เจี๊ยะป้าบ่อสื่อฟัดกันนัว รัฐบาลจับคู่ซดเกาเหลา


เพิ่มเพื่อน    


    พรรคร่วมรัฐบาลจับคู่ซดเกาเหลากันนัวเนีย "สิระ" ไม่เลิก! ย้อน "ชวน" ฟอร์มาลินอาจได้แช่กับคนเตือนก่อนก็ได้ โวลั่น "มีดโกน" จะสู้ขวานผ่าซากไม่ได้ "ราเมศ" ตอก ทำตัวเหมือนนมหมดอายุ ขณะที่ "แรมโบ้" ซด "พนิต" อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ รู้นะมีเป้าหมายแซะ "บิ๊กตู่" เพื่อให้บางคนเป็นนายกฯ แทน 
    เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา กล่าวถึงความคืบหน้าการตั้งคณะกรรมการปรองดองสมานฉันท์ว่า ได้วางแนวทางไว้ 2 ส่วน คือปัญหาเฉพาะหน้า โดยได้คุยกับเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้าแล้ว ซึ่งจะให้ฝ่ายที่ทำงานได้ทำเงียบๆ ส่วนเรื่องกรรมการปรองดอง ก็จะทำระบบมองไปข้างหน้าโดยไม่ใช่ปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งต้องแยกเป็น 2 เรื่อง ดังนั้นเรื่องการตั้งกรรมการต้องรอหลังจากได้คุยกันพอสมควรแล้ว
    เมื่อถามว่า แนวโน้มจะสามารถตั้งได้ภายในเดือนนี้หรือไม่ ประธานรัฐสภาตอบว่า ยังบอกไม่ได้ พร้อมยอมรับว่าคนที่ติดต่อส่วนใหญ่ไม่อยากให้เอ่ยชื่อ เพราะหลายคนกลัวถูกนำไปวิจารณ์
    ด้านนายวุฒิสาร ตันไชย เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวถึงแนวทางการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในทางการเมืองว่า นายชวน มอบหมายให้สถาบันพระปกเกล้าคิดแนวทาง รวมถึงหลักวิชาที่ควรต้องดำเนินการ เมื่อมีคณะกรรมการสมานฉันท์เกิดขึ้น เราต้องมีแนวทางดำเนินการอย่างไร เพราะสถาบันพระปกเกล้าเคยทำงานเรื่องนี้ และมีข้อเสนอเรื่องการปรองดองมาแล้วเมื่อปี 53-54 ถือว่ามีบทเรียนพอสมควร เราก็จะนำเอกสารเหล่านั้นมาทบทวน
    ทั้งนี้ ส่วนตัวคิดว่าปัญหาปัจจุบันอาจมีความแตกต่างทั้งบรรยากาศและสาเหตุของความเห็นเมื่อเทียบกับ 10 ปีที่ผ่านมา แต่สถาบันพระปกเกล้าก็พยายามเตรียมเนื้อหา รวมถึงพูดคุยกับแต่ละฝ่ายว่าลึกๆ ต้องการอะไร โดยเรากำลังรวบรวมความเห็นเหล่านี้อยู่    ส่วนรูปแบบกรรมการสมานฉันท์ มีทั้งองค์ประกอบโครงสร้างและบทบาทหน้าที่ ซึ่งขณะนี้ก็รอความชัดเจนเรื่องโครงสร้างก่อน
    ขณะที่นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีที่นายชวนเตือนให้ระวังจะโดนแช่ฟอร์มาลิน ว่า "ขอชี้แจงว่าที่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรรมการสมานฉันท์และการปรองดอง เป็นความเห็นของประชาชนคนหนึ่งที่รักชาติและเห็นด้วยกับการจะต้องมีกรรมการชุดนี้เพื่อการหาทางออกให้กับประเทศ แต่พอเห็นรายชื่อแล้ว เห็นว่าท่านอาจจะไม่เข้าใจเรื่องการบริหารธุรกิจ ท่านกำลังใช้คนไม่ตรงกับงาน เพราะแต่ละคนที่ท่านประสานนั้น อายุมากเกินที่จะคุยกับผู้ชุมนุมซึ่งเป็นวัยรุ่นรู้เรื่อง กลุ่มชุมนุม เขาชุมนุมเพื่อหาทางเลือกอนาคต เขาไม่ต้องการให้คนที่กล่าวถึงมาเล่าอดีต มันช่วยอะไรได้หรือ จะมีแต่เสียเวลาและงบประมาณซึ่งมาจากภาษีของประชาชน และสุดท้ายผู้ชุมนุมจะระแวงว่ารัฐซื้อเวลา ไม่จริงใจในการแก้ไขปัญหา" 
