"Four Voices App" สร้างพลังบวก ปรับอารมณ์เศร้าเหงาโกรธ..เจนZ


เพิ่มเพื่อน    

 สังคมของการแข่งขัน ตัวใครตัวมัน และสนใจความต้องการตัวเองเป็นใหญ่ เพราะอยู่ในโลกส่วนตัวที่ชอบท่องไปกับโซเชียล ทำให้กลุ่มของคนในยุคเจเนอเรชั่น Z หรือคนอายุ 8-23 ปี มีภาวะเศร้าง่ายและเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้า เพราะใช้ชีวิตอยู่กับสิ่งแวดล้อมที่เป็นลบซึ่งอยู่รายรอบตัว กระทั่งเกิดเป็นความเคยชิน และก่อให้เกิดอารมณ์ด้านลบโดยไม่รู้ตัว

จึงมีความพยายามในการหาทางที่จะช่วยเหลือ เยียวยา ป้องกันและแก้ไขมิให้อารมณ์เศร้า เหงา โกรธ สะสมจนกลายเป็นปัญหาบานปลาย

"Four Voices App" ถือได้ว่าเป็นนวัตกรรมแอปพลิเคชันที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อช่วยบำบัดความเศร้าและป้องกันโรคซึมเศร้า จากการฟังเสียงของตัวเองผ่าน 4 ช่องทางเลือกในการปรับเสียงของตัวเอง เพื่อสร้างพลังบวกในการดำเนินชีวิตที่ดี ด้วย 4 มิติสุขภาพดีตามหลักขององค์กรอนามัยโลก ซึ่งประกอบด้วย 1.เสียงแห่งความสุข 2.เสียงแห่งสัญญาณสุขภาพ 3.เสียงแห่งความรัก และ 4.เสียงแห่งสติ พูดง่ายๆ ว่าเป็นการฟังเสียงของตัวเองเพื่อช่วยเยียวยาจิตใจก็ว่าได้

ทั้งนี้ แอปพลิเคชันดังกล่าวนั้นจัดทำขึ้นโดย “ผศ.ดร.ศุภลักษณ์ เข็มทอง” อาจารย์ประจำคณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกิจกรรมบำบัดจิตสังคม ที่ได้รับคัดเลือกจากสถาบันบริหารจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยมหิดล (iNT) ให้เข้าร่วมเสนอผลงานดังกล่าว โดยต่อยอดจากแอปพลิเคชัน "Smiley Sound" ฟัง "เสียงยิ้ม" ที่เป็นดนตรีและเสียงที่สร้างขึ้นเพื่อช่วยให้ผ่อนคลาย หายกลัว-เศร้า-เหงา-โกรธ และช่วยให้นอนหลับ ที่จัดทำขึ้นในช่วงต้นปีที่ผ่านมา กระทั่งพัฒนาเป็นแอปพลิเคชัน "Four Voices App" นี้ขึ้น ที่คาดว่าจะใช้งานได้ในช่วงต้นปี 2021 แต่ปัจจุบันทางผู้จัดทำแอปพลิเคชันนี้ได้นำนวัตกรรมสร้างพลังบวกอย่าง "Four Voices App" บรรจุไว้ในเพจ "โปรแกรมรักษาคนดี" FB: https://www.facebook.com/KeepGoodMen/ โดยเปิดโอกาสให้คนทั่วไปที่สนใจเรื่องสุขภาพจิตตั้งแต่อายุ 8 ปีขึ้นไป ที่ต้องการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจากการฟังเสียงของตัวเอง โดยอัดคลิปเสียงของตัวเองจาก 4 ตัวเลือกสร้างพลังบวก และส่งไปในเพจ หรือคลิกปุ่มไมโครโฟนในเพจเพื่ออัดเสียงตัวเอง เพื่อรับการประเมินพลังการคิดบวกจากน้ำเสียงโดยนักกิจกรรมบำบัดจิตสังคม เพื่อรับคำแนะนำสร้างพลังบวกให้กับตัวเอง

