ช่วงความอึดอัดในเมืองรอบนี้เริ่มลดลง


เพิ่มเพื่อน    

      ดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์กับลีลาดาวจรแห่งความอึดอัด-คลี่คลาย

        พระเสาร์จร 7 และพระพฤหัสบดีจร 5 ที่ราศีธนูตรึงกำลัง-ผลัดกันรุก-รับในราศีธนู ระหว่างวันที่ 17 กรกฎาคม 2563-14 พฤศจิกายน 2563

        พระพฤหัสบดีจร 5 เริ่มเดินนำเข้าราศีมังกรตั้งแต่ 14 พฤศจิกายน 2563 เป็นต้นไป

        ยังจำกันได้หรือไม่ที่ก่อนหน้านี้ผู้เขียนขอให้คนไทยช่วยกันพาเมืองผ่านพ้น ช่วง 10 กันยายน 2563 ไปให้ถึงอย่างต่ำ 24 กุมภาพันธ์ 2564 เพราะทางโหรมีเกณฑ์ร้ายหลายอย่างที่สะสมพลัง พร้อมจะเกิดขึ้นชนิดคาดไม่ถึง

      บัดนี้อาการต่างๆ ได้เกิดแล้ว แม้ยากจะอธิบายแต่ผู้เขียนจะค่อยๆ แกะปรากฏการณ์ออกมาเป็นตอนๆ เริ่มด้วยปรากฏการณ์อึดอัดใจในเมือง คือ

      1.ลางของการเกิดอาการอึดอัดใจเหมือนคนท้องอืด หัวร่อมิออก ร่ำไห้ไม่ได้ รอบนี้ เริ่มก่อตัวมาตั้งแต่ประมาณ 17 กรกฎาคม 2563 เมื่อพฤหัสบดี หัวหน้าดาวดี หรือพระสยามเทวาธิราชที่เดินอยู่ในราศีธนู ตรึงกำลัง หรือที่ทางโหรเรียก สมาสัปต์ กับพระเสาร์ หัวหน้าดาวร้าย ตัวซวยของเมืองที่เดินอยู่ในราศีธนูด้วย (ตามรูป พระเสาร์จร 7 ทับพฤหัสบดีดวงเดิม ๕ และพฤหัสบดีจร 5 ทับพระเสาร์ดวงเดิม ๗)

      อาการตรึงกำลังของหัวหน้าดาวดี-ร้ายนี้ หากพบในดวงชะตาคน ผู้เขียนจะเตือนให้ระวังว่าจะพบความอึดอัดใจ-หัวอกแทบระเบิด เพราะถูกบีบให้เดินในทางแคบๆ ที่ไม่อยากเดิน แต่จำเป็นต้องเดิน หรือบางครั้งเลือกทางเดินเองไม่ได้ คนอื่นเลือกให้ก็มี กว่าจะผ่านพ้นไปได้แทบปางตาย

      ตัวอย่างที่ครอบครัวผู้เขียนเองเคยพบประสบการณ์นี้ในดวงชะตาของสมาชิกในครอบครัวระดับมีทางเลือก 24 ทาง เลือกไม่ได้แม้แต่ทางเดียวอึดอัดเหมือนม่านดำคลุมบ้าน พูดไม่ออกบอกไม่ถูก สุดท้ายเมื่อดาวสองดวงหยุดตรึงกำลังกันปรากฏว่า ไปได้ทางที่ 25 ที่ไม่ได้เลือก ซึ่งอาการเช่นนั้นผู้เขียนเข็ดไม่ขอพบเจออีกแล้ว

      ส่วนในดวงเมือง เมื่อดาวสองขั้วตรึงกำลังเช่นนี้ เกิดการสู้กันสองฝ่าย แถมผลัดกันรุก-รับ ไม่มีใครยอมใคร ตามลีลาของราศีธนูที่เป็นดินแดนความเชื่อ-อุดมคติ-กฎหมาย-รัฐธรรมนูญของเมือง

