พท.ดี๊ด๊าแย่งเก้้าอี้! ก๊วนอีสานจองเลขาธิการ‘ก้าวไกล’ดักคอเสียบ‘รบ.’


เพิ่มเพื่อน    

 เพื่อไทยป่วนไม่เลิก ก๊วนอีสานจองโควตา เลขาธิการพรรคคนใหม่ "ประเสริฐ อดีต รมช.คมนาคม-เสี่ยโจ้ มหาสารคาม" ลุ้นซิวตำแหน่ง "สุทิน" รับสารภาพ "หญิงอ้อ" ห่วงใยพรรค หากจำเป็นก็อาจเข้ามาช่วยแนะนำการบริหารงานพรรค ประธานวิปฝ่ายค้านทำเขิน มีชื่อซิวตำแหน่ง หน.คนใหม่ โหร คมช.ชี้เปรี้ยงไม่เกินสิ้นปีนี้ได้ห็น

รัฐบาลแห่งชาติ "ก้าวไกล" ชิงดักคอ ไม่เชื่อ พท.สลับขั้วรอเสียบ
    หลังเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในพรรคเพื่อไทยในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ลาออกจากหัวหน้าพรรค ทำให้กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยทั้งหมดพ้นสภาพตามไปด้วย หลังก่อนหน้านั้น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ลาออกจากประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยนำร่องไปก่อน โดยทั้งหมดเกิดขึ้นภายในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเป็นเพราะมีสัญญาณจากแกนนำพรรคเพื่อไทยสายตระกูลชินวัตรอย่างคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร ที่ต้องการให้พรรคเพื่อไทยมีการปรับเปลี่ยนแนวทางการเมืองให้สอดรับกับสถานการณ์การเมืองที่เปลี่ยนแปลงไป ตลอดจนเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคที่รุนแรงขึ้่นเรื่อยๆ
    เมื่อวันที่ 27 ก.ย. นายชูศักดิ์ ศิรินิล รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากกรณีที่นายสมพงษ์ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นเหตุให้คณะกรรมการบริหารพรรคทั้งคณะพ้นจากตำแหน่ง และจะต้องมีการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่นั้น ตนในฐานะผู้รักษาการหัวหน้าพรรค จึงเรียกประชุมรักษาการคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อกำหนดให้มีการเรียกประชุมใหญ่วิสามัญในการเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ โดยจะมีการประชุมรักษาการคณะกรรมการบริหารพรรคในวันจันทร์ที่ 28 กันยายน 2563 เวลา 10.00 น. ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย ถนนเพชรบุรีตัดใหม่
    ทั้งนี้ ตามกฎหมาย รวมถึงระเบียบข้อบังคับพรรค กำหนดให้แจ้งวันประชุมใหญ่ล่วงหน้าแก่สมาชิกพรรคทั่วประเทศล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน ดังนั้นการประชุมใหญ่พรรคเพื่อไทยจะมีขึ้นในวันที่ 1 ตุลาคมนี้