ผศ.ดร.ศุภลักษณ์ บอกว่า “การทำงานของแอปพลิเคชัน "Four Voices App" หรือการฟังเสียงตัวเองช่วยเยียวยาจิตใจนั้น เปิดโอกาสให้กับคนที่สนใจเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพจิต หรือต้องการสร้างพลังบวกในการดำเนินชีวิต โดยการฟังน้ำเสียงของตัวเอง 3 ครั้ง (ก่อนที่จะอัดเสียงส่งไปยังเพจเพื่อรับการประเมินพลังบวก เพื่อนำไปสู่การใช้ชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพ) โดยที่ผู้ใช้งานแอปพลิเคชันนี้สามารถเลือกเองว่าเราต้องการสร้างพลังบวกให้กับชีวิตได้อย่างไร โดยการเลือก 4 มิติในการปรับเสียงของตัวเอง เพื่อให้มีสุขภาพดีตามหลักขององค์กรอนามัยโลก เช่น 1.เสียงแห่งความสุข 2.เสียงแห่งสัญญาณสุขภาพ 3.เสียงแห่งความรัก และ 4.เสียงแห่งสติ

“หลายคนที่สงสัยว่าหลักการทำงานของการฟังเสียงตัวเองซ้ำถึง 3 รอบ ก่อนที่จะอัดคลิปเสียงตัวเองนั้น คือให้คิดอย่างง่ายๆ ว่าเวลาที่เรากำลังโกรธ โทนน้ำเสียงของเราก็จะฟังดูห้วนและตึงเครียด ดังนั้นเมื่อเสียงและอารมณ์ของเราเครียด สมองก็จะจำอารมณ์เหล่านี้ไว้ นั่นจึงทำให้เราคิดลบ คิดร้าย กระทั่งทำให้เรารู้สึกเศร้าได้ง่าย ที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่าสมองของเรามักจะจดจำคลื่นเสียงของตัวเองไว้ ดังนั้นถ้าคิดในเรื่องดีๆ หรือต้องการมีคุณภาพที่ดีตาม 4 ช่องทางเลือกข้างต้น เราจึงจำเป็นต้องพูดในเรื่องดี ให้กำลังใจ ด้วยประโยคที่สั้นๆ ไม่เกิน 8 คำ เพื่อสร้างพลังใจ 

เช่น ถ้าเราเลือกตัวเลือกที่ 4 เสียงแห่งสติ ผมจะแนะนำให้ผู้ใช้งานแอปพลิเคชันดังกล่าวพูดกับตัวเอง โดยคิดชุดคำพูดที่สร้างกำลังใจ เช่น “ใช้ชีวิตด้วยสติ ใช้ชีวิตด้วยสติ หรือ เอาสติคืนมา เอาสติคืนมา” เป็นหรือหากบางคนเลือกข้อที่ 2 เสียงแห่งสัญญาณสุขภาพ ผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมจะต้องพูดกับตัวเองในเชิงบวกว่า เช่น “นอนหลับสบาย นอนหลับสบาย” ซ้ำกัน 3 ครั้ง เมื่อสมองของเราได้ยินเสียงที่เราพูดกับตัวเองในเรื่องที่ดีและเป็นบวก สมองก็จะจดจำเรื่องบวกๆ และสั่งการให้อารมณ์ของเราปรับเป็นความรู้สึกผ่อนคลายตามไปด้วย และที่ผ่านมาได้มีการทดลองแล้วว่าผู้ที่ฟังเสียงด้วยเองผ่านการพูดในประโยคที่สร้างพลังบวกนั้นจะใช้เวลาไม่เกิน 1 อาทิตย์ ซึ่งบางคนใช้เวลา 2 วัน 3 วันบ้างในการสร้างพลังบวกให้กับตัวเอง

ส่วนการประเมินว่าขณะนี้ผู้ร่วมกิจกรรมนั้นมีพลังคิดบวกในชีวิตหรือยัง นักกิจกรรมบำบัดจะฟังจากโทนน้ำเสียงของเราว่าเป็นอย่างไร นุ่มนวล เครียด กังวล หรือไม่มีสมาธิขณะสื่อสารหรือไม่ หรือเวลาที่อัดเสียงคำพูดแล้วหายใจติดๆ ขัดๆ หรือไม่ ตลอดจนทัศนคติในเรื่องของการคิดบวกในการใช้ชีวิตมีมากน้อยแค่ไหนในตอนนั้น ทั้งนี้ หากเราวิเคราะห์แล้วว่าน้ำเสียงของคุณมีความคิดบวกน้อยกว่า 60% เราก็จะแนะนำให้คุณอัดคลิปเสียงซ้ำ และค่อยๆ ปรับโทนเสียงลงตาม 4 ข้อในการเลือกมีสุขภาพดี กระทั่งโทนเสียงของคุณเริ่มจะปรับไปในทิศทางบวก หรือมีทิศทางแนวโน้มที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งใช้เวลาไม่เกิน 1 อาทิตย์ต่อ 1 คนครับ และทีมของนักกิจกรรมบำบัดของเราก็จะเข้าไปตอบคำถาม พร้อมกับคำแนะนำในเพจทุกวันศุกร์ครับ”

