บรรจง สุกรีฑา ใช้ชีวิตอย่างเพียงพอแล้วจะพอเพียง


เพิ่มเพื่อน    

      ประเทศไทยถือว่าเป็นประเทศเกษตรกรรม และยังคงเป็นแหล่งผลิตอาหารโลก ซึ่งที่ผ่านมานั้นมีหลายๆ คนที่หันมาให้ความสนใจที่จะทำการเกษตร ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มี บรรจง สุกรีฑา ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาด้านการเกษตรให้เป็นเกษตรอินทรีย์อย่างยั่งยืน

      บรรจง เล่าให้ฟังว่า เริ่มรับราชการในปี 2530 ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่อุตสาหกรรม แล้วก็ย้ายไปมาเรื่อยหลายจังหวัด เช่น สกลนคร อุตรดิตถ์ กทม. เพชรบูรณ์ สุโขทัย และมีช่วงหนึ่งโอนย้ายไปอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ประมาณ 6 เดือน ในตำแหน่งวิศวกรรมไฟฟ้า และด้วยความที่เป็นคนชอบในเรื่องเกี่ยวกับไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ ทำให้ทางคุณทำนุ วสีนนท์ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งรองปลัดฯ ได้ดึงมาช่วยงานที่กระทรวงอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ ในช่วงนั้นเป็นยุคแรกที่เริ่มมีการนำคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้ในประเทศ โดยโอนกลับมาจาก ม.ธรรมศาสตร์ ในปี 2540 ในตำแหน่งวิศวกร 5 และไปอยู่ที่เพชรบูรณ์

      และด้วยความที่เป็นลูกเกษตรกร พ่อมักจะให้ข้อคิดตลอดว่า สมบัติเงินทองไม่มี มีแต่ที่นา ถ้าไม่เรียนก็ต้องทำนา ถ้าเรียนก็จะได้ความรู้ในสมอง ขายไม่หมด ยกเว้นเราตาย ดังนั้นพ่อจึงให้ลูกทุกคนเรียน ซึ่งช่วงที่ผ่านมานั้นอยู่หลายจังหวัด ทำให้สะสมประสบการณ์ได้หลายอย่างมาก บรรจง เล่าต่ออีกว่า พอมาปี 2550 ก็ได้มีโอกาสได้เรียนหลักสูตรบริหารธุรกิจ (MASTER OF BUSINESS ADMINSTRATION PROGRAM) ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง พอจบ ทำให้แนวความคิดเปลี่ยนไปจากที่ผ่านมาที่คิดแบบแนววิศวะ เพราะเราจบวิศวะ เป็นคิดแบบการบริหารมากขึ้น

      บรรจง เล่าอีกว่า ในตอนนั้นมีแนวคิดว่าเป็นหัวหน้าฝ่ายโรงงานแล้ว อยู่ในสำนักงานอุตสาหกรรม และมีโครงสร้างใหม่ ประกอบกับเรียนวิชาเกี่ยวกับการจัดการในเชิงกลยุทธ์ เลยสนใจที่จะมาทำงานด้านนโยบายและแผน และได้มีโอกาสไปแลกเปลี่ยนความรู้กับอุตสาหกรรมจังหวัดในหลายๆ พื้นที่ ทำให้มีความรู้เพิ่มขึ้น รู้สึกสนุกและชอบ ทำให้ความคิดเปลี่ยน อยากไปทำเรื่องแผน จึงสมัครไป ได้เป็นนักวิเคราะห์นโยบายและแผนที่สุโขทัย และเริ่มช่วยภาคเอกชนวางแผนในการประกอบกิจการ"

      หลังจากนั้นอีก 2 ปีก็ขึ้นเป็นอุตสาหกรรมสุโขทัย ย้ายไปสุรินทร์ และเข้ามานั่งในกระทรวงอุตสาหกรรมในปี 2557 ซึ่งในช่วงนั้นได้พี่สิ่ว หรือคุณสมชาย หาญหิรัญ ได้สอนหลายอย่าง จนได้มาทำโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษที่จังหวัดตาก จนมาถึงปี 61 ก็ได้รับแต่งตั้งให้มาเป็นรองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ทำให้ชีวิตเปลี่ยน เพราะทำงานด้านเดียว ดูแลเรื่องความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม การให้บริการและการกำหนดเชิงนโยบาย เพื่อให้หน่วยงานอื่นร่วมกับเราใช้ รวมถึงอุตสาหกรรมใช้ และจากนั้นก็มานั่งเป็นผู้ตรวจราชการในปี 62

