สธ.ตรวจผูสั้มผัส ติดโควิดเมียนมา 74รายผลเป็นลบ


เพิ่มเพื่อน    

 ข่าวดี สธ.เผยผลตรวจผู้สัมผัสผู้ป่วยโควิดเมียนมา 74 รายผลตรวจเป็นลบ แต่ต้องเฝ้าระวังดูอาการ 14 วัน รถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยพระราชทาน 3 คันได้ลงพื้นที่แล้ว ขณะที่ ศบค.พบผู้ป่วยนำเข้า 5 คน

    เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2563 ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา  2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวันว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 5 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าพักในสถานที่กักตัวของรัฐ โดยเดินทางมาจากฮ่องกง 1 ราย, สหราชอาณาจักร 2 ราย, สหรัฐอเมริกา 1 ราย และสิงคโปร์ 1 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสม 3,641 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 3 ราย ทำให้หายป่วยสะสมแล้ว 3,454 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 59 ราย
    นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาตั้งแต่วันที่ 5-11 ต.ค. ในประเทศเมียนมาพบว่ามียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มมากขึ้นถึง 10,180  ราย มีผู้เสียชีวิต 234 ราย ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับ 6 สัปดาห์ที่ผ่านมาของประเทศเมียนมา  โดยมีผู้ติดเชื้อบางส่วนอยู่ในรัฐที่ติดกับประเทศไทย อย่างไรก็ตาม มาตรการที่ประเทศไทยได้ดำเนินการป้องกันการแพร่เชื้อจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาไทย ได้ดำเนินการอย่างเข้มแข็งมาตั้งแต่เดือนที่แล้ว
    ทั้งนี้ จังหวัดที่เป็นชายแดนติดกับประเทศเมียนมามี 10 จังหวัด ได้ยกระดับการเฝ้าระวังตรวจคัดกรอง รวมถึงมาตรการป้องกันการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย โดยได้รับความร่วมมือจากฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายปกครอง และฝ่ายสาธารณสุข ที่ช่วยกันสอดส่องดูแลไม่ให้ผู้ที่แปลกหน้าเข้ามาในพื้นที่ เมื่อมีผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจก็จะมีการสอบสวนและควบคุมอย่างรวดเร็ว
    โดยจะเห็นได้ว่าเมื่อวันที่ 9 ต.ค. ที่ จ.ตากได้ร่วมกันคัดกรองพนักงานขับรถบรรทุกขนส่งสินค้าทั้ง ชาวไทยและเมียนมาที่ทำงานอยู่ที่พรมแดน พบผู้ติดเชื้อ 2 ราย และพบเพิ่มอีก 1 รายในวันที่ 10 ต.ค. จึงส่งตัวทำการรักษาในโรงพยาบาลเมียวดีในประเทศเมียนมาเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งการสอบสวนโรคในพื้นที่พบมีผู้สัมผัสใกล้ชิดในฝั่งไทยรวม 74 คน ผลการตรวจหาเชื้อเป็นลบ ไม่พบเชื้อ แต่ต้องมีการกักตัวให้ครบ 14 วัน
     นอกจากนี้ รถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยพระราชทาน 3 คันได้ลงพื้นที่เพื่อทำการเก็บตัวอย่างจากคนในพื้นที่ อ.แม่สอด ทั้งคนไทยและต่างชาติ ตรวจค้นหาโควิด-19 เป้าหมาย 1,500 คน ถือเป็นการเฝ้าระวังเชิงรุกในพื้นที่ และสร้างความเข้าใจกับประชาชนว่าการพบผู้ติดเชื้อในพื้นที่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่มีมาตรการที่เข้มแข็งและรวดเร็วในการเข้าไปควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อ ทั้งนี้ มาตรการที่แนะนำยังคงเป็นเรื่องการสวมใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างทางสังคม หากใครมีอาการไข้ ไอ มีน้ำมูก จะต้องเข้ารับการรักษา ซึ่งเป็นตัวช่วยในเรื่องความปลอดภัย แม้จะพบผู้ติดเชื้อจากประเทศเพื่อนบ้าน
    นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ไม่ควรมีอะไรต้องตื่นตระหนก แต่ควรต้องทำความเข้าใจที่จะอยู่กับโควิด-19 ให้ได้ เพราะวันนี้ก็เข้าสู่เดือนที่ 10 การจะไปตั้งรับอย่างเดียวคงไม่ได้ ซึ่งต้องรู้และต้องเดินคู่ขนานกัน และหาวิธีที่จะอยู่ห่างกันที่สุด ซึ่งตนก็คิดว่าอยู่ได้  และการติดเชื้อในประเทศไทยก็ไม่มีมาแล้วกว่า 5 เดือน และทุกคนก็มีความระมัดระวัง และสูตรสำเร็จของโควิดยุคนี้จนกว่าจะมีวัคซีน และไม่มีอะไรดีกว่าการสวมใส่หน้ากากอนามัยและล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ ซึ่งเชื่อว่าโอกาสติดเชื้อจะน้อยมาก.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"