    ขณะที่นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย ปฏิเสธกระแสข่าวพรรคเพื่อไทยระส่ำ แพแตก หลังการลาออกของประธานยุทธศาสตร์และหัวหน้าพรรคเพื่อไทยว่า การลาออกของบุคคลทั้งสองไม่ได้เกิดจากความขัดแย้งแตกแยกภายในพรรค สมาชิกพรรคตระหนักและสัมผัสได้ถึงความเสียสละ ทุ่มเทแรงกายแรงใจทำงานหนักเพื่อพรรคตลอดมา และหลังการเลือกกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยชุดใหม่ ไม่ว่าบุคคลใดจะได้รับความไว้วางใจจากสมาชิกพรรคเลือกให้มาบริหารพรรค เชื่อมั่นว่าจะสามารถขับเคลื่อนพรรคเพื่อไทยให้เดินหน้าต่อไปได้ ส่วนข่าวคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร จะเข้ามาบริหารพรรค น่าจะเป็นการคาดการณ์กันไปเอง เพราะการบริหารพรรคจะต้องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการบริหารพรรคตามกฎหมายเป็นสำคัญ ประชาชนไม่ต้องกังวล กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยชุดใหม่จะเดินหน้าสร้างความเข้มแข็ง มุ่งมั่นนำเสนอนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประเทศชาติและประชาชนอย่างเต็มที่ต่อไป
กลุ่มอีสานทวงโควตาเลขาธิการพรรค
    ที่น่าสนใจคือความเคลื่อนไหวเรื่องเก้าอี้หัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ว่าจะเป็นใคร หลังเริ่มมีข่าว ส.ส.ของพรรคหลายคน โดยเฉพาะ ส.ส.อีสาน ที่ไม่พอใจการบริหารงานในพรรคเพื่อไทยของนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ เห็นได้จากการประชุมใหญ่พรรคเมื่อวันอังคารที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งปรากฏว่า ส.ส.อีสานนัดรวมตัวกันจำนวนมาก ไม่ยอมเข้าร่วมประชุมพรรค จนทำให้มีคนเข้าประชุมพรรควันดังกล่าวบางตา จนสร้างความไม่พอใจให้กับนายสมพงษ์ หัวหน้าพรรคเป็นอย่างมาก จนต้องมีการเปิดห้องที่รัฐสภาเพื่อนัดเคลียร์ใจกับ ส.ส.อีสานของพรรค แต่สุดท้ายก็ยังเคลียร์กันไม่ได้ จนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในพรรคดังกล่าวตามมาในที่สุด  
    ด้านท่าทีจาก ส.ส.อีสาน พรรคเพื่อไทย อย่างนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน กล่าวถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างพรรคเพื่อไทยว่า ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะพรรคเป็นสถาบันการเมือง ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงทุกคนก็มีสิทธิ์คิด มีสิทธิ์แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ท้ายที่สุดพรรคก็มีวัฒนธรรมที่จะหาข้อสรุป ส่วนการลาออกของฝ่ายต่างๆ เพื่อเปิดทางให้การเปลี่ยนแปลงนั้นราบรื่น ยืนยันว่าพรรคไม่ได้ขัดแย้งหรือแตกแยกแต่อย่างใด ส่วนที่มี ส.ส.อีสาน เสนอชื่อแคนดิเดตหัวหน้าพรรคออกมาหลายชื่อนั้น ก็เป็นเพียงความเห็นที่หลากหลาย เป็นความงดงามทางประชาธิปไตยในพรรค ซึ่งเท่าที่เห็นก็เป็นเพียงการแลกเปลี่ยนความเห็นทางในกลุ่มไลน์ของ ส.ส. ซึ่งไม่ใช่เพื่อการต่อรองหรือกดดันแต่อย่างใด