    “ความคิดของผมซึ่งเป็น ส.ส.คนหนึ่งเหมือนกับท่านชวน เป็นผู้แทนที่มาจากการเลือกตั้งจากประชาชนเหมือนกันทุกอย่าง แต่ทำไมท่านประธานไม่ฟังความคิดเห็นของผม และมาสวนผมอีกมันสมควรหรือไม่ และยังเดินหน้าต่อ และไม่นำเรื่องบรรจุเข้าพิจารณาประชุมสภาผู้แทนราษฎรแสดงความคิดเห็นให้ได้ข้อสรุปมีมติอย่างไรอย่างหนึ่งก่อน แล้วค่อยเดินหน้าต่อ หรือท่านมีอะไรเป็นพิเศษ ต้องเป็นคนตัดสินใจเลือกกรรมการเพียงคนเดียว สภาผู้แทนฯ ไม่มีความหมายอะไรกับท่านแล้วหรือครับ ความคิดเห็นของท่านถูกต้องทุกอย่างหรือครับ” นายสิระระบุ 
    ทั้งนี้ นายสิระยังติดแฮชแท็กระบุว่า ฟอร์มาลินอาจได้แช่กับคนเตือนก่อนผมก็ได้ โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอนนะครับ และมีดโกนจะสู้ขวานผ่าซากไม่ได้ อีกด้วย
ทำตัวเหมือนนมหมดอายุ
    ต่อมา นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงกรณีที่นายสิระ และ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ กล่าวพาดพิงนายชวนว่า ส.ส.สองคนนี้ถือว่าเป็นนักการเมืองที่ทำงานเข้าขากันดีมาก ส่งลูกรับลูกกันตลอด นายชวนออกมาชี้แจงด้วยเหตุด้วยผล จากการที่นายสิระออกมากล่าวให้ร้ายคนอื่น ซึ่งเป็นผู้อาวุโส ถึงขนาดให้เอาคนอื่นไปดองเค็ม บ่งบอกถึงศักยภาพทางความคิดว่ากลวงขนาดไหน ส่วนที่กล่าวหาด้วยวาทกรรมว่าชวนเชื่องช้านั้น ก็คงไม่ใช่ หากแต่เป็นการทำงานด้วยความละเอียด ตัดสินใจอย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย ไม่ล่าช้า แต่มีความแน่นอนและเป็นมืออาชีพ ยึดความซื่อสัตย์สุจริต
    "ถ้าพรรคพลังประชารัฐยังให้คนเหล่านี้ออกมาทำตัวเพี้ยนๆบ้าๆ บอๆ ความสมานฉันท์คงเกิดขึ้นยาก คนอื่นพยายามช่วยแก้ปัญหาบ้านเมือง แต่คนกลุ่มนี้เอาน้ำมันมาราดตลอด แล้วจะเดินหน้ากันอย่างไร เป็นถึง ส.ส. แต่ทำตัวเหมือนนมหมดอายุ" โฆษกปชป.กล่าว
    วันเดียวกันนี้ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวพาดพิง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในงานกล่าวเปิดการอบรมหลักสูตร วปอ.รุ่น 63 ตอนหนึ่งว่า "ถ้าวันหน้ามีคนที่ดีกว่า เก่งกว่า ซื่อสัตย์กว่าผม ให้มารับผิดชอบประเทศต่อไป" โดยนายสุภรณ์กล่าวว่า นายกฯ พูดในข้อเท็จจริง ในวันข้างหน้า เมื่อท่านนายกฯ พ้นจากตำแหน่งไปแล้ว ก็ปรารถนาอยากเห็นบ้านเมืองมีผู้นำที่ซื่อสัตย์สุจริต เป็นคนดี คนเก่งกว่าท่าน นายกฯ พูดถูก และมีเจตนาดีต่อบ้านเมือง ท่านพูดผิดตรงไหน นายกฯ ไม่ไปก้าวล่วงใครเลยสักนิด
    เขาบอกว่า นายพนิตเองต่างหาก ไม่มีมันสมองที่จะแปลคำพูดของนายกฯ ให้ชัดเจนว่ามีความหมายอย่างไร ฟังไม่ได้ศัพท์ จับมากระเดียด การที่นายพนิตเอาไปตีความให้เสียหาย ตนขอชี้แจงดังนี้
    1.นายกฯ ไม่เคยไปพาดพิงใคร หรือผู้นำท่านใดในอดีต ตามที่นายพนิตพูดถึง เช่นท่านอดีตนายกฯ ชวน หลีกภัย หรือท่านอดีตนายกฯ พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ว่าสองท่านมีคุณสมบัติด้อยกว่าตัวนายกฯ เองนั้น นายพนิตไม่ควรนำท่านทั้งสองมากล่าวพาดพิง และทำให้นายกฯ ท่านเสียหาย เพราะนายกฯ พลเอกประยุทธ์ให้ความเคารพนับถือสองท่านเป็นบุคคลที่ควรยกย่องชื่นชมตลอดมา นายพนิตไปตีความเอาสมองส่วนไหนมาคิดเอาคำพูดท่านนายกฯไปเปรียบพาดพิงกับผู้นำทั้งสองท่านได้อย่างไร สมควรหรือไม่พฤติกรรมเยี่ยงนี้
