ศาลตอกย้ำแม้ว พูดกระทบมั่นคง


เพิ่มเพื่อน    

    ศาลปกครองสูงสุดยกฟ้องคดี “ทักษิณ” ฟ้องอธิบดีกงสุลยกเลิกหนังสือเดินทาง ชี้คำสั่งชอบด้วยกฎหมาย พร้อมยันถ้อยคำสัมภาษณ์ของอดีตนายกฯ ผู้นี้กระทบต่อความมั่นคงของชาติ ขณะที่ "จาตุรนต์" เฮลั่น ศาลสั่งเพิกถอนคำสั่งยกเลิกพาสปอร์ต เจ้าตัวขอเวลาตัดสินใจจะฟ้องกลับหรือไม่
    เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ในคดีหมายเลขดำที่ 2115/2558 คดีหมายเลขแดงที่ 1930/2559 ที่นายทักษิณ ชินวัตร ฟ้องอธิบดีกรมการกงสุล และพวกรวม 2 คน กรณีกรมการกงสุลยกเลิกหนังสือเดินทางของนายทักษิณ 2 ฉบับ โดยก่อนหน้านี้ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษายกฟ้องในคดีดังกล่าวแล้ว แต่นายทักษิณได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด ว่าระเบียบกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง พ.ศ.2548 ไม่ใช่กฎหมายเฉพาะให้อำนาจรัฐจำกัดสิทธิเสรีภาพได้ การที่ระเบียบดังกล่าวให้อำนาจอธิบดีกรมการกงสุลไม่ออกหรือยกเลิกหนังสือเดินทางของบุคคลสัญชาติไทย จึงขัดต่อรัฐธรรมนูญ ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนและกติการะหว่างประเทศ และการยกเลิกหนังสือเดินทางโดยอาศัยข้อเท็จจริงจากความเห็นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)  ทั้งที่ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาและออกหมายจับ จึงถือว่าเกินกว่ากรณีแห่งความจำเป็น 
    คำร้องของนายทักษิณอ้างว่า การที่ สตช.กล่าวหาว่าตนกระทำผิดกฎหมาย ทั้งที่ยังไม่มีการสอบสวนหรือแจ้งข้อกล่าวหา เป็นการกระทำที่รวบรัดขั้นตอนทางกฎหมาย นอกจากนั้นยังเห็นว่าการที่ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาที่เป็นการวินิจฉัยว่ากระทำผิดกฎหมายอาญานั้น เห็นว่าศาลปกครองไม่มีอำนาจวินิจฉัยดังกล่าว
    ศาลปกครองสูงสุดเห็นว่าคำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทางของกรมการกงสุลชอบด้วยกฎหมาย เพราะการให้สัมภาษณ์ของนายทักษิณกับสื่อมวลชนของประเทศเกาหลี ซึ่งมีเนื้อหาพาดพิงองคมนตรี ถ้อยคำดังกล่าวจึงเป็นปรปักษ์กับการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และก่อให้เกิดความเสียหายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นการกระทบต่อชื่อเสียงและเกียรติภูมิของประเทศตามระเบียบกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง 
    ส่วนกรณีที่นายทักษิณอุทธรณ์ว่าเป็นการเลือกปฏิบัติและไม่เป็นธรรมนั้น ศาลเห็นว่าการที่จะอ้างว่าเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่เป็นธรรมนั้น หากนายทักษิณเป็นผู้กระทำความผิดเอง ก็ไม่สามารถอ้างว่าหน่วยงานผู้ใช้อำนาจเลือกปฏิบัติได้ ดังนั้นจึงถือว่าคำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทางนั้นชอบด้วยกฎหมาย ศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองกลางที่มีคำพิพากษายกฟ้อง
    นายวัฒนา เตียงกูล ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากนายทักษิณ กล่าวภายหลังการอ่านคำพิพากษาว่า วันนี้ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายกฟ้องในคดีดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่าข้ออุทธรณ์ในคดีรับฟังไม่ขึ้น ดังนั้นเรื่องนี้คงต้องยุติ ทำอะไรไม่ได้ เพราะคดีถึงที่สุดแล้ว หลังจากนี้จะประสานไปยังนายทักษิณเพื่อแจ้งคำพิพากษาของศาลให้รับทราบต่อไป
