สะเด็ดน้ำเรียบร้อยสำหรับการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ “นายพล” วาระปี 63 ทุกอย่างเป็นไปตรามกรอบระยะเวลาที่กำหนด ไม่เหมือนหลายปีที่ผ่านมา การแต่งตั้งหลายๆ วาระเจอ “โรคเลื่อน” จากผู้มากบารมีนอกรั้วกรมปทุมวันพยายามเข้ามาแทรกแซง สอดไส้ ทำให้การแต่งตั้ง “ผิดฝาผิดตัว” เละเทะทั้งกระดาน

            แต่วาระ “นายพล” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร.เข้ามากำกับดูแลการแต่งตั้งด้วยตัวเอง คณะกรรมการ ก.ตร.ต้องหอบเอกสารการแต่งตั้งส่งถึงมือนายกฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล ไม่เหมือนที่ผ่านมา การแต่งตั้งจะเสร็จอยู่ ณ.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถึงแม้จะมีการแต่งตั้งนายพลถึง 2 ครั้ง มีเหตุและผลรองรับ ครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 ส.ค. ในครานั้น พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานทั้ง ก.ต.ช. แต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจ (ผบ.ตร.) คนที่ 12 ต่อจาก “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ที่จะเกษียณวันที่ 30 ก.ย.นี้

            ซึ่งก็เป็นไปตามคาด คณะกรรมการ ก.ต.ช.เห็นชอบ “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. นรต.36 ก้าวขึ้นสู่ผู้นำองค์กรรับไม้ต่อจากเพื่อนรัก “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ต่อด้วยการแต่งตั้งระดับ รอง ผบ.ตร.-ผบก. “บิ๊กเบิ้ม” พล.ต.อ.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร จเรตำรวจแห่งชาติสไลด์เป็นรอง ผบ.ตร. “บิ๊กเด่น” พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. นรต.38 ขึ้นเป็น รอง ผบ.ตร. ซึ่งเหลือตำแหน่ง “รอง ผบ.ตร.” อีกเพียงตำแหน่งที่ยังติดขัดระเบียบ ก.ตร. “บิ๊กต้อย” พล.ต.อ.วิรชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. ถูกสำรองราชการ ขาดคุณสมบัติการเป็น รอง ผบ.ตร. ต้องแต่งตั้งทดแทน พลันที่ราชกิจจาฯ ประกาศเผยแพร่คำสั่งปลด พล.ต.อ.วิระชัยพ้นตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. นายกฯ เรียกประชุมแต่งตั้งเก็บตกล็อต 2 จำนวน 29 ตำแหน่ง “บิ๊กเบิ้ม” พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร. ขึ้นเป็นรอง ผบ.ตร.

            วาระการแต่งตั้ง “นายพล” เสร็จเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเหลือเฉพาะขั้นตอนการโปรดเกล้าฯ เมื่อสำรวจรายชื่อที่ได้รับการแต่งตั้งครั้งนี้ เป็นเพียงไม่กี่ครั้งที่ “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ มีอำนาจในการแต่งตั้งตามอำนาจหน้าที่ของตัวเอง เพราะที่ผ่านมามี “พล.ต.ท.” ใหญ่กว่า “พล.ต.อ.” เข้ามาล้วงลูกดึงโผไปจัดกันเองกับคนบางกลุ่ม แบ่งพรรคแบ่งพวก คนมีความรู้ความสามารถถูกตัดสิทธิ์ด้วยอำนาจเงิน การแต่งตั้งแต่ละทีเละเทะไม่เป็นท่า “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ จึงต้องเข้ามากำกับดูแลด้วยตัวเอง

            การแต่งตั้งครั้งนี้จึงเป็นอีกหน้าประวัติศาสตร์ที่ต้องบันทึกไว้ นรต.รุ่นเดียวกันรับตำแหน่งผู้นำองค์กรสีกากีต่อกัน มีเพียงไม่กี่ครั้ง คู่แรก “นรต.13” พล.ต.อ.สวัสดิ์ อมรวิวัฒน์ และ พล.ต.อ.พจน์ บุณยะจินดา คู่ที่ 2 “นรต.18” พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก อธิบดีกรมตำรวจและ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.พรศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผบ.ตร. คู่ที่ 3 “นรต.36” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ส่งไม่ต่อเพื่อนร่วมรุ่น พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข

            ตำแหน่ง “ผบ.ตร.” ใช่ว่าใครจะมาเป็นก็ได้ และยิ่งสถานการณ์การเมืองที่สุ่มเสี่ยง ม็อบจ้องโค่นรัฐบาลผุดขึ้นทั่วประเทศ  “บิ๊กปั๊ด” ที่กำกับดูแลงานด้านความมั่นคงจึงถูกวางตัวให้เป็น “ผบ.ตร.” สานงานต่อ "บิ๊กปั๊ด" พล.ต.อ.สุวัฒน์ ฝีมือการสืบสวนสอบสวนระดับอาจารย์ ร่วมคลี่คลายคดีสำคัญระดับประเทศ ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับ “บิ๊กแป๊ะ” มี “แป๊ะ” ต้องมีเพื่อน “ปั๊ด” ไม่ว่าจะเป็นคดีรอบวางระเบิดป่วนกรุงเทพฯ 9 จุด คดีระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม คดีวางระเบิด รพ.พระมงกุฎเกล้า เหตุฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี คดีกราดยิงที่โคราช นับตั้งแต่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ขึ้นเป็น ผบ.ตร. เพื่อนปั๊ดถูกวางตัวให้คุมหน่วยสำคัญด้านความมั่นคง เป็น ผบช.ส. ผบช.ภ.1 ขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. ขยับเป็น รอง ผบ.ตร. ดูแลความมั่นคง เหมือนเป็นการปูทางไว้อย่างดีก่อนก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง “ผบ.ตร.” อย่างสง่างาม

