สิ่งที่ท้าทายต่อ“ความเป็นไทย”


เพิ่มเพื่อน    

 

          การหาทางทำให้ผู้คน ขาดสติ หรือ ไร้สติ ขี้โกรธ ขี้เกลียด ขี้ด่า ขี้ว่า ขยันในการบูลลง บูลลี่ ใครต่อใครจนอาจกลายเป็น วาสนา หรือ สันดาน ไปเลยนั้น ว่าไปแล้ว...คงไม่ใช่เรื่องลำบาก ยากเย็น ซักเท่าไหร่ สำหรับโลกยุคนี้ หรือโลกยุคใหม่ ที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องไม้ ชนิดเพียบไปหมด โดยเฉพาะบรรดาเทคโนโลยีประเภท ดิจิตอล ทั้งหลาย ที่ได้กลายเป็นตัวเพิ่มประสิทธิภาพในการ ทำชั่ว ให้สามารถชั่วได้ยิ่งกว่าเดิม หนักกว่าเดิม ได้นับเป็นสิบเท่า ร้อยเท่า...

                           -------------------------------------------------

            ดังนั้น...จึงไม่ถึงกับถือเป็นเรื่องแปลก ที่บรรดา ความแตกต่าง ในสังคมแต่ละสังคม โดยเฉพาะสังคมประชาธิปไตยอันเต็มไปด้วย เสรีภาพ ตามแบบฉบับทุนนิยมด้วยแล้ว นอกจากไม่มีโอกาสที่จะ เสมอภาค อันเนื่องมาจากความรวย-ความจนที่มิมีวันเท่าเทียมกันและกันได้โดยเด็ดขาด แถมยังมักส่งผลให้ ภราดรภาพ หรือสายใยความผูกพัน ความรัก ความปรารถนาดี ระหว่างผู้คนเท่าที่เคยมีมา เกิดอาการ ขาดผึง เอาง่ายๆ และนั่นเองที่บรรดาความแตกต่างทั้งหลาย เลยต้องกลายสภาพ ต้องยกระดับและวิวัฒนาการไปสู่ ความแตกแยก ชนิดแทบมิอาจประสาน ไม่อาจปรองดอง หรือสมานฉันท์ใดๆ ได้เลย มีแต่ต้อง ควักปืนออกมายิงกัน เหมือนอย่างสังคมประชาธิปไตยแบบฉบับอเมริกันทุกวันนี้ ที่ชักโน้มเอียงไปในแนวนี้ยิ่งเข้าไปเรื่อยๆ...

                           -------------------------------------------------

            ด้วยเหตุนี้...การหาทางทำให้ผู้คนหวนกลับไป ตั้งสติ หรือ เกิดสติ อันจะนำไปสู่ ปัญญา ในการใคร่ครวญ พิจารณา ถึงคุณประโยชน์แห่งการไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน ของบรรดาปวงสรรพสัตว์ หรือบรรดา เพื่อนผู้ร่วมวัฏสังสาร ด้วยกันทั้งสิ้น อันเป็นอะไรที่โดยปกติธรรมดา โดยเดิมๆ ก็ออกจะ ยากซ์ซ์ซ์ฉิบหาย อยู่แล้ว จึงหนีไม่พ้นยิ่งต้องเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า ต้องหนักหนา สาหัส ยิ่งขึ้นไปใหญ่ คือแม้จะมีแค่โลกแบบธรรมดาๆ หรือ โลกแห่งความเป็นจริง อยู่เพียงแค่โลกเดียวเท่านั้นเอง การสร้างสรรค์บรรดาความรัก ความเมตตา ปรานี การคิดดี-ทำดี ทำเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น ก็เป็นอะไรที่สุดจะลำบาก ยากเย็น อยู่พอสมควรแล้ว...

                             ------------------------------------------------

            แต่ครั้นเมื่อโลก...มันค่อยๆ กลายไปเป็นสองโลก หรือเกิด โลกเสมือนจริง เพิ่มขึ้นมาอีกใบหนึ่ง โลกหนึ่ง แถมนับวันยิ่งออกจะเป็นอะไรที่มีบทบาท อิทธิพล มากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เผลอๆ...ในบางช่วง บางระยะ อาจมากซะยิ่งกว่า โลกแห่งความเป็นจริง เอาเลยด้วยซ้ำ อันนี้นี่แหละ...มันเลยทำให้อะไรต่อมิอะไรออกอาการเละเป็นขี้ เละเป็นโจ๊ก หนักยิ่งเข้าไปทุกที อันเนื่องมาจากการอาศัยอุปกรณ์ เครื่องมือและเทคโนโลยี ในการทำให้ผู้คนขาดสติ ไร้สติ เกิดอารมณ์โกรธ อารมณ์เกลียด เคียดแค้น อาฆาต พยาบาท ริษยาและชิงชัง ออกจะเป็นอะไรที่ ง่าย เอามากๆ อาจแทบไม่ต้องลงทุน ลงแรง อะไรมาก อาศัยการปั่นโน่น ปั่นนี่ การ อวตาร ในแต่ละรูป แต่ละแบบ แวบเดียวเท่านั้น...ก็สามารถทำให้ภราดรภาพ มิตรภาพ สายใยแห่งความผูกพันของมวลมนุษย์ในแต่ละสังคม แต่ละวัฒนธรรม หรือแม้แต่ภายในสายเลือด แห่งความเป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นพี่ๆ น้องๆ อาจถึงขั้นพังพินาศ พังระเนนระนาด เอาง่ายๆ...