    เมื่อถามว่า มีชื่อนายสุทินเป็นหนึ่งในแคนดิเดตหัวหน้าพรรค พท.ด้วย พร้อมหรือไม่ หากถูกเสนอให้รับตำแหน่งดังกล่าว นายสุทินกล่าวว่า "ผมคงจะไม่ประเมินตัวเอง ต้องให้คนอื่นประเมินว่าเราเป็นอย่างไร แต่รู้ว่าหัวใจของผมเป็นอย่างไร ผมรักพรรคและพร้อมจะต่อสู้กับเผด็จการ ไม่คิดถึงเรื่องตำแหน่งหรือความขัดแย้งใดๆ ขณะนี้มีเพียง 2 เรื่องที่อยากจะทำคือ แก้รัฐธรรมนูญอย่างไรให้สำเร็จ และการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลหลังจากนี้ อย่าว่าแต่ผม มีการเสนอชื่อ 4-5 คนยิ่งดี ส่วนผลจะออกมาเป็นอย่างไรอยู่ที่สมาชิก พรรคเพื่อไทยมีวัฒนธรรมองค์กรที่จะดำเนินการเรื่องนี้อยู่แล้ว และวันนี้อยากให้ทุกคนช่วยกันเรื่องสู้ภายนอกมากกว่าภายในพรรค ให้ได้รัฐธรรมนูญที่ไม่เสียเปรียบ ให้เป็นประชาธิปไตย และช่วยกันทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น" นายสุทินกล่าว
     ส่วนกรณีกระแสข่าวคุณหญิงพจมานจะมาดูแลพรรคนั้น นายสุทินเปิดเผยว่า เรื่องนี้ยังไม่มีอะไรที่ชัดเจน ทราบเพียงแต่ว่าคุณหญิงพจมานมีความห่วงใยพรรค และให้การสนับสนุนเหมือนประชาชนที่เป็นแฟนคลับพรรคคนหนึ่ง แต่ก็เป็นไปได้ในเวลาที่จำเป็น คุณหญิงพจมานก็อาจเข้ามาช่วยแนะนำเรื่องการบริหารงานพรรค เพราะถือว่ามีประสบการณ์อยู่กับพรรคการเมือง
     ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างพรรคเพื่อไทยว่า ตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย มีแนวโน้มสูงที่จะยังเป็นนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เพราะมีความอาวุโสและได้รับการยอมรับทั้งจาก ส.ส.พรรคเพื่อไทย และพรรคการเมืองอื่น แต่ในส่วนของเลขาธิการพรรค ส.ส.อีสาน ซึ่งเป็นเสียงส่วนใหญ่ของพรรค ต่างพูดคุยตรงกันว่าเมื่อนายสมพงษ์ ส.ส.เชียงใหม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคแล้ว ตำแหน่งเลขาธิการพรรคก็ควรกระจายมาให้ ส.ส.อีสานที่มีจำนวนมากที่สุด เพื่อให้การประสานงานเป็นไปอย่างใกล้ชิด ให้พรรคเข้มแข็งขึ้นกว่าเดิม เพื่อจะได้ทำงานให้ประชาชนได้อย่างเต็มที่
    รายงานข่าวแจ้งว่า แคนดิเดตเลขาธิการพรรคเพื่อไทย มีรายชื่อที่หยิบยกขึ้นมาตอนนี้คือ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมาและอดีต รมช.คมนาคม นอกจากนี้ยังมีอีกหลายรายชื่อที่มีความเหมาะสม ต้องรอดูว่าสุดท้ายแล้วที่ประชุมวิสามัญพรรคเพื่อไทยที่จะมีขึ้นช่วงต้นเดือน ต.ค.จะเลือกใครมาทำหน้าที่
ก้าวไกลดักคอ ขวาง พท.เปลี่ยนขั้ว
    ด้านความเห็นจากพรรคการเมืองอื่นต่อกรณีนี้ ทางนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ถือเป็นการจัดการภายในของพรรคเพื่อไทยที่พรรคก้าวไกลต้องเคารพ เหมือนที่เราเคารพการทำงานซึ่งกันและกันมาโดยตลอด เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงของพรรคเพื่อไทยครั้งนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานระหว่างพรรคร่วมฝ่ายค้าน และในฐานะที่พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยได้ทำงานร่วมกันต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมาด้วยกัน เชื่อว่าในภาพรวมภาพใหญ่ของพรรคเพื่อไทยจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ส่วนรายละเอียดภายในพรรคเพื่อไทย ก็ต้องให้เขาว่ากันไป ยังมั่นใจว่าพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมฝ่ายค้านในเชิงยุทธศาสตร์แล้ว ทุกอย่างยังเหมือนเดิม
