ว่าด้วยคุณค่าของ “ขันติธรรม”


เพิ่มเพื่อน    

 

         ฮื่ออ์อ์อ์...ช่วงระหว่างนี้ คงไม่มีอะไรดีกว่า เหมาะกว่า ความพยายามหาทาง อึด หาทาง ทน ให้มากๆ เข้าไว้นั่นแหละทั่น!!! หรือจะหันไปหาอ่างน้ำเย็นใบใหญ่ๆ โดยอาจโรยเกลือ ใส่เกลือ ลงไปซักนิด เพื่อช่วยตัดความ เปรี้ยว ลงไปได้มั่ง ไม่มากก็น้อย จากนั้น...ก็นำเอาส้นมือและส้นตีนลงไปแช่ เพื่อลดความกระตุก ลดอาการสปริงของเส้นเอ็นบริเวณหัวเข่า เพื่อให้ไม่ต้องเสียเวลาออกไปไล่ตบ ไล่ถีบ ไล่กระทืบ ใครต่อใคร ให้ต้องเป็นเรื่อง เป็นราว มากมายยิ่งไปกว่านี้...

                            ----------------------------------------------------

            เพราะด้วยความ อึด ความ ทน ที่ว่านี้แหละ...หรือที่สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ท่านทรงเรียกขานเอาไว้ในภาษาพระ ว่า ขันติธรรม อะไรทำนองนั้น ไม่เพียงแต่สามารถส่งผลให้ ปัญหา หรือแม้กระทั่ง ตัณหา ต่างๆ คลี่คลายลงไปได้บ้างแล้ว ยังถือเป็นสิ่งที่มีคุณค่า ราคา ระดับสูงส่งอเนกอนันต์เอามากๆ หรือถือเป็นสิ่งซึ่งสามารถช่วยให้เกิด คุณธรรม ในระดับต่างๆ ทยอยตามมาอีกเยอะแยะมากมาย ไม่ว่าจะเป็น มโนธรรม จริยธรรม ไปจนถึง สามัคคีธรรม โน่นเลย อีกทั้งยังเป็นทางออก ทางแก้ ที่เป็นไปอย่างถาวรและยั่งยืน ไม่ใช่แค่ชั่วประเดี๋ยวประด๋าว หรือกลายเป็นการ แก้ปัญหาเก่า แต่อาจนำไปสู่การ สร้างปัญหาใหม่ ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้...

                     ----------------------------------------------------

            คืออย่างที่นั่งฟัง นอนฟัง ท่านสมาชิกสัปปายะสภาสถาน ออกมาพูดจาว่ากล่าว ระดมความคิด ความเห็น ต่อเนื่องกันถึง 2 วัน 2 คืนไปแล้วนั่นแหละทั่น โอกาสที่จะหาทางออก ทางแก้ ฉากสถานการณ์ต่างๆ ที่มันดันอุบัติขึ้นมาในช่วงระยะนี้ ออกจะเป็นอะไรที่ยากซ์ซ์ซ์เอามากๆ ไม่ว่าจะไล่เรียงมาตั้งแต่ให้ นายกรัฐมนตรีลาออก ที่แทบไม่ได้มีอะไรรับประกัน การันตี อะไรเอาเลยแม้แต่น้อย ว่าออกแล้วมันจะช่วยแก้ปัญหา บรรเทาเบาบางปัญหา ลงไปได้กี่มากน้อย เผลอๆ...อาจกลายเป็นการสร้างความสับสน ความระส่ำระสายตามมา อีกไม่รู้กี่ดอกต่อกี่ดอก ไม่ว่าจะไปหาใคร หานายกฯ คนใหม่มาแทนที่คนเก่ากันในแบบไหน อย่างไร หรือออกแล้ว...ใช่ว่าจะทำให้พวกเด็กๆ หายบ้า ลงไปซะเมื่อไหร่ เพราะอะไรต่อมิอะไรมันออกไปทาง เหาะเกินลงกา ไปไม่รู้จะกี่โยชน์ต่อกี่โยชน์ หรือหนักไปทางกู่ไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี กันไปเยอะแล้ว...

                        -----------------------------------------------------

            ส่วนการ แก้รัฐธรรมนูญ ก็คงหนีไม่พ้นต้องว่ากันไปตามสภาพ ตาม ไทม์ไลน์ อย่างที่ท่านรองนายกฯ วิษณุ ลิงคืนกล้วย ท่านแจกแจงรายละเอียดให้เห็นเป็นที่ประจักษ์อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้ ยิ่งถ้าหากคิดจะไปไกล ไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี ไปถึงการปฏิรูปสถาบง สถาบันโน่นเลย ก็ยิ่งแทบไม่มีรายละเอียด เนื้อหาใดๆ ที่พอจะหยิบเอามาเป็นแก่นสาระได้เลยแม้แต่น้อย ไม่ต่างไปจากการ ระบายลมผ่าน ของพวกที่สักแต่มีปาก ก็ว่ากันไปตามคำซุบซิบ นินทา หรือติฉิน นินทา อันมิอาจนำเอามาเป็นสารประโยชน์ เป็นเรื่อง เป็นราว สำหรับสิ่งที่มีความสำคัญในระดับคอขาด-บาดตาย ของบ้าน ของเมือง ได้เลยแม้แต่น้อย หรือมีแต่ทำให้ใครต่อใครต้องหาอ่างเอาไว้แช่เท้า แช่ส้นมือ ส้นตีน กันไปเป็นใบๆ นั่นแล...