                ------------------------------------------------

            ด้วยเหตุเพราะมันสามารถ ย่อยแยก-แตกกระจาย แต่ละสิ่ง แต่ละอย่าง ให้แหลกละเอียดไปเป็นชิ้นๆ ได้ไม่ยาก สามารถชำแรก แทรกซึม ลงไปถึงจิตสำนึก และจิตไร้สำนึกของผู้คน จนก่อให้เกิด รสนิยม ขึ้นมาในหลายรูป หลายแบบ สามารถปลุกกระตุ้นความโกรธ เกลียด เคียดแค้น อาฆาต พยาบาท ริษยาและชิงชัง โดยไม่จำเป็นต้อง รับผิดชอบ ต่อผลที่ตามมาเอาเลยแม้แต่นิด อันเนื่องมาจากเขตแดน พรมแดนใดๆ ภายในโลกใบนี้ มันไม่ได้มีอยู่จริง ดังนั้น...ไม่เพียงแต่ กฎหมาย ไม่สามารถทำอะไรได้ กระทั่งกฎ ระเบียบ ค่านิยมทางสังคม วัฒนธรรม ประเพณี ล้วนแล้วแต่ต้อง หมดสภาพบังคับใช้ ไปด้วยกันทั้งสิ้น เหลืออยู่เพียงแค่ กฎแห่งกรรม เท่านั้นเอง ที่อาจต้องรอดูกันไป ไม่ว่าชาตินี้ หรือชาติไหนๆ...

                     ----------------------------------------------------

            การที่โลกมันต้องเป็นไปในแนวนี้นี่เอง...เลยทำให้บางครั้ง บางครา สิ่งที่เรียกว่า ประชาธิปไตย โดยเฉพาะที่ถูกขับเคลื่อนด้วยทุนนิยม วัตถุนิยม และบริโภคนิยมด้วยแล้ว ยิ่งเป็นอะไรที่ออกจะ อันตราย มิใช่น้อย เพราะไม่เพียงแต่มันไม่ได้ช่วยให้เกิด เสรีภาพที่เป็นจริง เกิดความ เสมอภาคที่แท้จริง ได้เลยแม้แต่น้อย แต่ยังกลับกลายเป็นตัวการสำคัญ ในการโค่นล้ม ทำลาย ความเป็น ภราดรภาพ ทั้งหลายในสังคม ให้เกิดการแตกแยก แตกกระจัดกระจาย ออกไปเป็นชิ้นๆ กลายเป็นตัวกระตุ้นความโกรธ เกลียด เคียดแค้น อาฆาต พยาบาท ริษยาและชิงชัง เกิดอาการขาดสติ ไร้สติ อย่างเห็นได้ชัดเจนในแต่ละสังคม...

                           --------------------------------------------------

            และบรรดาสิ่งเหล่านี้นี่เอง...ที่มันกำลังกลายเป็นตัว ท้าทาย สิ่งที่ถือเป็นลักษณะพิเศษ หรือลักษณะเฉพาะของสังคมไทย หรืออย่างที่บรรดาเราๆ-ทั่นๆ ทั้งหลาย มักเรียกขานกันในนาม ความเป็นไทย นั่นเอง โดยเฉพาะคุณลักษณะใน ด้านบวก ไม่ว่าจะเป็นความรัก ความเมตตา ปรานี ความปรารถนาดีต่อผู้อื่น รวมทั้งความอดทน อดกลั้น หรือ ขันติธรรม อันเป็นพื้นฐานสำคัญของ สามัคคีธรรม ทั้งหลาย ความพยายามฝ่าข้ามอุปสรรคและปัญหาเหล่านี้ จึงไม่เพียงแต่ต้องอาศัยพลังกาย พลังใจ แบบสุดๆ แล้ว ยังต้องอาศัย ศิลปะ และ ความสามารถ ในระดับ เข้าถึง และ เข้าใจ อย่างจริงๆ จังๆ นั่นแล...

                             -------------------------------------------------

            ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้จาก “ล้นเกล้าฯ ในหลวงรัชกาลที่ 9”... “การทำความดีนั้น โดยมากเป็นการเดินทวนกระแสความพอใจและความต้องการของมนุษย์ จึงทำได้ยาก และเห็นผลช้า แต่ก็จำเป็นต้องทำ เพราะหาไม่แล้ว ความชั่วซึ่งทำได้ง่ายกว่าจะเข้ามาแทนที่ แล้วจะพอกพูนขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันได้รู้สึกตัว...”.

             --------------------------------------------------

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"