    2.นายกฯ ได้เปิดใจกว้างอย่างชัดเจนในความหมายของคำพูดในวันข้างหน้า ถ้ามีคนที่ดี คนที่เก่ง มีความสามารถมากกว่า มาเป็นผู้นำประเทศ มารับผิดชอบประเทศ เป็นสิ่งที่นายกฯ ปรารถนาดีต่อบ้านเมืองมิใช่หรือ นายพนิตแปลความหมายคำว่า วันข้างหน้า ไม่ออกหรืออย่างไร วันข้างหน้าหมายถึงวันที่พลเอกประยุทธ์ พ้นจากตำแหน่งไปแล้วตามวาระ เพราะท่านนายกฯ มิได้ยึดติดกับตำแหน่ง และผู้นำคนต่อไป ประชาชนก็หวังจะได้คนดีๆ มีความสามารถ หรือเก่งกว่าท่านเป็นสิ่งที่ดีมิใช่หรือ
อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ 
    นายสุภรณ์กล่าวว่า ไม่เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์พูดดูหมิ่นดูแคลนใครให้เสียหายตรงไหน และไม่เคยพาดพิงใครเลยสักนิด เป็นคำพูดที่มิได้ไปสร้างความเสียหายให้กับใคร กลับเป็นคำพูดที่นายกฯ มีเจตนาดีต่อบ้านเมืองอย่างแท้จริง หรือในอนาคตวันข้างหน้า มีใครมาเป็นนายกฯ นายพนิตอยากได้นายกฯ หรือผู้นำประเทศที่โกงกินบ้านเมือง หรือผู้นำที่ไร้ความสามารถมาบริหารประเทศอย่างนั้นใช่ไหม
    "การออกมาใช้นิสัยก้าวร้าวและออกมาใช้สมองแปลคำพูดของนายกฯ แบบไร้วุฒิภาวะเช่นนี้ พรรคประชาธิปัตย์เอามาเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อได้อย่างไร ผมไม่อยากทะเลาะกับคุณพนิตเลยสักนิด เพราะผมมีมารยาทพอ"
    นายสุภรณ์กล่าวว่า ให้เกียรตินายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล แต่อยากฝากไปถึงนายจุรินทร์ด้วยความเคารพว่า เอาคนไร้สมอง ไร้วุฒิภาวะ ตีคำพูดแปลเจตนานายกฯ ไม่ออก และเอามาใส่ความเช่นนี้ ทางพรรคต้องมีการว่ากล่าวตักเตือนบ้าง คนเราถ้ามีการศึกษาดี ความคิดดี มีนิสัยสันดานดี คงไม่ใช้คำพูดใส่ความนายกฯ เช่นนี้ อย่าได้เอาคำพูดนายกฯ ไปตีความให้เสียหาย 
    "อย่าคิดว่าผมรู้ไม่ทันว่าคุณพนิตคิดอะไรอยู่ และมีเป้าหมายอะไรเพื่อให้ใครมาเป็นนายกฯ แทน พล.อ.ประยุทธ์หรือไม่ อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ว่าคุณพนิตเดินเกมการเมืองโจมตีนายกฯ เพื่อรับใช้ใคร ถ้าผมไม่เห็นแก่พรรคร่วม ไม่เห็นแก่ท่านรองจุรินทร์ คนอย่างแรมโบ้ก็จะไม่ไว้หน้าเหมือนกัน จึงเตือนคุณพนิต ระวังปากระวังคำ อย่าออกอาการตีกินออกมาให้คนเห็น อย่าคิดว่าคนอื่นรู้ไม่ทัน คนประเภทนี้ โตจนสุนัขเลียก้นไม่ถึง ยังทำตัวเป็นคนมีปัญหาทางสมองอีก"
    นายสุภรณ์กล่าวอีกด้วยว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์ไม่ควรที่จะเอามาเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรค มีแต่จะทำให้ผู้ใหญ่ในพรรคและผู้บริหารพรรคลำบากใจมากยิ่งในวันข้างหน้า พรรคร่วมรัฐบาลต้องร่วมมือเดินหน้ากันแก้ไขปัญหาบ้านเมืองด้วยกัน อย่าเอาเวลามาเล่นการเมืองทำลายบรรยากาศบ้านเมืองกันเลย