ผศ.ดร.ศุภลักษณ์ บอกอีกว่า “ส่วนการฝึกฟังเสียงตัวเองตาม 4 หัวข้อสุขภาพดีนั้น จะลดปัญหาการฆ่าตัวตายและลดภาวะโรคซึมเศร้าได้หรือไม่นั้น ต้องอธิบายว่ามันจะช่วยป้องกันโรคซึมเศร้าได้มากกว่า เพราะเมื่อใดที่สมองซึ่งทำหน้าที่จดจำคลื่นเสียงที่เป็นพลังงานดีๆ ของเราไว้ เมื่อนั้นสภาพอารมณ์ของเราก็จะดีตามไปด้วย ดังนั้นเราก็จะไม่คิดลบ แต่ถ้าในกลุ่มของการป้องกันฆ่าตัวตายในผู้ที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ตรงนี้น่าจะต้องมีอีกหลายวิธีในการช่วยเหลือมากกว่าครับ เพราะฉะนั้นหลักการสำคัญของการฟังเสียงตัวเองถือเป็นแนวทางในการป้องกันโรคซึมเศร้า ที่สำคัญยังทำให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมนี้ หรือเริ่มเกิดความรู้สึกดาวน์ ได้รู้สึกปิ๊งความรู้สึกดีๆ กับตัวเองในเรื่องต่างๆ ที่เราได้พบเจอ โดยเฉพาะสิ่งที่เป็นประสบการณ์ลบ

“ขณะที่หลายคนเกิดคำถามว่า ในกลุ่มของผู้ป่วยโรคซึมเศร้านั้นจะคลิกเข้าไปดูแอปพลิเคชัน หรือเข้าร่วมกิจกรรมในเพจ "โปรแกรมรักษาคนดี" หรือไม่นั้น ต้องเรียนว่าที่ผ่านมาในฐานะนักกิจกรรมบำบัด เราเคยได้ทำเคสของผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ปรากฏว่าแอปพลิเคชันฟังเสียงตัวเองนี้เป็นหนึ่งในความต้องการของผู้ป่วย เพราะเขาอยากมีคนที่คอยรับฟังปัญหาของเขา แต่ติดปัญหาตรงที่ว่าปัจจุบันนักกิจกรรมบำบัดในบ้านเราค่อนข้างที่จะมีน้อย ดังนั้นเมื่อเราได้คิดค้นและพัฒนาแอปนี้ขึ้นมา ก็เพื่อให้ผู้ป่วยหรือคนทั่วไป (อายุตั้งแต่ 8 ขวบขึ้นไปกระทั่งอายุมาก) ที่ใส่ใจเรื่องปัญหาสุขภาพจิตได้ร่วมกิจกรรมโดยการฟังเสียงของตัวเอง โดยที่มีเราช่วยประเมินให้

ทั้งนี้ แอปพลิเคชันฟังเสียงตัวเองอย่าง "Four Voices App" กับคอลเซ็นเตอร์รับฟังปัญหาคนฆ่าตัวตายจากโรคซึมเศร้านั้นจะแตกต่างกันอยู่เล็กน้อย คือหากเป็นระบบคอลเซ็นเตอร์อาจจะติดขัดในเรื่องของผู้รับฟังปัญหาที่ค่อนข้างมีจำกัด รวมถึงตัวผู้รับฟังปัญหาเองก็จะรู้สึกเครียดหากรับฟังปัญหาของผู้อื่นเยอะเกินไป ดังนั้นแอปพลิเคชันของเราจึงถือว่าเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ช่วยรักษาจิตใจได้จากการรับฟังเสียงของตัวเอง กระทั่งผู้ที่มีปัญหาชีวิตเริ่มกลับมามีสติ อีกทั้งสามารถรู้เท่าทันอารมณ์ของตัวเองจากการฟังเสียงความต้องการของตัวเอง และความต้องการนั้นส่งตรงไปยังสมอง จนเกิดการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ไปในทิศทางที่ดีมากขึ้น กระทั่งนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตที่ดีขึ้นเช่นกัน ขึ้นอยู่กับว่าผู้เข้าร่วมกิจกรรมต้องการเลือกมีสุขภาพดีใน 4 มิติ ข้อไหน ที่สำคัญสามารถอัดเสียงและฟังความคิดของตัวเองได้ทั้ง 4 ข้อ ที่ไม่เฉพาะข้อใดข้อหนึ่ง หรือจะเลือกเพียงข้อเดียวก็ได้เช่นกัน”.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"