรีตรังก็สั่งเบียร์ 2 ขวดเช่นกัน อีกขวดเผื่อลูกศิษย์ สลับไปมาอย่างนี้ทั้งคืน

            โอลิเวอร์เข้าเมืองไทยมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ แม้สถานการณ์โควิด-19 ในสวิตเซอร์แลนด์ดีขึ้นช่วงหนึ่งเขาก็ไม่กลับ จนปัจจุบันสวิตเซอร์แลนด์และยุโรปอีกหลายประเทศโควิด-19 กลับมาระบาดระลอกใหม่ ในเมื่อไม่ติดแบล็กลิสต์เพราะอยู่เกินกำหนด ฝรั่งที่ไม่มีครอบครัวและการงานให้รับผิดชอบที่บ้านเกิดก็ถือโอกาสอยู่เมืองไทยยาวๆ เพียงแต่ว่าตอนนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน ฝรั่งหลายคนอยู่ต่อด้วยการขอวีซ่านักเรียน โอลิเวอร์บอกผมว่าเวลานี้โรงเรียนสอนภาษาไทยที่มีอยู่ 3 แห่งบนเกาะพะงันเต็มทั้งหมด เขายังไม่รู้จะแก้ปัญหานี้อย่างไร วันที่ 26 กันยายนนี้ คือวันที่กำหนดให้เขาต้องออกจากเมืองไทย

            ผมได้คุยกับฝรั่งบางคนในวันต่อๆ มา ทราบว่านโยบายการให้พำนักอยู่ต่อของชาวต่างชาติโดยไม่ติดแบล็กลิสต์ในแต่ละรอบนั้นประกาศออกมาล่วงหน้าไม่นาน ทำให้บางคนร้อนรนว่าจะจัดการกับชีวิตอย่างไร แม้ว่าจะออกอาการโล่งอกในนาทีสุดท้ายกันมาหลายรอบแล้วก็ตาม

            เวทีคาราโอเกะจบลงโดยการบังคับของธรรมชาติ ฝนเทลงมาจนเก็บเครื่องเสียงไม่ทัน เมื่อย้ายคนที่หลงเหลือขึ้นไปบนบ้านได้แล้ว อีกตั้งนานกว่าฝนจะหยุด ผมจึงขอออกไปปูเสื่อนอนเล่นกลางลานหินโล่งจนเคลิ้มหลับไป เกือบเช้าแล้วตอนที่เพื่อนผมมาปลุกให้ขึ้นรถกลับบ้านโดยที่ไม่ได้เห็นหาดธารเสด็จ น้ำตกธารเสด็จ และหิน จปร.

            บ่ายวันต่อมาผมแยกกับเพื่อนโดยยืมมอเตอร์ไซค์ของเขาขับไปยังหาดเจ้าเภา เข้าเช็กอินแล้วนอนพักครู่หนึ่ง ตอนเย็นออกไปยังร้านอาหารริมทะเลของรีสอร์ต สั่งเบียร์มา 1 ขวดเล็ก เดินลงไปยังชายหาด ทางรีสอร์ตวางเบาะสำหรับนั่ง-นอนเล่น เคียงกับโต๊ะวางเครื่องดื่ม ห่างจากน้ำทะเลแค่สองสามเมตร พื้นที่ตรงนี้รองรับแขกได้ประมาณ 10 คู่ แต่วันนี้ไม่มีใครเลย

            รีเซ็ปชั่นสาวบอกผมตอนเช็กอินว่าปกติในช่วงไฮซีซั่นแขกจะเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ หน้าโลว์ซีซั่นเหลือ 60 เปอร์เซ็นต์ แต่ในช่วงโควิด-19 เหลือประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ทางรีสอร์ตต้องลดราคาที่พักลงมาเกินครึ่ง ห้องพักของผมราคาเหลือเพียง 500 บาทพร้อมอาหารเช้า จากปกติ 1,200 บาทหรือมากกว่า