    ส่วนนายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า น่าจะเป็นนายพนิตมากกว่าที่กำลังสำคัญตัวผิด ที่ผ่านมาบ้านเมืองสงบได้ก็เพราะความเด็ดขาดของ พล.อ.ประยุทธ์ กล้าลุยแก้ปัญหาและเด็ดขาดกับปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน  ยึดมั่นในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทั้งนี้ ในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เองก็มีอำนาจในมือ แล้วเคยเด็ดขาดถึงขนาดทำให้บ้านเมืองสงบได้หรือไม่ มีการสลายการชุมนุมจนเป็นคดีความกันใช่หรือไม่ เหล่านี้นายพนิตย่อมรู้อยู่แก่ใจดี อย่าทำเหมือนเส้นผมบังภูเขา ความผิดพลาดตัวเองทำเป็นมองไม่เห็น ที่สำคัญ น่าจะเริ่มที่การรู้จักมารยาทของการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันก่อนจะดีกว่า
อยู่มา 6 ปีเพราะมี 4 ขา
    นายธนกรกล่าวอีกว่า หลายครั้งที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์บางคนมักจะออกมาเหน็บแนม พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล แทนที่จะร่วมมือกันทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน แต่กลับแสดงนิสัยจุกจิก หยุมหยิม อย่างไรก็ตาม ส.ส.ส่วนใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์นั้นดีมาก เข้าใจมารยาททางการเมืองดี มีเพียงไม่กี่คนที่ไม่รู้ว่าผิดหวังอะไรในพรรคหรือไม่ จึงพาลมาลงที่ พล.อ.ประยุทธ์เป็นประจำ ทั้งที่ พล.อ.ประยุทธ์ก็ให้เกียรติพรรคร่วมรัฐบาลมาโดยตลอด ที่สำคัญอย่าออกมาตอบโต้โดยอ้างว่าเป็นสิทธิเสรีภาพในการแสดงความเห็น เพราะการจะแสดงความเห็นนั้น ต้องรู้จักมารยาททางการเมืองด้วย ฝากไปยังนายจุรินทร์ ให้ช่วยตักเตือนลูกพรรคบางคนบ้าง 
    "ยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณพนิตพูด เข้าใจว่ากรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดี แต่กรุงเทพมหานครตอนนี้ พล.อ.ประยุทธ์คือคนดีที่รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน ขอให้นายพนิตเข้าใจด้วย ช่วงนี้ประเทศวุ่นวายพอแล้ว ช่วยกันหาทางออกให้กับประเทศดีกว่า อย่าด่าเพื่อนเพื่อให้คนอื่นมองว่าตัวเองเป็นคนดี เพราะ พล.อ.ประยุทธ์คือทองแท้ไม่กลัวไฟลน" นายธนกรกล่าว
    นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้โพสต์ข้อความโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีผ่านทวิตเตอร์ว่า ยืนอยู่มา 6 ปีได้เพราะมีตั้ง 4 ขาไง  #สุนัขรับใช้ #ประยุทธ์ออกไป"
    นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิก ส.ว. กล่าวถึงการนัดประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณารับหลักการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันที่ 17 พ.ย.นี้ว่า ก่อนที่จะพิจารณารับหลักการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขณะนี้มีความเคลื่อนไหวของ ส.ว. กำลังมีการรวบรวมรายชื่อ ส.ว. โดยมีตนเป็นคนหนึ่งที่ได้ร่วมลงชื่อ เพื่อยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 6 ฉบับที่พรรคร่วมรัฐบาลกับพรรคร่วมฝ่ายค้านเสนอนั้นขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยเฉพาะในญัตติที่เสนอให้แก้ไขมาตรา 256 ที่ยังมีความเห็นต่าง มีข้อสงสัยทางกฎหมายกันอยู่ว่าจะต้องทำประชามติถามประชาชนก่อนที่จะรัฐสภาจะโหวตรับหลักการหรือไม่ 