                           ---------------------------------------------------

            คือสรุปแล้ว...มันคงแก้อะไรต่อมิอะไรแทบไม่ได้ มีแต่ต้องพยายาม อยู่ๆ กันไป โดยพยายามหาทางอึด ทางทน ในแต่ละเรื่อง แต่ละกรณี ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้นั่นเอง ใครอึดกว่า ทนกว่า หรือใครแสดงออกถึงความมี ขันติธรรม มากกว่า ก็น่าจะได้ผลลัพธ์ หรือผลตอบแทน ไปตามคุณค่า ราคา ของธรรมะข้อนี้อย่างมิอาจผันแปรไปเป็นอื่น ใครอึดน้อย ทนน้อย อดไม่ได้ที่จะต้องสาดมือ สาดตีน สาดสากกะเบือบินเข้าใส่ฝ่ายตรงข้าม โดยไม่ได้มีน้ำหนักของความเป็นเหตุเป็นผลใดๆ รองรับเอาไว้เลย หรืออย่างเท่าที่ควรจะเป็น สุดท้าย...โอกาสที่จะเหี่ยวปลาย กล้วยฝ่อ จำปีไม่ระเบิด ฯลฯ หันมาทะเลาะกันเอง ขัดแย้งกันเอง ทวงถามหาเงินบริจาค ฯลฯ กันไปเป็นรายๆ ก็น่าจะเริ่มปรากฏให้เห็นกันมั่งแล้ว...

                      --------------------------------------------------

            โอกาสที่จะไปถึงขั้นไทยสปริงส์ อาหรับสปริงส์ อะไรต่อมิอะไร...น่าจะต้องรอไปจนกว่าน้ำจะ ท่วมหลังเป็ด นั่นแหละ ถึงอาจพอเป็นไปได้มั่ง เพราะโดยเงื่อนไข เหตุปัจจัย ความเป็นไปของ สังคมไทย หรือ ความเป็นไทย ที่คงไม่ได้ต่างอะไรไปจาก ความเป็นลาว หรือ ความเป็นจีน ดังที่เคยกล่าวๆ เอาไว้แล้วนั่นแหละ มันคงไม่มีอะไรที่จะเด้งดึ๋งๆ ได้แบบสปริง หรือแบบขดลวดที่ถูกกด ถูกบีบ อย่างสังคมพวกแขก หรือพวกฝรั่งทั้งหลาย แม้จะมีผู้ที่ตกเป็น เหยื่อเทคโนโลยี หรือ เหยื่ออินเทอร์เน็ต อยู่เยอะแยะมากมาย แต่โดยวัฒนธรรม ประเพณี ค่านิยมต่างๆ ที่ถูกทอบูรณาการมานับเป็นร้อยๆ พันๆ ปี มันยังพอช่วยอะไรได้ไม่น้อย ชนิดอาจถือเป็น เครือข่ายป้องกันทางสังคม ชนิดหนึ่ง เอาเลยก็ว่าได้...

                        ------------------------------------------------------

            และภายใต้ แรงเสียดสี ระหว่าง ความเป็นเด็ก กับ ความเป็นผู้ใหญ่ ในคราวนี้ เผลอๆ...อาจช่วยให้เกิดผลในทางบวก หรือในทางสร้างสรรค์ เพิ่มขึ้นมาในอนาคตเบื้องหน้าเอาเลยก็ไม่แน่ เพราะการแสดงออกถึงความอดทน อดกลั้น ความมีเหตุมีผล รวมทั้งความมีสติและปัญญา ของบรรดาผู้ที่เป็น ผู้หลัก-ผู้ใหญ่ ทั้งหลาย อย่างน้อย...ก็พอช่วยให้พวกเด็กๆ จำนวนไม่น้อย อาจ หายโง่ หรือ หายบ้า ขึ้นมาได้มั่งไม่มากก็น้อย และนั่นเอง...ที่อาจทำให้สิ่งที่ถือเป็นตัวค้ำจุน โครงสร้างสังคมไทย มาโดยตลอด สามารถดำรง คงอยู่ ได้อย่างมั่นคง แข็งแรง ยั่งยืนและถาวร ไปอีกตราบนานเท่านาน...

                         -------------------------------------------------------

            ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้จาก Shakespeare’s Othello”... What can’t be cured must be endured. - สิ่งใดที่แก้ไขไม่ได้ ต้องอดทนต่อสิ่งนั้น...”.

          ----------------------------------------------------------

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"