นู้ดบีช ถ่ายไว้ตอนที่ยังไม่รู้ว่าเป็นสถานเปลื้องผ้าเล่นน้ำ-อาบแดด

            ช่วงที่ผ่านมาฝรั่งตกค้างเพราะโควิด-19 เที่ยวหาที่พักราคาถูกกันให้ทั่ว พวกเขาถามหาที่พักไม่มีเครื่องปรับอากาศเพราะหวังว่าราคาจะถูกลงไปอีก บรรดารีสอร์ต บังกะโลก็ลดราคารองรับตามความต้องการ หลายแห่งปรับราคาให้สำหรับผู้พักรายสัปดาห์และรายเดือน ที่รีสอร์ตแห่งนี้หากว่าพักรายเดือนราคาเหลือเพียง 7,500 บาท ส่วนรายวันเขียนป้ายไว้ 400 บาท นักท่องเที่ยวตกค้างต่อรองขอให้รวมอาหารเช้าเพิ่มเข้าไปด้วย ห้องพักทุกห้องมีแอร์ พนักงานจึงต้องสับสวิตช์แอร์ลงเสีย เพราะไม่เช่นนั้นฝรั่งก็จะเปิดแอร์ ทำให้รีสอร์ตขาดทุนเพราะค่าไฟ

            เหลือเบียร์ครึ่งขวด ผมลุกเดินตามชายหาดไปทางทิศใต้ ผ่านบาร์เล็กๆ ของรีสอร์ตที่อยู่ติดกัน จากนั้นเป็นร้านอาหารและคาเฟ่ขึ้นชื่อเรื่องเบียร์เบลเยียม ถัดไปเป็นแหลมหินเล็กๆ ยื่นออกไปในทะเล มีทางเดินไม้คล้ายสะพานเชื่อมไปยังอ่าวเล็กจิ๋ว 2 อ่าวติดๆ กัน ฝรั่งเล่นน้ำทะเลอยู่จำนวนหนึ่ง นอนท้าตะวันตกดินอยู่บนชายหาดห้าหกคน บนโขดหินก็มี

            แล้วผมก็เริ่มสังเกตเห็นว่าบางคนไม่สวมเสื้อผ้าแม้แต่ชิ้นเดียว พวกที่อยู่ในทะเลก็คงเช่นกัน ฝรั่งคู่หนึ่งที่เดินแซงผมมาก่อนหน้านี้กำลังจะลงเล่นน้ำ ฝ่ายชายแก้ผ้าวางบนโขดหินแล้วเดินลงทะเล ฝ่ายหญิงเปลื้องบิกินีตามลงไป นี่มันนู้ดบีชชัดๆ

            ผมเดินกลับ สวนกับชายคนหนึ่ง เขาส่งสายตาหวานเยิ้มมาให้ ผมยิ้มตอบแล้วรีบหลบสายตา กระดกเบียร์ที่เหลือจนหมดขวดแล้วเดินไปยังบาร์เล็กๆ ที่เจอก่อนหน้านี้ สั่งเบียร์มาอีกขวด บาร์เทนเดอร์เป็นฝรั่งสาวหน้าหวาน พูดไทยได้ เธอเป็นลูกครึ่งพ่อไทยแม่ฝรั่ง หน้าตาแทบไม่เหลือเค้าคนไทย ผมยังสงสัยเรื่องนู้ดบีชแต่ไม่กล้าออกปากถามกับเธอ ไม่แน่คืนนี้ผมจะกลับมาใหม่ หมดเบียร์ 1 ขวดแล้วเดินกลับที่พัก ขอให้พนักงานจัดโต๊ะอาหารสำหรับ 3 คน รอเพื่อนฝรั่งมากินมื้อค่ำด้วยกัน

            พระอาทิตย์คงตกดินไปแล้ว บัดนี้ท้องฟ้าทางทิศตะวันตกถูกฉาบด้วยสีดำทะมึนมาจากฝั่งแผ่นดินสุราษฎร์ธานี ฝนกำลังจะมาถึงเกาะพะงันเร็วๆ นี้ ที่มาถึงก่อนคือลมแรง ผมย้ายโต๊ะเข้าด้านใน 2 ครั้งเพื่อหนีฝนสาด ความจริงไม่ว่าจะย้ายไปไหนก็หนีไม่พ้น และแล้วผู้หญิงฝรั่ง 2 คนก็เดินเข้ามา