    ด้านนายทักษิณ ได้ทวีตข้อความว่า "วันนี้ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษายกฟ้อง คดีที่ผมฟ้องกระทรวงต่างประเทศที่ยกเลิกหนังสือเดินทางผมโดยมิชอบ ซึ่งก็ไม่ได้เกินความคาดหมาย 
    การที่ผมฟ้องไม่ใช่เพราะผมเดือดร้อนอะไร ที่ไม่ได้ใช้หนังสือเดินทางของไทย แต่ผมเพียงต้องการอยากเห็นกระบวนการยุติธรรมของไทยได้มีโอกาสปรับตัวจากการถูกปรามาสว่าถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองจนไม่เป็นที่พึ่งของสังคม เพราะได้ดำเนินการไปโดยขัดหลักนิติธรรมสากล และเลือกปฏิบัติต่อคนเฉพาะกลุ่มเฉพาะฝ่ายมาโดยตลอด"
    วันเดียวกัน ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ในคดีหมายเลขดำที่ 57/2559 คดีหมายเลขแดงที่ 591/2560 ที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง ฟ้องกระทรวงการต่างประเทศ, กรมการกงสุล, รมว.ต่างประเทศ, ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ, อธิบดีกรมการกงสุล, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) รวม 7 ราย กรณีกรมการกงสุลมีคำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทางทั้ง 3 ฉบับของนายจาตุรนต์นั้น โดยก่อนหน้านี้ ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าวของกรมการกงสุล เนื่องจากเห็นว่านายจาตุรนต์เคยได้รับอนุญาตจากหัวหน้า คสช. และศาลทหารกรุงเทพ ให้เดินทางออกนอกประเทศหลายครั้ง จึงไม่ใช่ผู้ที่ศาลหรือพนักงานฝ่ายปกครองเห็นว่าไม่ควรออกหนังสือเดินทางให้
    นายจาตุรนต์กล่าวภายหลังการอ่านคำพิพากษาว่า การพิจารณาคดีครั้งนี้น่าจะเป็นผลทำให้หน่วยงานของรัฐและฝ่ายรัฐบาล จะต้องให้ความสนใจกับการที่จะต้องไม่ใช้อำนาจโดยไม่ชอบ เพื่อประโยชน์ในทางที่จะปิดกั้นสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นที่เห็นว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อรัฐบาล เรื่องนี้ต้นเหตุสำคัญที่นำมายกเลิกหนังสือเดินทางจริงๆ ไม่ใช่เรื่องที่กลัวว่าตนจะหลบหนีไปต่างประเทศ แต่เท่าที่ดูถึงเอกสารที่ตนได้รับในช่วงที่มีการไต่สวนและชี้แจงกันไปมานั้น ทำให้เห็นว่าต้นเหตุคือ รัฐบาลไม่พอใจที่ตนวิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญ จึงได้มีการนำไปสู่การดำเนินการต่างๆ ซึ่งไม่ได้มีข้อเท็จจริงรองรับ เป็นการดำเนินการทุกอย่างจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย 
    ส่วนการอ้างถึงสถานการณ์พิเศษมันไม่ได้อยู่ในสารบบของกฎหมายว่าด้วยการออกหนังสือเดินทางและยกเลิกหนังสือเดินทาง การอ้างลักษณะนี้ ที่ผ่านมาก็เป็นการอ้างโดย คสช. ซึ่งก็ไม่มีความชอบธรรม อย่างไรก็ตาม ตนดีใจที่จะได้หนังสือเดินทางคืน และจะได้ใช้หนังสือเดินทางที่ยังมีอายุการใช้งานอยู่ในการเดินทางต่อไปได้ แต่อดที่จะรู้สึกขมขื่นใจไม่ได้ที่ต้องไม่มีหนังสือเดินทางมานานเกือบ 3 ปี ที่ไม่มีเหตุผลใดๆ เลย เป็นการถูกกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และไม่เป็นธรรม ส่วนจะฟ้องกลับผู้ที่ยกเลิกหนังสือเดินทางหรือไม่นั้น ตนขอเวลาในการที่จะไปพิจารณาก่อน คาดว่าจะพิจารณาอีกครั้งหลังพ้นการเลือกตั้งไปแล้ว