     นายรังสิมันต์กล่าวว่า ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าพรรคเพื่อไทยจะเปลี่ยนจุดยืนด้วยนั้น เบื้องต้นเชื่อว่ายังไม่ไปไกลถึงขนาดนั้น เพราะการเปลี่ยนจุดยืน เช่นจากเดิมอยู่ฝ่ายค้านเป็นพรรคฝ่ายประชาธิปไตยแล้วเปลี่ยนเป็นฝ่ายตรงข้ามอย่างนั้นมันไปไกลเกินไป และประชาชนที่เลือกตั้งก็คงยอมไม่ได้ โดยเฉพาะ ส.ส.ที่ทำงานอยู่ในพื้นที่ การจะให้เปลี่ยนจุดยืนแบบนั้นไม่ใช่เชื่อง่าย ดังนั้นโอกาสที่จะเป็นแบบนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เชื่อว่าภาพรวมของการทำงานร่วมกัน โดยเฉพาะเรื่องรัฐธรรมนูญ รวมถึงอนาคตที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะไม่มีอะไรมากระทบ เพียงแต่เราต้องรอดูเรื่องการจัดการการเปลี่ยนผ่านของพรรคเพื่อไทยว่าจะนำไปสู่อะไร ยังมองโลกในแง่ดีว่าไม่มีผลกระทบอะไรต่อพวกเรา
    เมื่อถามถึงกรณีที่มีกระแสความเป็นไปได้ของรัฐบาลแห่งชาติ นายรังสิมันต์กล่าวว่า เรื่องนี้คงมีการโยนหินถามทางกันมาเรื่อยๆ เนื่องจากสังคมไทยเป็นสังคมอ่อนไหวกับความขัดแย้งกับการเห็นภาพคนทะเลาะกัน แต่ในความเป็นจริงเราต้องมองว่านี่คือกระบวนการปกติ เพราะสังคมประชาธิปไตยเราจะไปบังคับให้มีความเห็นเหมือนกันคงไม่ได้ ดังนั้นความเห็นแย้งหรือเห็นไม่ตรงกันจึงเป็นเรื่องปกติ แต่จะนำไปสู่รัฐบาลแห่งชาติหรือไม่ มองว่าเราคงคิดไปไกล เนื่องจากที่ผ่านมาก็พูดกันหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่เกิดเสียที คิดว่าโอกาสที่จะเป็นรัฐบาลแห่งชาติไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะจุดยืนหลายเรื่องเห็นไม่ตรงกัน ถ้าเป็นรัฐบาลแห่งชาติที่เคารพสิทธิมนุษยชน เคารพหลักการความเท่าเทียมกันของมนุษย์ เราจะไม่ยอมให้เกิดรัฐประหารต่อไป เรียกร้องการปฏิรูปกองทัพ
    "คำถามก็คือว่า ถ้ารัฐบาลแห่งชาติเป็นแบบนั้นแล้วพรรคการเมืองที่ไม่มีอุดมการณ์หรือมีแนวคิดแบบนั้นจะยอมหรือไม่ เช่นเดียวกันกับว่าถ้ารัฐบาลแห่งชาติไม่เอาประเด็นเหล่านั้นมาพูดคุยกัน ก็จะเกิดคำถามอีกว่าฝ่ายค้านจะยอมได้หรือเปล่า ดังนั้นคำว่ารัฐบาลแห่งชาติ ก็ยังนึกไม่ออกว่าจะมีจุดร่วมกันตรงไหนที่จะนำไปสู่การตั้งรัฐบาลแห่งชาติได้ ดังนั้นยังเชื่อว่าเป็นแค่ข่าวลือที่ปล่อยออกมาเป็นระยะเท่านั้น และต้องติดตามต่อไป" ส.ส.พรรคก้าวไกลกล่าว
    ขณะที่นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ เจ้าของฉายาโหรคณะมนตรีความมั่นแห่งชาติ (คมช.) กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองในเวลานี้ว่า บอกเลยคำสัมภาษณ์ตนตั้งแต่ต้นปีจนถึงบัดนี้ไม่มีเปลี่ยนแปลง ภาพการชุมนุมต่างๆ จะเกิดขึ้นเป็นเพียงเหมือนไฟไหม้ฟาง การชุมนุมเดือน ต.ค.ไม่มีอะไรน่าห่วง ที่เกิดจากนักการเมืองไม่ได้ดั่งใจ บางคนบางกลุ่มที่คอยแสวงหาประโยชน์แต่ไม่ได้ทำหน้าที่เพื่อบ้านเมือง แต่คอยยุยง คนเหล่านี้ถอยหมดไป จากนี้ขอให้รอดูจะเกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลแน่นอน อย่างที่เคยบอกกลุ่มที่เคยอยู่ตรงข้ามจะมาร่วมกันขับเคลื่อน เพราะเริ่มจะรู้ตัวว่าสิ่งต่างๆ ที่มาขับเคลื่อนได้สร้างความเดือดร้อน จะหันมาร่วมตัวคล้ายๆ รัฐบาลแห่งชาติ
