12 พ.ย.63-  นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ดิฉันขอหารือไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

เรื่อง การละเมิดรัฐธรรมนูญด้วยการใช้อำนาจกัก/หน่วงเหนี่ยวจดหมายจากราษฎรถึงพระมหากษัตริย์

สืบเนื่องจากม็อบคณะราษฎรเมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมาบริเวณหน้าศาลอาญา มีเยาวชนและพี่น้องประชาชนจำนวนมากได้เขียนจดหมายปิดผนึกส่งถึงพระมหากษัตริย์

และได้ร่วมกันหย่อนลงในตู้สีแดง 4 ตู้ที่เขียนว่าตู้ไปรษณีย์

มีความวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมส่งไปยังสำนักพระราชวัง

ต่อมาตู้ใส่จดหมายสีแดงทั้ง 4 ตู้นั้นได้ถูกยกขึ้นรถกระบะสายตรวจสน.ชนะสงครามนำไปเก็บไว้ที่สน.ชนะสงคราม

และจนท.ตำรวจให้ข่าวว่าจะทำการตรวจสอบจดหมายเหล่านั้นเพื่อดำเนินคดี

ดิฉันมีประเด็นที่ติดใจจะสอบถามมายังท่านผบ.ตร.ผ่านท่านประธานสภามีดังนี้

1. การเขียนจดหมายถึงพระมหากษัตริย์จากพสกนิกรของพระองค์ไม่ได้มีกฎหมายใดห้ามไว้ เจ้าหน้าที่ตร.ใช้อำนาจพิเศษอะไรกระทำเช่นนั้นได้

2. จนท.ตำรวจได้ทำการละเมิดรัฐธรรมนูญมาตรา 36 วรรค 2 ที่เขียนไว้ว่า "การตรวจ การกัก หรือเปิดเผยข้อมูลที่บุคคลสื่อสารถึงกันจะกระทำมิได้

และ

3. การกระทำเช่นนี้มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 322 ที่กล่าวไว้ว่า

"บุคคลใดเอาจดหมาย หรือเอกสารใด ๆ ซึ่งปิดผนึกของผู้อื่นไปเพื่อล่วงรู้ข้อความก็ดี หรือเพื่อนำข้อความออกเปิดเผยก็ดี มีความผิดมีโทษทั้งจำและปรับ

ท่านประธานคะ ในบรรยากาศที่สังคมไทยของเรามีความเปราะบางที่เกิดจากความขัดแย้งในยุคเผด็จการซ่อนรูปอย่างทุกวันนี้

ประชาชนจำนวนมากนับแสนนับล้านที่เลือกออกมาชุมนุมเรียกร้องสิทธิ เสรีภาพ เรียกร้องปชต. พวกเขาได้ถูกคุกคามจากอำนาจรัฐทุกรูปแบบ

พวกเขามีต้นทุน มีราคาที่ต้องจ่าย ต้องเสียสละทั้งเวลา ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง

รวมทั้งยังมีต้นทุนเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ในครอบครัวอีกด้วย

ขออย่าซ้ำเติมพวกเค้ามากไปกว่านี้ด้วยการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ครองชีพอยู่ได้ด้วยเงินจากภาษีอากรของพวกเขา

การทำงานของตำรวจมีความสำคัญอย่างสูงเพราะถือเป็นต้นธารของกระบวนการยุติธรรม

ดิฉันขอเรียกร้องให้ท่านตรวจสอบการกระทำของผู้ใต้บังคับบัญชา และหาตัวผู้รับผิดชอบในการทำผิดกฎหมายครั้งนี้เพื่อรักษานิติรัฐและผดุงศักดิ์ศรีของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ไม่ให้ตกต่ำมากไปกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันค่ะ

ขอบคุณค่ะ.