            เมลานี เพื่อนชาวดัตช์ของผม พร้อมกับเพื่อนใหม่บนเกาะของเธอชื่อเทรซี่ มาจากออสเตรเลีย เมลานีอายุประมาณ 35 ปี ส่วนเทรซี่คงเกิน 45 ไปแล้วพอสมควร ทั้งคู่เนื้อตัวเปียกฝนแต่ไม่ถึงกับชุ่มโชก ผมสวมกอดกับเมลานีและจับมือกับเทรซี่ จากนั้นเราแก้ปัญหาเรื่องฝนด้วยการย้ายไปนั่งโต๊ะบริเวณระเบียงหน้าห้องพัก ผมเข้าไปหยิบผ้าเช็ดตัวผืนที่ยังไม่ได้ใช้มาให้ทั้งคู่เช็ดเนื้อตัว พนักงานจากประเทศเพื่อนบ้านเดินตามไปรับรายการอาหาร สองสาวเป็นมังสวิรัติ ผมจึงขอเป็นมังสวิรัติตามพวกเธอหนึ่งมื้อ

            ผมรู้จักเมลานีเมื่อ 5 ปีก่อน เธอไม่กลับเนเธอร์แลนด์มาเกือบ 8 ปีแล้ว เมื่อก่อนทำงานในบริษัทเอเยนซีโฆษณา ตอนอยู่เมืองไทยก็ทำงานแบบออนไลน์ส่งไปทางโน้น ประมาณ 3 ปีที่แล้วเธอย้ายไปเป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่เวียดนามและอยู่ยาวกระทั่งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเธอเดินทางมาพักผ่อนที่เกาะพยาม จังหวัดระนอง ก่อนโควิด-19 ระบาด จากนั้นเวียดนามปิดประเทศ เธอกลับไปไม่ได้ อยู่เกาะพยามหลายเดือนจนฝนเริ่มตกถี่ก็ย้ายฝั่งทะเลมายังเกาะพะงัน ผมสงสัยว่าเธอเอาเงินที่ไหนมาใช้จ่ายตั้งแปดเก้าเดือนโดยไม่ได้ทำงาน เมลานีตอบว่าช่วงหลังเธอสอนภาษาดัตช์ผ่านโปรแกรมออนไลน์ให้กับชาวต่างชาติในเนเธอร์แลนด์ แต่รายได้ก็ไม่เพียงพอ ต้องขอให้พ่อส่งเงินมาให้ ฝ่ายเทรซี่ดูจะมีฐานะ เจ๊แกอยู่มาเรื่อยๆ จนเพิ่งคิดจะสอนภาษาอังกฤษออนไลน์หลังจากได้รู้จักกับเมลานี

            มื้อค่ำหมดไปแล้ว เราคุยกันอยู่อีกนานฝนก็ยังไม่หยุด บทสนทนาเข้าสู่นู้ดบีชโดยการนำของเทรซี่ เจ๊แกเป็นหนึ่งในคนที่ไปเปลือยกายว่ายน้ำที่นั่น ถนัดในช่วงเช้าตรู่ ตอนที่ยังไม่ค่อยมีคน ไม่ใช่เพราะขี้อาย แต่เพราะน้ำทะเลยังเย็นฉ่ำ ให้ความสดชื่นในการเริ่มต้นวันใหม่ เทรซี่เอ่ยปากชวนผมไปร่วมว่ายน้ำหากว่ามีโอกาส ผมเฉไฉไปว่าไม่ชอบเล่นน้ำทะเลและรีบเปลี่ยนเรื่องคุย

            หลัง 4 ทุ่ม ฝนยังไม่หยุด ทั้งคู่จำต้องเดินฝ่าสายฝนไปขี่มอเตอร์ไซค์กลับที่พักซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่กี่ร้อยเมตร

            ส่วนผมมีความคิดที่จะกลับไปยังบาร์เล็กๆ ริมหาดแห่งนั้น.

 

 

 

 

 

 

 

 

แกลลอรี่


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"