ตั้งสติเอาไว้ให้ดี


เพิ่มเพื่อน    

 

 

  อันดับแรก...ก็คงต้อง ตั้งสติเอาไว้ให้ดี เหมือนอย่างที่ หมอวรงค์ หรือนายแพทย์ วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.ประชาธิกัดท่านได้เสนอแนะต่อรัฐบาล ไว้ในเฟซบุ๊กส่วนตัวนั่นแหละ ด้วยเหตุเพราะสิ่งที่เรียกว่า สติ นั้น ย่อมถือเป็นมาตรการขั้นแรก หรือขั้นต้น ในการรับมือกับทุกๆ สถานการณ์ได้เสมอๆ โดยเฉพาะถ้า สติมา และ ปัญญาเกิด โอกาสที่จะแยกแยะ ใคร่ครวญ พิจารณา สะสางแต่ละสิ่ง แต่ละอย่าง ไปได้เป็นขั้นๆ ย่อมมีความเป็นไปได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์...

                                      ----------------------------------------------

                คือช่วงระหว่างนี้...เมื่อเจอเข้ากับม็อบโน้น ม็อบนี้ ใครก็ตามที่ สติ-สตังค์ ไม่อยู่กับเนื้อ-กับตัว อาจถึงกับ มืออ่อน-ตีนอ่อน เอาง่ายๆ ไม่ก็อาจ สวิง ไปคนละด้าน คือออกอาการดี๊ๆ ด๊าๆ ออกัสซัมกันแบบพลั่กๆๆ แบบใกล้ๆ เราชนะ...แล้วแม่จ๋า อะไรประมาณนั้น ไม่ต่างอะไรไปจาก ลูกตุ้มนาฬิกา ที่แกว่งไกวไปในด้านหนึ่ง ด้านใด แบบชนิดแทบไม่คิดเอาเลยว่า หลังจากทุกสิ่งทุกอย่าง มันเริ่มสุดฤทธิ์และสุดล้าแล้ว อัตราความเร็วและความแรงของ ปฏิกิริยา ที่จะแกว่งกลับมาในด้านตรงข้าม มันจะหนักหนา สาหัส ไปถึงขั้นไหน แบบเดียวกับการแกว่งไปสู่ ด้านซ้าย สุดๆ หลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ.2516 นั่นแหละทั่น เพียงแค่อีกไม่กี่ปีต่อมา เมื่อมันดันแกว่งกลับมาสู่ ด้านขวา แบบชนิดเปรี้ยงๆ ดังเสียงฟ้าฟาด โครมๆ พินาศพังสลอน อะไรทำนองนั้น จนก่อให้เกิดเหตุการณ์ 6 ตุลาคม พ.ศ.2519 ก็เล่นเอาใครต่อใครมีแต่ต้องน้ำตาตก แน่นหน้าอก เจ็บปวดรวดร้าวทรมานกันไปเป็นแถบๆ...

                                      -----------------------------------------------

                ดังนั้น...ถ้าหากเริ่มต้นกันด้วย สติ ไม่วูบไหวไป-มา ไม่หงุดหงิดงุ่นง่าน ไม่โกรธ เกลียด เคียดแค้น อาฆาตพยาบาทและริษยาไม่ว่าจะออกไปในแนวไหนก็ตาม ก็น่าจะพอเห็นได้ว่าสิ่งที่ หมอวรงค์ ท่านชี้แนะ ชี้นำ ไว้ในอีกหลายเรื่อง หลายกรณี ก็ออกจะเป็นอะไรที่น่าสนใจไม่น้อยเช่นกัน เช่น อย่าหวั่นไหวกับกระแสที่สร้างขึ้น-ไม่ต้องปิดรถไฟฟ้า-ไม่ต้องสลายการชุมนุม-ปล่อยให้เขาชุมนุมไปตามที่เขาต้องการ โดยให้เหตุผลเอาไว้แบบสั้นๆ-ง่ายๆ ประมาณว่า...เพราะเขาไม่มีประเด็นและข้อมูล ส่วนใหญ่มีแต่ด่าหยาบๆ คายๆ อะไรประมาณนั้น ซึ่งก็คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้นั่นแหละว่า อะไรต่อมิอะไรมันก็ดูจะเป็นไป ตามนั้น ซะเป็นหลัก....

                                      ----------------------------------------------

                คือพูดง่ายๆ ว่า...ถ้าหากบรรดาหนูเล็กๆ และเด็กๆ ทั้งหลาย เขาเกิด เราชนะแล้ว...แม่จ๋า ขึ้นจริงๆ แล้วล่ะก็ บรรดาผู้หลัก-ผู้ใหญ่ทั้งหลาย ไม่ว่าฝ่ายไหนต่อฝ่ายไหนเอาเลยก็ว่าได้ ย่อมมีสิทธิ์ เจ๊ง...กับ...เจ๊ง หรือ ฉิบหาย...กับ...ฉิบหาย สูงเอามากๆ เพราะบรรดาสิ่งทั้งหลาย ทั้งปวง ที่เขาเรียกร้องต้องการ มาถึงขั้นนี้...ก็ยังแทบสรุปไม่ได้ ว่าเขาต้องการอะไรกันแน่!!! ต้องการให้สตาร์ทเงินเดือนรายละ 5 หมื่นขึ้นไป ต้องการให้เบี้ยเลี้ยงคนชรา 5 พัน 6 พัน หรืออีกกี่พันก็ยังมิอาจรู้ได้ ต้องการให้ ฮ่องกง เป็นเอกราชไปจากเมืองจีน จะเพื่อตอบสนองการ ชู 3 นิ้ว ของคุณน้อง โจชัว หว่อง หรือไม่ อย่างไรก็ตามที แต่เล่นเอา เสธ.ไพศาล ที่ออกจะเป็นจีนซะยิ่งกว่าจีน ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า ชักจะ เชียร์ ไม่ออก ไม่อาจ แฉลบออกข้าง ไหลไปตามกระแสแบบเท่าที่เคยเป็นมาได้อีกต่อไป  ฯลฯลฯลฯลฯ...