            สำรวจรายชื่อ “นายพล” ที่ได้รับการแต่งตั้งล้วนเป็นบุคคลใกล้ชิดของรัฐบาลและคนของ ผบ.ตร. นับตั้งแต่ พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ที่ขึ้นเป็น “รอง ผบ.ตร.” สายตรง “บิ๊กแป๊ะ” ที่เคยทำงานด้านความมั่นคงร่วมกับว่าที่ ผบ.ตร. พล.ต.ท.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ขึ้นเป็นจเรตำรวจแห่งชาติ ก็สายตรงจากทหาร นรต.36 ยังเป็นรอง ผบ.ตร.อยู่อีกคน คือ “บิ๊กใหม่” พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ส่วนตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ตร. นรต.36 ที่ขึ้นมาคือ พล.ต.ท.กิตติพงษ์ เงามุข พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช ผบช.ส. นรต.40 สายตรง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ส่วนระดับ “ผบช.” พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. นรต.38 สายตรงนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อยู่ที่เดิม พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 สายตรง “บิ๊กป้อม” อยู่ที่เดิม พล.ต.ต.วีระ จิรวีระ รอง ผบช.ภ.2 สายตรง พล.อ.ประยุทธ์ ขยับขึ้นตรง ผบช.ภ.2 พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ จตร. (สบ8) นรต.41 มือทำงานด้านความมั่นคงเป็น ผบช.ภ.3

            พล.ต.ต.ยรรยง เวชโอสถ รอง ผบช.ภ.4 นรต.รุ่น 39 สายตรงนายเนวิน ชิดชอบ เป็น ผบช.ภ.4 พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 นรต.รุ่น 39 สายตรง “บิ๊กตู่” นายกฯ อยู่ที่เดิม พล.ต.ท.อภิชาติ ศิริสิทธิ์ ผบช.ภ 6 นรต.36 ที่เดิม พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผบช.ภ.7 นรต.รุ่น 42 อยู่ที่เดิม พล.ต.ต.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. นรต.41 นายตำรวจคนสนิท พล.ต.อ.สุวัฒน์ ว่าที่ ผบ.ตร. ขึ้นเป็น ผบช.ภ.8 พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภ.9 นรต.36 อยู่ที่เดิมดูแลสถานการณ์พื้นที่จังหวัดภาคใต้ พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รอง ผบช.น. นรต.43 มือทำงานสืบสวนของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ขยับขึ้นเป็น จตร. (สบ8)

            ส่วนระดับ “ผบก.” วางตัวนักสืบมือปราบรับมือปัญหาอาชญากรรม ยาเสพติด และการชุมนุมประท้วง เป็นมือเป็นไม้ให้ว่าที่ “ผบ.ตร.” พ.ต.อ.พลฑิต ไชยรส รอง ผบก.ภ.จ.จันทบุรี เป็น ผบก.สส.บช.ภ.1, พ.ต.อ.ประกาศ พงษ์พานิช รอง ผบก.ภ.จ.สระแก้ว เป็น ผบก.สส.บช.ภ.2, พ.ต.อ.ชูสวัสดิ์ จันทร์โรจนกิจ รอง ผบก.สส.บช.น. เป็น ผบก.สส.บช.ภ.3, พ.ต.อ.ณัฐนนท์ ประชุม รอง ผบก.สส.ภ.บช.4 เป็น ผบก.สส.บช.4, พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี ผบก.สส.บช.ภ.5 นรต.41 อยู่ที่เดิม, พ.ต.อ.ไชยา สุนทรกิจ รอง ผบก.สส.ภ.6 เป็น ผบก.สส.บช.ภ.6, พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบก.สส.บช.น. เป็น ผบก.สส.บช.ภ.7, พ.ต.อ.นภัณต์วุฒิ เลี่ยมสงวน รอง ผบก.กองสรรพาวุธ นรต.38 เป็น ผบก.สส.บช.ภ.8, พล.ต.ต.ทิวธวัช นครศรี ผบก.ภ.จ.สงขลา เป็น ผบก.สส.บช.ภ.9, พ.ต.อ.อรรถวุฒิ อ่อนทรัพย์ รอง ผบก.ปปป. เป็น ผบก.สส.บช.ศชต., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.ข่าวกรองยาเสพติด มือสืบสวนของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ เป็น ผบก.สส.บช.สตม.

            การแต่งตั้งครั้งนี้เป็นการเสริมเขี้ยวเล็บค้ำบัลลังก์ให้กับ “บิ๊กปั๊ด” ว่าที่ ผบ.ตร.คนใหม่ ถ้าไม่มีฟ้าผ่ากรมปทุมวัน “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ เกษียณปี 65 ถ้านับรวม 2 ผบ.ตร.รุ่น 36 จะครองเก้าอี้ “ผบ.ตร.” นานกว่า 7 ปี ซึ่งยังไม่มีรุ่นไหนทำได้ และน่าจะคงสถิตินี้ไปอีกนาน จึงเป็นยุคทองของ นรต.36.