      ผลคือมีการต่อสู้ดุเดือดให้อึดอัดใจยิ่งเกี่ยวกับ อุดมการณ์ประชาธิปไตย และ สถาบันหลักของชาติ โดยมีเกณฑ์อื่นร่วมเกิดด้วยช่วยผสมโรง คือ

      2.นานมาแล้วตั้งแต่ประมาณมีนาคม 2559 มฤตยูจร (0) ดาวแห่งภัยอาเพศ-การปฏิวัติ-นักปฏิวัติ-ความล้ำเลิศหรือวิตถาร (เป็นได้ทั้งสองอย่าง) เดินอยู่ในราศีเมษทับลัคนาและพระอาทิตย์ (๑) ดาวจิตใจและคนวัยรุ่น (พระอาทิตย์-ตัวแทนภพปุตตะ) ของเมือง ผลคือนักปฏิวัติวัยรุ่นจึงซ่องสุมพลังกันเต็มเมือง ด้วยเครื่องมือสื่อสารอันล้ำสมัย (มฤตยูดวงเดิม ดวงเมืองอยู่ในภพที่สาม-สหัชชะ) รอวันระเบิด คือ

      ครั้นตั้งแต่ประมาณ 10 กันยายน 2563 เป็นต้นมา ดาวมฤตยูเริ่มเดินผิดปกติ หรือทางโหรเรียกวิกลคติแบบ ถอยหลัง หรือ พักร การอยู่แต่ในโลกโซเชียลเสมือนจริงจึงพลิก พากันลงถนนชนิดเอาเป็นเอาตาย-ด่าจริง-ก้าวร้าวจริง จะเอาการปฏิวัติสยาม 2475 คืนมา (อาการดาวถอยหลัง) เช่น มาใน นามคณะราษฎร 2563

      เกณฑ์ดาวมฤตยูเดินถอยหลังนี้จะยาวไปถึงวันที่ 1 มกราคม 2564 จึงจะกลับมาเดินปกติ จึงเชื่อว่า นักปฏิวัติสยามย้อนอดีตทั้งหลาย คงหาทางไปเรื่อยๆ จนถึงวันนั้น ก่อนจะกลับมาปฏิวัติแบบเดินหน้ากันต่อไป (ถึง 8 กรกฎาคม 2565)

      3.เคราะห์ซ้ำกรรมการซัดวันเดียวกันนั้นคือ 10 กันยายน 2563 พระราหูศรีจร (8) ย้ายจากราศีมิถุนที่ให้คุณดวงเมือง เข้าไปเดินในราศีพฤษภ-ทำให้ดวงเมืองแตกเป็นราหูค้นทรัพย์

      ส่วนดีของพระราหูศรีจรที่นำหน้าลัคนาเมืองก็มี แต่ส่วนร้ายคือ คนบางส่วนถูกชักนำได้ง่ายแบบไม่มีสติ จากคนที่ต่างประเทศ (พระราหู) ชักนำ เกิดอาการของพระราหูเต็มเมือง คือ ก้าวร้าว โหวกเหวก หยาบคาย ตะโกนด่า ไล่ล่าคนที่เห็นต่าง ใช้อารมณ์นำหน้าเหตุผล

      4.ปรากฏการณ์หมูท้าชนราชสีห์ในเมืองเริ่มประมาณ 10 ตุลาคม 2563 (พระอังคารกาลกิณีจรเดินถอยหลังในราศีมีนทับพระราหูดวงเดิม) เช่น มีการท้าทายสถาบันชนิดที่คนเกิดหลังสงครามโลกไม่เคยเห็นมาก่อน เกณฑ์นี้จะเป็นไปถึงประมาณ 28 ธันวาคม 2563