                                   -------------------------------------------------

                หรือแม้แต่การให้ ประยุทธ์ลาออก แล้ว แก้รัฐธรรมนูญ หรือให้ แก้รัฐธรรมนูญ ก่อนหรือหลัง ประยุทธ์ลาออก ก็ยังเป็นอะไรที่ไม่ถึงกับชัดเจน แจ่มแจ้ง พอที่จะเอามาเป็นข้อสรุป เป็นหัวข้อเจรจา ต่อรอง กับใครหรือกับอะไรต่อมิอะไรก็ยังมิอาจกำหนดได้แน่นอน ยิ่งถ้าเป็นเรื่องใหญ่ๆ ระดับ พลิกฟ้า-คว่ำดิน ด้วยแล้ว ยิ่งแทบหา เจ้าภาพ ชนิดเป็นตัว เป็นตน แทบไม่ได้ ดังนั้น...เมื่อไม่มีใครที่จะออกมาแสดงตนเป็นแกนนำ แกนนั่ง แกนนอน หรือส่วนใหญ่...หนักไปทางนั่งทวีต นั่ง เขียนสคริปต์ อยู่เบื้องหลังไปด้วยกันทั้งสิ้น อีกทั้งบรรดาผู้ที่คิดจะเป็นแกน ก็ดันถูกรวบตัวเข้าซังเตไปแล้วแทบทั้งหมด ด้วยเหตุนี้...ทุกสิ่งทุกอย่างในช่วงระยะนี้ มันคงแทบไม่ต่างอะไรไปจากการ ระบายอารมณ์ หรือการ ขบถสังคม กันไปเป็นพักๆ...

                                  -----------------------------------------------------

                เหมือนอย่างที่บรรดาขบถ หรือกบฏสังคมทั้งหลายเมื่อครั้งอดีต เคยลุกฮือขึ้นมาเล่นงานรัฐบาลอเมริกันจนม่อยกระรอกไปเป็นแถบๆ ก่อนที่จะหวนกลับมาเป็น พลเมืองดี ทิ้งความเป็นฮิปป้ง ฮิปปี้ กลายมาเป็นนักธุรกิจ นักการเมืองอเมริกัน ในเวลาต่อมาจนบางรายสามารถขึ้นชั้นเป็นประธานาธิบดี อย่างเช่น นาย บิล คลินตัน เป็นต้น ที่สุดท้าย...ดันต้องไป เสร็จโมนิกา ลูวินสกี กันจนได้ ด้วยเหตุเพราะความเป็น ขบถ นั้นๆ มันแทบไม่ได้ช่วยให้เกิดความดีงามในแง่จริยธรรม คุณธรรม ศีลธรรม ฯลฯ มากมายซักเท่าไหร่นัก เป็นเพียงแค่ แรงทะยาน ที่จะนำไปสู่เป้าหมายที่ตัวเองต้องการ แบบเดียวกับ ขบถ บ้านเรานั่นแหละ ที่ส่งผลให้บรรดา คนเดือนตุลาฯ จำนวนไม่น้อย ค่อยๆ หันมาใช้ยุทธวิธี จากป่าล้อมเมือง...และเข้ายึดแต่ละกระทรวง ในท้ายที่สุด กลายมาเป็นรัฐมนตง รัฐมนตรี หลังจากที่ได้เติบโตพอสมควรแล้ว...

                                    ------------------------------------------------------

                แต่ก็นั่นแหละ...การหาทางคลี่คลายแรงกดดันทางสังคมในช่วงนี้ ก็ใช่ว่าจะปอกกล้วยเข้าปากกันได้ง่ายๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากยังมี เงื่อนไข และ เหตุปัจจัย ที่แทบไม่ต่างไปจากกองฟืนแห้งๆ ที่ถูกสุมเอาไว้ทั่วบ้าน ทั่วเมือง ยังไม่มี ความชอบธรรม มากพอ ที่จะนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการคลี่คลายแรงกดดันต่างๆ ลงไปได้มั่ง ดังนั้น...สำหรับผู้ที่ ตั้งสติ ได้อย่างมั่นคง แข็งแรง จนก่อให้เกิด ปัญญา พอที่จะใคร่ครวญ พิจารณา แยกแยะสถานการณ์ต่างๆ ไปได้เป็นขั้นๆ ก็น่าจะพอมองเห็น คำตอบ อยู่บ้าง ว่าจะเอาไงกันดี จะเอายังไงกันต่อ!!!

                                 --------------------------------------------------------

                ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Nikki Giovani... “Mistakes are the fact of life. It is the response to the error that counts. – ความผิดพลาดเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต แต่ปฏิกิริยาต่อความผิดพลาดต่างหาก ที่ถือเป็นเรื่องสำคัญ...”

                                 --------------------------------------------------------

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"