'บิ๊กตู่'ในจังหวะตั้งรับ กับปรากฏการณ์'เหลือง'ขยับ


เพิ่มเพื่อน    

     บทสนทนายอดฮิตของคนไทยในเวลานี้ที่ "ม็อบสามนิ้ว" ยังคงเกิดขึ้นหลายแห่งทั่วประเทศ ทั้งในรั้วการศึกษาและจุดต่างๆ ทำให้คนไทยเวลานี้พอเจอหน้ากัน คำถามยอดฮิตที่พูดคุยกันมากที่สุดคงไม่พ้น

                "จะจบแบบไหน" และ "บิ๊กตู่เอายังไง"???

            ซึ่งนักวิเคราะห์การเมืองทั้งหลายต่างก็บอกตรงกัน ของแบบนี้ต้องประเมินแบบวันต่อวัน ประเมินยาวๆ ไม่ได้ เหตุเพราะม็อบปัจจุบันแตกต่างจากม็อบในอดีตมากมายนัก โดยเฉพาะความเติบโตของสังคมโซเชียลมีเดียที่มีผลอย่างยิ่งต่อการเคลื่อนไหวทางสังคมการเมือง จนเห็นได้ชัดว่าแนววิเคราะห์สถานการณ์การเมืองขณะนี้ คนพูดถึงความเป็นไปได้ที่จะมี "รัฐประหาร" กันน้อยมาก เพราะมองว่าหากทหารทำรัฐประหาร กระแสต่อต้านจะยิ่งลุกลามมากขึ้นจนคุมไม่อยู่ ดังนั้นสถานการณ์ต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร ต้องมองกันแบบวันต่อวัน

            แต่หากมองจังหวะการตั้งรับของ "บิ๊กตู่-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี" พบว่า พยายามจะเปิดพื้นที่ทางการเมืองเพื่อดึงการเมืองร้อนๆ บนท้องถนนกลับเข้าสู่รัฐสภา ด้วยหวังลดโทนกระแสม็อบที่ร้อนแรงลง จนเป็นที่มาของการที่คณะรัฐมนตรีเป็นเจ้าภาพใช้ช่องทางตามรัฐธรรมนูญมาตรา 165 ให้มีการเปิดประชุมวิสามัญรัฐสภา 26-27 ตุลาคมนี้ โดยไม่ต้องรอให้ ส.ส.เข้าชื่อกันขอเปิดประชุม แม้พลเอกประยุทธ์รู้ดีว่าการเปิดประชุมสภาดังกล่าว 2 วัน จะต้องถูกฝ่ายค้านอภิปราย

                "รุมสับ-ทะลวงหมัด-ซัดไม่ยั้ง"

            สองวันเต็ม เพื่ออภิปรายเชิงตำหนินายกฯ ต่อกรณีการใช้มาตราการต่างๆ เพื่อคุมม็อบ เช่น ออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร แต่ก็มีข่าวว่าพลเอกประยุทธ์อยู่ระหว่างการเตรียมยกเลิกประกาศดังกล่าวแล้ว รวมถึงคาดว่าฝ่ายค้านคงซัดพลเอกประยุทธ์หนักกรณีตำรวจเข้าควบคุมพื้นที่การชุมนุมที่สี่แยกปทุมวัน เมื่อ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา ตลอดจนการอภิปรายเรื่องรัฐบาลพยายามจำกัดการรับรู้ของประชาชนผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ แต่ล่าสุดศาลอาญามีคำสั่งให้ยกเลิกคำสั่งศาลที่ให้ระงับการแพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ไปแล้วเมื่อ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ทุกอย่างกลับสู่สภาพปกติต่อไป เป็นต้น

            คาดว่าช่วงหยุดยาวสามวัน 23-25 ต.ค.นี้ พลเอกประยุทธ์คงต้องเรียกทีมงานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องมาติวเข้ม เพื่อเตรียมพร้อมทั้งข้อเท็จจริง-ข้อกฎหมาย-คลิปภาพต่างๆ เพื่อชี้แจงและตอบโต้การอภิปรายของฝ่ายค้าน เพื่อไม่ให้การเปิดประชุมรัฐสภารอบนี้ พลเอกประยุทธ์เพลี่ยงพล้ำหนักขึ้นไปอีก คาดหมายได้ว่าพลเอกประยุทธ์คงต้องเตรียมพร้อมอย่างหนักก่อนรับมือฝ่ายค้าน เพราะหากเกิดชี้แจงหรือตอบโต้ฝ่ายค้านไม่ได้ ก็อาจมีผลทำให้ม็อบขยายตัวมากขึ้นก็ได้