      เมื่อเกณฑ์ร้ายหลายชนิดเกิดเช่นนี้ ต่อไปนี้คือการณ์ที่คาดว่าจะเป็นต่อไป

      ก. หลังจากผลัดกันรุกไล่มานาน ครั้นเมื่อที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา ประมาณเที่ยงวันพระเสาร์จร (7) กับพฤหัสบดีจร (5) กุมหรือร่วมกันสนิทองศา ทำให้เกิดเรื่องใหญ่คือ การประกาศเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินร้ายแรงของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เรียกร้องให้ทุกฝ่ายถอยคนละก้าว เปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญให้หารือหาทางออกกัน

      พร้อมกับการเริ่มเกิดของคนที่จงรักภักดีใส่เสื้อเหลืองที่เริ่มตั้งหลักได้ (หลังจากพฤหัสบดีจรถูกล่ามานาน) เริ่มที่ชลบุรี-นราธิวาส และลามไปทั่วประเทศ

      ข. ครั้นตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม 2563 เป็นต้นไป ฝ่ายหัวหน้าดาวดีคือหัวหน้าพระพฤหัสบดีจร จะเป็น ฝ่ายค่อยๆ เดินล้ำหน้าฝ่ายหัวหน้าดาวร้ายคือพระเสาร์จร ยาวนานไป 20 ปี กว่าจะมาพันตูในลักษณะนี้อีกครั้ง (มีลักษณะอื่น)

      ค. ผลของหัวหน้าดาวดีเริ่มนำหัวหน้าดาวร้าย นี้ คาดว่าจะมีการค่อยๆ นำมาตรการทางกฎหมาย-กระบวนการยุติธรรมมาใช้รับมือความขัดแย้ง แบบหวังดี-เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ตามอาการของพฤหัสบดี

      อีกทั้ง การเปิดหารือกันในรัฐสภาที่พฤหัสบดีเป็นตัวแทนอยู่ก็เป็นหนึ่งในอาการที่คาดว่าจะเกิดขึ้น เพียงแต่จะเห็นผลทันทีคงไม่ได้ ต้องรออาการดีขึ้นทุกองศาที่ดาวสองดวงนี้แยกจากกัน

        5.อาการความอึดอัดใจรอบนี้ที่จะเริ่มจางไปตั้งแต่ 14 พฤศจิกายน 2563 เมื่อการตรึงกันของดาวสองขั้วสิ้นสุดลง (พฤหัสบดีจรเดินหน้าย้ายราศีจากธนูเข้ามังกร)

      ทั้งนี้ รวมทั้งดวงชะตาของผู้นำรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้วยที่ต้องฝ่านด่านไปให้ถึง เพราะระหว่างนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เนื่องจากกำลังอยู่ในช่วงมหาอึดอัด หรือมหาถูกบีบ (ลัคนามังกร)

      อย่างไรก็ตาม ต้องไม่ลืมว่าแม้จะเริ่มโล่งขึ้นแต่ เกณฑ์ร้ายอื่นในดวงเมืองอื่นยังรอเกิดอยู่ ที่จะต้องฟันฝ่าไปให้ถึงประมาณสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2564 เป็นอย่างต่ำ สำหรับรอบนี้

      หากจะให้สบายกันบ้าง ผู้เขียนเห็นว่าดวงเมืองรัตนโกสินทร์นี้ถูกออกแบบมาให้รอดเสมอ ขนาดศึกเก้าทัพยังพ่ายแพ้อาถรรพ์ ถอยทัพกลับไปเอง (หลังจากสู้เต็มที่แบบใจหายใจคว่ำแล้ว) หรืออังกฤษกับฝรั่งเศสช่วยกันรุมทึ้ง สยามก็แค่ทรุด

      อีกทั้งทุกวิกฤติที่เกิดขึ้น เมืองจะมีโอกาสดีๆ ตาม (อาการดวงชะตาเมืองแบบกรรไกรหนีบแล้วคลายออก) ซึ่งจะได้บอกในตอนต่อๆ ไป

      ตอนหน้าจะคาดหมายว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลัง 14 พฤศจิกายน 2563 เมื่อหัวหน้าดาวดี-ร้ายเริ่มหยุดตรึงกัน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"