      บรรจง เล่าอีกว่า รับราชการมาตั้งแต่ปี 2530 จนถึงปี 60 ชีวิตสัมผัสกับบทบาทในงานด้านอุตสาหกรรมที่เป็นของกระทรวง มันอยู่ในพื้นที่จังหวัด มีทั้งงานส่งเสริมที่ไม่ใช่โรงงานอย่างเดียว แต่มีชาวบ้านที่เป็นเอสเอ็มอี ซึ่งถือว่าอยู่กับการปฏิบัติมาโดยตลอด เมื่อต้องมาทำในเชิงนโยบาย ใหม่ๆ รู้สึกตื่นเต้นที่ได้ทำ แต่ก็โชคดีว่าที่ผ่านมาได้ประสบการณ์และมีเจ้านายดี ให้ความรู้ อย่างท่านสมชาย เหมือนอาจารย์ ทำให้ต้องมุ่งมั่นและเรียนรู้เพื่อให้เราทำได้

      อย่างไรก็ตาม เมื่อถามถึงบทบาทในราชการที่ได้รับแต่ละครั้งว่ารู้สึกอย่างไร บรรจง ตอบว่า ที่ผ่านมาไม่คิดว่าจะประสบความสำเร็จในชีวิตราชการ แต่ละบทบาทที่ได้มาทำทำให้ตื่นเต้น และมุ่งมั่นที่จะทำงาน ในขณะที่ชีวิตส่วนตัวนั้นด้วยความที่เป็นลูกชาวนา มีพื้นเพทางด้านการเกษตรอยู่แล้วทำให้มีความสนใจ และด้วยความที่ภรรยาผมมีที่ดินอยู่ที่ บ้านนาต้นจั่น ต.บ้านตึก อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย อยู่เขตติดต่อกับ อ.ลับแล เป็นพื้นที่เขาเตี้ยๆ สลับกับร่องเขา มีพืชเดิมอยู่แล้ว ลางสาด ลองกอง ไผ่ซางหม่น จึงมีแนวคิดที่จะพัฒนาที่ดิน  เน้นพืชเศรษฐกิจ อย่างไผ่ซางหม่นซึ่งเป็นไม้ประจำถิ่น

      บรรจง เล่าว่า เริ่มแรกปลูกไผ่ซางหม่น และก็ทุเรียน เริ่มแรกมาปลูก 60 ต้น ตายหมด ทำให้เราต้องมาศึกษาใหม่ และทดลองหลายๆ อย่าง เรียนรู้ และแสวงหาองค์ความรู้ใหม่ๆ เกี่ยวกับเกษตรกรรมผ่านสื่อออนไลน์ในยามว่างเว้นจากภารกิจหลักมากว่า 5 ปี พอสรุปได้ว่า ดิน น้ำ และสภาพอากาศมีความสำคัญตามลำดับในการทำเกษตรกรรมธรรมชาติ เพื่อให้พืชพันธุ์ต่างๆ เจริญงอกงาม ดังนั้นดินต้องมีสภาพเหมาะสมกับการปลูกพืชนั้นๆ เช่น ต้องมีสารอาหารที่พืชต้องการ รวมถึงต้องมีจุลินทรีย์ในการช่วยย่อยสลายซากพืชซากสัตว์ มีเชื้อราที่ดีคอยเฝ้าระวังป้องกันเชื้อราร้ายเข้าทำลายพืชผักผลไม้ และ..น้ำต้องมีคุณสมบัติเหมาะสมกับการบริโภคของพืชเช่นกัน ค่า pH อยู่ในช่วง 5.6-6.5

        "ทั้งหมดเป็นความมุ่งมั่นที่ต้องการศึกษาและหาความรู้ ทำเพื่อให้เป็นแบบอย่างให้เกษตรกร ดังนั้นต้องทำให้เขาเห็น และต้องเข้าใจว่าอาชีพเกษตรกรเป็นอาชีพที่ไม่รวย แต่คนทำต้องทำด้วยใจ จึงขึ้นโลโก้ตลอดว่าใช้ชีวิตอย่างเพียงพอแล้วจะพอเพียง" บรรจงกล่าวย้ำ

      บรรจง ยังได้เล่าทิ้งท้ายไว้ว่า "ผมไม่มีคำว่าสำเร็จในชีวิต มีแต่คำว่าทำแล้วสบายใจ ว่าเราทำได้ และคิดเสมอว่าองค์ความรู้ที่ตัวเองมีและคิดที่จะใช้เพื่อทำเป็นตัวอย่างให้กับชาวบ้านแถวนั้นได้เห็นว่าทำได้ และคิดว่า ผมพอที่จะทำได้และสอนได้แล้ว ส่วนในด้านของชีวิตราชการของผมนั้น พอใจทุกตำแหน่ง ทุกบริบทที่เราได้รับมอบหมาย และเราก็ทำหน้าที่ตรงนั้นให้ดีที่สุด ดังนั้นฝากถึงคนที่คิดอยากเป็นข้าราชการนั้น ต้องอยู่แบบพอเพียง ไม่งั้นจะไม่เพียงพอ ต้องไปขวนขวายหาปัจจัยอื่นที่นอกเหนือหน้าที่เข้ามา ทำให้ลามไปถึงการได้มาด้วยมิชอบ และทำให้ใจมีความอยากได้โดยตลอด.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"