'จตุพร' ตอกย้ำ 'บิ๊กตู่' ไม่รอด แนะไขก๊อกก่อนถึงวันประหาร!


เพิ่มเพื่อน    

8 พ.ย.63 - นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประขาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการลมหายใจพีซทีวี เวทีทัศน์ ว่า สถานการณ์ของประเทศไทยเริ่มเดินไปถึงทางตัน พร้อมหวังว่าการแตกต่างทางความคิดเห็น ไม่ควรจบลงด้วยการฆ่ากันอีก

นายจตุพร กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการรอคนที่เก่งและซื่อสัตย์กว่าตัวเองมารับหน้าที่นายกฯ ต่อ แต่ไม่รู้ว่าหาเจอหรือยัง แต่ขณะนี้สถานการณ์การเมืองกำลังเดินไปสู่ปลายทาง เนื่องจากกลุ่มราษฎรชุมนุมวันที่ 8 พ.ย. อาจลุกลามต่อเนื่องไปถึง 2 ธ.ค. ซึ่งศาล รธน.จะวินิจฉัยปมการพักอยู่บ้านหลวงหลังเกษียณนานกว่า 6 ปี ทั้งนี้มีกรณีเทียบเคียงได้กับนายสมัคร สุนทรเวช ถูกศาล รธน.ตัดสินให้พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จากกรณีจัดรายการทำอาหาร ชิมไปบ่นไป ซึ่งจัดเป็นการแพ้ทางการเมืองครั้งแรกของเขาจากคำวินิจฉัยของศาล

อีกอย่าง ยังมีกรณี นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ เช่นกัน แต่เป็นกรณีศาล รธน.วินิจฉัยให้ยุบพรรคพลังประชาชน พร้อมกับพรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาเมื่อ 2 ธ.ค. 2551 สิ่งน่าสนใจคือ ศาลอ่านคำวินิจฉัยยุบพรรคพลังประชาชนก่อนสองพรรคดังกล่าว ดังนั้น ถูกตีความทางการเมืองว่า ราวกับเป็นการชิงเหลี่ยมไม่ให้นายสมชาย ใช้อำนาจนายกฯ สั่งยุบสภา เพื่อเลี่ยงหนีคำวินิจฉัยของศาล

อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะถูกศาลวินิจฉัยวันที่ 2 ธ.ค.นี้ ตนจึงเชื่อในสิ่งตรงข้ามนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เชื่อที่ไม่ชี้นำศาล สำหรับตนแล้ว เลือกเชื่อว่าไม่รอด เนื่องจากเห็นว่า ทุกอย่างขึ้นกับสถานการณ์ทางการเมือง โดยการชุมนุมวันนี้ 8 พ.ย. เป็นวันคณะทหารจากการนำของจอมพลผิน ชุณหะวัณ เข้ายึดอำนาจเมื่อปี 2490 ดังนั้น ตนจึงเชื่อว่า 2 ธ.ค.จะไม่เหมือนเดิม ต้องมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทางใดทางหนึ่ง

นายจตุพร ย้ำว่า คำพูดที่ว่า ตัวเองเก่งและซื่อสัตย์นั้น ต้องออกจากปากคนอื่น ไม่น่าออกจากปากตัวเอง ซึ่งจะทำให้คนหมั่นไส้ อีกอย่างสองคำนี้ต้องได้รับการพิสูจน์อย่างเข้มข้น แล้วยังนำมาพ่วงด้วยการเป็นนายกฯอีกด้วย แต่วันนี้ในซีกรัฐบาลเหมือนมีอะไรกดทับ ถ้าไม่มีนายกฯ ก็หาคนมาแทนได้ เพราะประเทศไม่มีวันที่จะขาดคนเป็นนายกฯ

"ผมไม่ต้องการอธิบายให้เกิดความไม่สบายใจ เพราะอธิบายมาอย่างถี่ถ้วนแล้ว แต่สถานการณ์การเมืองกำลังเดินไปสู่ทางตัน ซึ่งผมติดตามทุกมิติ รวมทั้งภัยที่เลวร้ายมากที่สุดคือ เผด็จการทางเศรษฐกิจที่ทุนกับอำนาจกลายเป็นสิ่งเดียวกัน แล้วผูกขาดเอาผลประโยชน์ประเทศไว้เบ็ดเสร็จ"

โดยนับแต่ประเทศเกิดการปลี่ยนแปลงเมื่อปี 2475 ตลอดเวลาจนถึงปัจจุบันมีเพียงกลุ่มทุนไม่กี่ตระกูลผูกขาดผลประโยขน์ไว้เฉพาะกลุ่ม แล้วกลุ่มทุนพวกนี้ยังไปร่วมมือกับกลุ่มอำนาจที่มาเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ ดังนั้น กลุ่มคนพวกนี้จึงยืนข้างรัฐบาลมาตลอดและผูกขาดผลประโยชน์ยาวต่อเนื่อง

"มีคนสรุปไว้ว่า อำนาจสร้างคนและคนสร้างอำนาจไม่เคยเปลี่ยนเลย แม้ รธน.จะเป็นอย่างไร แต่ทุนกับอำนาจก็ไม่เกี่ยว แปลความว่า ทุนไม่มีวันตาย คือได้ประโยชน์ทั้งฝ่ายเผด็จการมีอำนาจ หรือประชาธิปไตยมีอำนาจก็ตาม เนื่องจากทุนยึดเอาผลประโยชน์เป็นที่ตั้ง"

นายจตุพร กล่าวว่า ปัญหาประเทศไทยไม่มีวันแก้ไขได้เลย ซึ่งเกี่ยวของกับปัจจัยภายนอก โดยสหรัฐเปลี่ยนประธานาธิบดีคนใหม่ ซึ่งต้องพิสูจน์กับการกล่าวหาถึงการตั้งฐานขีปนาวุธนิวเคลียร์ในไทย อันนำพาให้คนไทยต้องเดือดร้อน เมื่อเกิดสงครามขึ้นมา ประเทศไทยและคนไทยย่อมได้รับความสุ่มเสี่ยงอย่างสูง ซึ่งสหรัฐควรชี้แจงการกล่าวหานี้

"ถ้าเป็นไปตามความเชื่อผม ว่าวันที่ 2 ธ.ค.เป็นวันประหาร ถ้าเชื่อควรต้องลุกออกไปก่อน อย่างไรก็ตาม การชุมนุมวันนี้ วันที่ 8 พ.ย. เป็นการใช้สิทธิ์เสรีภาพ ดังนั้น ต้องไม่จบลงด้วยการฆ่ากันอีกรอบหนึ่ง ด้วยความคิดเห็นที่แตกต่างกัน" 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"