            ประเด็นที่น่าจับตาในการเปิดประชุมรัฐสภารอบนี้ก็คือ แม้จะเป็นการประชุมเพื่อนำปัญหาม็อบขับไล่นายกฯ และแสดงออกถึงการต่อต้านสถาบันเข้าไปหารือในที่ประชุมรัฐสภา แต่หากบางช่วงบางตอน เนื้อหาการอภิปราย-ชี้แจง ทั้งของฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน หากไปโยงถึงการแสดงออกของผู้ชุมนุมที่เกี่ยวข้องกับ "สถาบันพระมหากษัตริย์" ทางพลเอกประยุทธ์ รวมถึงบรรดา ส.ส.รัฐบาล ที่จะเป็นทีมคอยช่วยเหลือบิ๊กตู่ในสภา จะนำเรื่องนี้ไปพูดในที่ประชุมสภาอย่างไร เพราะม็อบคงจับจ้องท่าทีนายกฯ เรื่องนี้มากกว่าฝ่ายค้านอยู่แล้ว 

            ถือเป็นเรื่องที่อ่อนไหวทางการเมืองอย่างยิ่ง ที่ทั้งฝ่ายรัฐบาล-ฝ่ายค้านต้องรัดกุมพอสมควรหากจะอภิปราย-ชี้แจง พาดพิงเรื่องสถาบันเบื้องสูงกลางที่ประชุมรัฐสภา

            ขณะที่ท่าทีของพลเอกประยุทธ์ในยามที่โดนมรสุมการเมืองซัดกระหน่ำ ที่ถือว่ารอบนี้หนักสุดแล้ว จนหลายคนสงสัยว่าบิ๊กตู่จะหาทางออกอย่างไร หากสุดท้ายสถานการณ์บานปลาย คุมไม่อยู่ และต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง จะเลือกทางไหน ก็มีข่าวว่าระหว่างการประชุม ครม.เมื่อวันอังคารที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์ระบุตอนหนึ่งกลางวงประชุม ครม.ว่า

                "ที่ผ่านมาผมก็รู้สึกน้อยใจเหมือนกันนะที่ไม่มีใครช่วยปกป้องผมเลย แต่จริงๆ​ ไม่ต้องปกป้องผมหรอก​ แต่ช่วยกันปกป้องสถาบัน"

            ท่ามกลางความเคลื่อนไหวที่เริ่มเห็นหลายจุด ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดที่ "กลุ่มต่อต้านม็อบสามนิ้ว" เริ่มขยับ มีการนัดรวมตัวใส่เสื้อเหลืองกันแล้วหลายแห่ง รวมถึงกลุ่มคนที่มีชื่อเสียงในวงการต่างๆ แม้แต่วงการดารานักแสดงก็เลิกเป็น "เสียงเงียบ" โดยส่วนใหญ่บอกว่าเรื่องม็อบไล่นายกฯ-เรียกร้องให้แก้ รธน. เป็นเรื่องปกติทางการเมือง แต่ที่รับไม่ได้คือม็อบสามนิ้วมีพฤติกรรมลามปามไม่หยุดกับการก้าวล่วง จาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งในอดีตและปัจจุบัน

            จนหลายคนหลายกลุ่มเริ่มมีแอคชันกันออกมามากขึ้น โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร ที่มีข่าวว่าจะนัดแสดงพลังกันที่สวนลุมพินีในสัปดาห์หน้า เลยเริ่มทำให้หลายฝ่ายหวั่นเกรงว่าจะเกิดการเผชิญหน้ากันของคนสองกลุ่มสองความคิด ซึ่งคือคนไทยด้วยกันเอง ที่ถือเป็นสถานการณ์ที่ต้องเฝ้าติดตามอย่างมาก เพื่อช่วยกันป้องกันไม่ให้เกิดเหตุเผชิญหน้ากัน

                กับสถานการณ์เขม็งเกลียวในยามนี้ ที่ผู้คนตั้งคำถามกันไปทั่ว จะจบอย่างไร จบแบบไหน? ดูรูปการณ์แล้วประเมินตอนจบได้ยากยิ่ง.

           

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"