    "ผมขอยืนยันตั้งแต่เดือน ต.ค.โดยไม่เกินสิ้นปีนี้จะเกิดการร่วมตัวกันขึ้น จะมีการจับมือกันเพื่อเป็นคล้ายรัฐบาลแห่งชาติ จะเกิดภาพปรากฏชัด บางกลุ่มหลายคนพรรคเพื่อไทยจะมาร่วมมือหรือพรรคอื่นๆ ที่เคยอยู่ฝั่งตรงข้ามรัฐบาลจะมาร่วมขับเคลื่อนคล้ายรัฐบาลแห่งชาติ รอดูไม่สิ้นปีนี้เกิดขึ้นแน่นอน กลุ่มพรรคเพื่อไทยจะเข้ามาจับมือกันร่วมรัฐบาล เดี๋ยวมีข่าวออกรอดูจากทีมพรรคร่วมรัฐบาล จะเกิดการพูดคุยกันของกลุ่มพรรคการเมืองต่างๆ ภาพจะปรากฏชัด จะมีการประกาศเปิดตัวจับมือกัน ซึ่งอาจจะเกิดไล่เลี่ยกับการได้ รมว.คลังคนใหม่" โหร คมช.ระบุ
    ขณะที่นายยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ให้ทัศนะว่า พรรคเพื่อไทยมีประเด็นปัญหาจากการมีกลุ่มย่อยภายในพรรค ซึ่งแนวคิดทางการเมืองและวิธีการปฏิบัติมีความต่างกันภายใน เป็นที่มาของปัญหาผู้นำที่ไม่ชัดเจน ต่างจากในอดีตสมัยพรรคไทยรักไทยที่มีนายทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้นำยึดโยงคนภายในพรรค มาถึงสมัยเป็นพรรคพลังประชาชน แม้นายทักษิณไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรค แต่ยังมีบารมีจนมาถึงยุคพรรคเพื่อไทย ก็มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวมาเป็นสัญลักษณ์ของการเกาะเกี่ยวคนในพรรคได้ เมื่อมาถึงจุดหนึ่งของพรรคเพื่อไทย ที่ไม่มีคนในตระกูลชินวัตรอยู่ ทำให้แต่ละกลุ่มเคลื่อนไหว ประกอบกับทิศทางทางการเมือง หรือเงื่อนไขทางการเมืองที่เปลี่ยนไป เห็นได้จากปรากฏการณ์แตกแยกทางความคิด ที่ ส.ส.ส่วนหนึ่งโหวตสวนมติให้กับรัฐบาล รวมถึงการที่พรรคเพื่อไทยไม่มี ส.ส.บัญชีรายชื่อ ร่วมกำหนดทิศทางในสภา ทำให้เกิดการเมืองแบบรีโมตคอนโทรล คือการสั่งงานจากนอกสภาโดยทีมยุทธศาสตร์พรรค จนเกิดปัญหายืดเยื้อจนเรื้อรัง จึงถึงจุดเปลี่ยนที่ทำให้มีการลาออกของทีมยุทธศาสตร์พรรคและกรรมการบริหารพรรคบางส่วน
    นายยุทธพรกล่าวอีกว่า อดีตแกนนำของพรรคเพื่อไทยที่ออกไปตั้งกลุ่มการเมือง เช่น นายภูมิธรรม เวชยชัย, นายจาตุรนต์ ฉายแสง คงไม่กลับมาเพื่อไทย เพราะได้มีการประกาศชัดเจนว่าจะออกไปตั้งกลุ่มการเมือง และขณะนี้พรรคเพื่อไทยไม่มีความทันสมัย ไม่ต่างจากพรรคการเมืองรุ่นเก่า ที่ต้องเผชิญกับความผันผวนทางการเมือง และวันนี้อาจถึงเวลาที่พรรคเพื่อไทยอาจจะไปต่อไม่ได้แล้วกับการเมืองในมิติใหม่ ทำให้โอกาสในการกลับมาของอดีตแกนนำพรรคเพื่อไทยมีน้อยมาก เพราะต้องการทำการเมืองในเส้นทางใหม่.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"