    เขากล่าวว่า ส.ว.ยังยืนยันว่าเจตนาของมาตรานี้คือให้แก้ไขรายมาตรา แต่เนื้อหาในญัตติที่ทั้งพรรคร่วมรัฐบาลและฝ่ายค้านเสนอ ถือเป็นการแก้ไขให้มีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร. เพื่อนำไปสู่การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่ใช่การแก้ไข ดังนั้นเมื่อยังมีข้อสงสัย การยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดคือทางที่ปลอดภัยที่สุด
    “ยืนยันว่าการยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ ไม่ใช่การยื้อเวลา แต่เป็นไปเพื่อความปลอดภัย ถ้าเดินหน้ารับหลักการ หากขัดรัฐธรรมนูญขึ้นมา พวกเราถือเป็นผู้รับผิดชอบ ต้องพ้นจากตำแหน่ง และยังมีโทษทางอาญาด้วย ดังนั้นก่อนรัฐสภาจะลงมติรับหลักการ ก็ให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้เลยว่าตามญัตติที่เสนอมาทำได้หรือไม่ เป็นการแก้ไขหรือร่างใหม่ทั้งฉบับ แล้วจะต้องทำประชามติช่วงไหนกันแน่ ก่อนรัฐสภารับหลักการ หรือหลังจากผ่านมาวาระไปแล้ว”     
    นายกิตติศักดิ์กล่าวว่า สำหรับการล่ารายชื่อ ส.ว. รวมถึงกำหนดการยื่นศาลรัฐธรรมนูญนั้น เชื่อว่าจะมีความชัดเจนขึ้นในวันที่ 9 พ.ย.นี้ ส่วนจะมีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับที่ประชาชนเข้าชื่อร่วมกับไอลอว์ด้วยหรือไม่นั้น ฝ่ายกฎหมายกำลังพิจารณา หากนายชวนบรรจุญัตตินี้มาพิจารณาด้วย ก็คงจะต้องยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความเพื่อความปลอดภัยเช่นกัน เพราะต้องยอมรับว่าไอลอว์ถือเป็นองค์กรที่ได้รับเงินสนับสนุนเงินจากต่างชาติมาดำเนินการเรื่องนี้ หากพวกเราเดินสุ่มสี่สุ่มห้าไป ก็อาจสุ่มเสี่ยงที่จะทำผิดเสียเองได้
    นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม แกนนำกลุ่มไทยภักดี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom โดยมีรายละเอียดดังนี้ หลังจากที่มีการเปิดเผยว่า ไอลอว์เป็น NGO รับเงินต่างชาติ แต่มาเป็นโต้โผล้มล้างรัฐธรรมนูญไทย เพื่อร่างใหม่ทั้งฉบับ
    ทางไอลอว์ได้ออกมาชี้แจงเรื่องแหล่งที่มาของทุน มีประเด็นที่น่าสนใจคือ "หลักการทำงานกับแหล่งทุน คือ เราจะพิจารณาแหล่งทุนที่มีวัตถุประสงค์สอดคล้องกันกับเป้าหมายขององค์กร ไม่ได้จำกัดว่าต้องมาจากประเทศใด"
    แต่พบว่าแหล่งทุนแหล่งหนึ่งที่น่าสนใจคือ Heinrich Boll Stiftung (HBF) ที่ให้เงิน ilaw ก็เป็นมูลนิธิของพรรคกรีนที่เดินเกมในรัฐสภาของประเทศเยอรมนี และมีการอภิปรายพาดพิงในฐานข้อมูลที่ผิดๆ เกี่ยวกับประเทศไทย
    แสดงว่าการที่ไอลอว์แจงว่า หลักการทำงานกับแหล่งทุน พิจารณาที่วัตถุประสงค์สอดคล้องกัน ก็เท่ากับว่าไอลอว์กำลังสมคบกับต่างชาติ กระทำในสิ่งไม่ดีกับประเทศไทยใช่หรือไม่???
    เราจะปล่อยให้ NGO ที่รับเงินต่างชาติ ชักศึกเข้าบ้าน อีกนานแค่ไหน น่าจะถึงเวลาห้าม NGO ที่เคลื่อนไหวในประเทศไทยรับเงินต่างชาติได้แล้ว??? #ถึงเวลาห้าม NGO รับเงินต่างชาติ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"