    นายจาตุรนต์โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กด้วยว่า "ผมรู้สึกดีใจที่ได้หนังสือเดินทางกลับคืนมา แต่ยิ่งกว่านั้น คือการได้สิทธิของความเป็นพลเมืองไทยและสิทธิแห่งความเป็นมนุษย์ที่ไม่ควรต้องสูญเสียไป แม้แต่วินาทีเดียวกลับคืนมา
    การยกเลิกหนังสือเดินทางของผม มีต้นเหตุมาจากการที่ผมวิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญ ส่วนข้ออ้างที่ใช้ในการยกเลิกนั้น ไม่เป็นความจริง และไม่มีความจำเป็นตามที่อ้าง คำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทางของผมจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
    คำพิพากษาครั้งนี้ ได้ยืนยันว่าประชาชนไทยพึงได้รับการคุ้มครองโดยรัฐธรรมนูญ กฎหมายระหว่างประเทศที่ไทยให้การรับรองและกฎหมายของประเทศไทยเอง การที่หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐจะจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน จะกระทำได้ก็ต่อเมื่อเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และจะอ้างสถานการณ์พิเศษหรือเหตุผลื่นใดที่อยู่นอกเหนือกฎหมายไม่ได้"
    นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้ยกเลิกคำสั่งเพิกถอนหนังสือเดินทางของนายจาตุรนต์ว่า คำพิพากษาของศาลปกครองนั้นจะบอกเพียงว่าการออกคำสั่งนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ถ้าไม่ชอบด้วยกฎหมาย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวตามคำพิพากษาของศาล ส่วนผู้เสียหายจะนำคำพิพากษาไปฟ้องเอาผิดผู้ออกคำสั่งได้หรือไม่นั้น ต้องดูว่าการออกคำสั่งกระทำโดยทุจริตหรือไม่ เพราะหากจะเอาผิดทางอาญาต้องมีเจตนาทุจริตมุ่งให้เกิดความเสียหายหรือกลั่นแกล้ง ถ้าพิสูจน์ไม่ได้ว่ากลั่นแกล้งหรือทุจริต ก็ไม่สามารถฟ้องร้องเอาผิดภายหลังได้ หรือถ้าออกคำสั่งโดยสุจริตก็ไม่สามารถเอาผิดทางอาญาได้
    นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีศาลปกครองมีคำสั่งให้คืนหนังสือเดินทาง 3 ฉบับของนายจาตุรนต์ว่า ไม่มีปัญหาอะไร เมื่อศาลมีคำสั่งให้คืนก็ต้องคืน และเดิมกระทรวงการต่างประเทศเคยพิจารณาว่าจะคืนหนังสือเดินทางให้นายจาตุรนต์อยู่แล้ว ก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งออกมา เพราะนายจาตุรนต์เคยเดินทางออกนอกประเทศมาแล้ว โดยช่องทางการขออนุญาตจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ดังนั้นเมื่อศาลมีคำสั่งให้คืน จึงไม่มีปัญหาอะไร กระทรวงการต่างประเทศจะเดินไปตามกระบวนการของศาล และน้อมรับในคำตัดสินของศาลครั้งนี้ ส่วนการเพิกถอนหนังสือเดินทางของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อศาลปกครองตัดสินออกมาว่าเป็นการดำเนินการที่ชอบด้วยกฎหมาย ถือว่ากระบวนการจบแล้ว
    ผู้สื่อข่าวถามว่า นายจาตุรนต์สามารถดำเนินการฟ้องกลับกระทรวงการต่างประเทศในเรื่องดังกล่าวได้หรือไม่ นายดอนกล่าวว่า เรื่องจบแล้วก็จบกัน ขึ้นอยู่กับนายจาตุรนต์จะมีอะไรเพิ่มเติมหรือไม่.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"