กรมพัฒนาธุรกิจการค้ากางแผนปี64ลุยช่วย SMEs โชวห่วย โอทอป เกษตรกร


เพิ่มเพื่อน    

 

28 ต.ค. 2563 นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ได้กำหนดแผนการทำงานเชิงรุกในปี 2564 โดยจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) และผู้ประกอบการท้องถิ่น ทั้งร้านโชวห่วย ซึ่งเป็นร้านค้าที่มีความใกล้ชิดกับชุมชน ผู้ประกอบการสินค้าชุมชน โอทอป สินค้าเกษตร และผู้ประกอบการธุรกิจบริการ และธุรกิจแฟรนไชส์ ให้มีช่องทางการตลาดเพิ่มขึ้น และมีรายได้เพิ่มขึ้น เพื่อช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล และกระทรวงพาณิชย์

โดยในการพัฒนาโชวห่วย จะมีการยกระดับร้านค้าโชวห่วยเป็นสมาร์ทโชวห่วยให้มีจำนวนเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันได้พัฒนาไปแล้วกว่า 3 หมื่นร้านค้า โดยจะช่วยยกระดับการบริหารจัดการร้านค้าปลีก ผลักดันให้มีการนำระบบบริหารจัดการหน้าร้าน (POS) มาใช้ ช่วยลดทุนการซื้อสินค้าเข้าร้านด้วยการประสานผู้ผลิตและซัปพลายเออร์ และจะผลักดันให้เป็นช่องทางการกระจายสินค้าโอทอป สินค้าชุมชน

สำหรับการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้กับสินค้าโอทอป สินค้าเกษตร และสินค้าชุมชน จะเพิ่มช่องทางการตลาดทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ผ่านการจำหน่ายในห้างค้าปลีกสมัยใหม่ ห้างสรรพสินค้า สนามบิน สถานที่ท่องเที่ยว ร้านค้าส่งค้าปลีกชุมชนทั่วประเทศ และช่องทางออนไลน์ รวมถึงการเชื่อมโยงผ่านเครือข่าย MOC Biz Club ทั่วประเทศ ส่วนธุรกิจบริการ จะช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับธุรกิจบริการที่มีแนวโน้มเติมโต เช่น ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ ร้านอาหาร แฟรนไชส์ โลจิสติกส์ สำนักงานบัญชี และเชื่อมโยงธุรกิจ Startup กับ SMEs เพื่อส่งเสริมการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี รวมทั้งจะผลักดันให้ธุรกิจมีการเข้าถึงแหล่งเงินทุนด้วยการใช้หลักประกันทางธุรกิจ

นายทศพลกล่าวว่า กรมฯ ยังจะเดินหน้าพัฒนางานบริการด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยจะนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการจองชื่อนิติบุคคล ทำให้สามารถรู้ผลได้ภายใน 2 นาที พัฒนาระบบการออกหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เพื่ออำนวยความสะดวกนักลงทุนต่างชาติ และจะผลักดันการใช้ระบบจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration) โดยจะลดอัตราค่าธรรมเนียมลงมาจากเดิม 30% ของ 5,100 บาท ลดเพิ่มเป็น 50% ซึ่งกำลังเตรียมออกกฎกระทรวงรองรับอยู่ และจะผลักดันเพิ่มผู้แทนรับจดทะเบียน เช่น ทนายความ ให้สามารถดำเนินการแทนกรรมการนิติบุคคลได้ ซึ่งจะทำให้มีผู้ใช้บริการผ่านระบบเพิ่มขึ้น รวมทั้งจะเพิ่มประสิทธิภาพของฐานข้อมูลของกรมฯ ให้เป็นบิ๊กดาต้า เพื่อให้ผู้ประกอบการใช้เป็นข้อมูลในการทำธุรกิจด้วย

นอกจากนี้ จะผลักดันให้ธุรกิจมีธรรมาภิบาล โดยยกระดับการประกอบธุรกิจให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด ผลักดันให้ใช้ระบบบัญชีมาตรฐาน โดยให้ทำบัญชีผ่านทางแอปพลิเคชัน หรือทางออนไลน์ และสามารถนำส่งงบการเงินประจำปีได้โดยอัตโนมัติ และจะผลักดันให้มีการนำ AI มาใช้สนับสนุนการตรวจสอบบัญชีธุรกิจว่าบริษัทใดทำผิดเงื่อนไขมาตรฐานบัญชี มีการตกแต่งบัญชีหรือไม่ เช่น บริษัทไม่มีเงินสด แต่ลงบัญชีเป็นเงินกู้ยืมจากกรรมการ ทั้งที่ไม่มีเงินจริง หรือบริษัทมีการชำระเงินทุนจดทะเบียนเต็มจำนวนหรือไม่ เป็นต้น


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"