ศีลต้องไม่เสมอกัน


เพิ่มเพื่อน    

 

เป็นเวลาหลายเดือนแล้วที่พวกเราได้เห็นความถ่อย เถื่อน ต่ำช้าของคนบางกลุ่มที่ออกมาป่วนประเทศด้วยการอ้างว่าพวกเขาต้องการประชาธิปไตย พวกเขาต้องการเสรีภาพ พวกเขาต้องการหลุดพ้นจากความเป็นทาส เพื่อความเป็นไทย เรียกร้องให้ยุบสภาบ้าง เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกบ้าง เรียกร้องให้มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับบ้าง ตลอดจนเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยที่ข้อเรียกร้องและการกระทำของพวกเขาที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์นั้น วิญญูชนมองว่าเป็นการล้มล้างเสียมากกว่า ไม่ใช่การปฏิรูปอย่างที่พวกเขากล่าวอ้าง ที่ผ่านมาเราได้เห็นสิ่งที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นการกระทำของคนที่ไม่มีศีล

Ø    คำปราศรัยบนเวทีของเขาที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นเป็นการจาบจ้วงล่วงละเมิดองค์พระมหากษัตริย์ แบบที่คนไทยที่จงรักภักดีรู้สึกเจ็บปวดว่าทำไมพวกเขาถึงรังแกพระองค์ท่านได้ขนาดนี้

Ø    ป้ายที่พวกเขาเขียนเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ แล้วยกชูในกลุ่มผู้ชุมนุมก็เต็มไปด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย ก้าวร้าว และเป็นการกล่าวหาที่ห่างไกลจากข้อเท็จจริง

Ø    ข้อความในจดหมายที่พวกเขาเอาไปอ่านหน้าสถานทูตเยอรมนีนั้นเต็มไปด้วยความเท็จ และยังเป็นการพูดอย่างเลื่อนลอยว่า “มีเสียงเล่าลือว่า” ก็รู้ว่าเป็นข่าวลือก็ยังเอามากล่าวหาพระองค์ท่าน

Ø    พวกเขาล้อมขบวนเสด็จของพระราชินี โดยอ้างว่าไม่รู้ว่าจะมีขบวนเสด็จ ทั้งๆ ที่ในคลิปที่ปรากฏนั้นมีแกนนำตะโกนชัดเจนว่ามีขบวนเสด็จมา ให้ปิดล้อมและให้ชูสามนิ้ว โกหกหน้าด้านๆ

Ø    พวกเขานำเอาพระกิริยา พระราชดำรัสของพระองค์ท่านที่ทรงปฏิสันถารกับพสกนิกรมาล้อเลียน แล้วยังมีผู้ใหญ่ในฝั่งของเขาบอกว่าการล้อเลียนพระมหากษัตริย์เป็นเรื่องธรรมดา

Ø    พวกเขาแสดงอาการเหยียดหยามพระมหากษัตริย์ด้วยการเขียนจดหมายถวายพระองค์ท่าน โดยใช้ถังขยะดัดแปลงเป็นตู้ไปรษณีย์ การกระทำเช่นนี้ย่ำยีหัวใจของคนไทยเป็นจำนวนมาก

Ø    ข้อความในจดหมายเต็มไปด้วยการกล่าวหาด้วยข้อความที่เป็นเท็จ และเป็นการจาบจ้วงล่วงละเมิดพระองค์ท่านด้วยความเหิมเกริมที่หลายคนมองว่าล้ำเส้นเกินไปแล้ว

Ø    พวกเขากล่าวหาว่ารัฐบาลบริหารประเทศได้เฮงซวย แต่ก็ไม่มีกรณีที่เป็นรูปธรรม การด่าทอต่อว่านายกรัฐมนตรีก็เต็มไปด้วยข้อความที่หยาบคายเหมือนท่านเป็นหมูเป็นหมา ไม่ใช่คน

Ø    พวกเขาเอ่ยปากไล่นายกรัฐมนตรีให้ลาออก แต่เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีผิดอะไร พวกเขาก็ตอบไม่ได้นอกจากใช้วาทกรรมว่าท่านเป็นเผด็จการ สืบทอดอำนาจ

Ø    พวกเขาด่าคนที่คิดต่างว่าแก่บ้าง เป็นไดโนเสาร์บ้าง เป็นสลิ่มบ้าง ใครคิดต่าง ใครเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็พากันไปด่าเขา รุมด่ากันแบบที่เรียกว่าทัวร์ลง

Ø    พวกเขามีการฉีกพระบรมฉายาลักษณ์ ฝังหมุดคณะราษฎร 2563 บนพื้นที่ของท้องสนามหลวงที่เป็นโบราณสถาน โดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย เมื่อโดนหมายเรียกก็กล่าวหาว่าถูกคุกคาม

Ø    ในการชุมนุมของพวกเขานอกจากจะก้าวร้าวด้วยวาจาแล้ว ยังมีการแสดงออกด้วยความรุนแรง ทั้งสาดสีใส่ตำรวจ พังประตู ขว้างปาป้อมตำรวจ ขว้างปารถตำรวจ ใช้คีมเหล็กฟาดหัวตำรวจ พวกเขาทำรุนแรงแบบนี้ พวกเขาเรียกมันว่าเป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ

Ø    เมื่อพวกเขารุนแรง เขาเรียกว่าเป็นการใช้เสรีภาพ แต่เมื่อพวกเขาถูกหมายเรียก ถูกหมายจับพวกเขาก็จะบอกว่าถูกคุกคามด้วยการใช้นิติสงครามของรัฐบาลที่ใช้คดีปิดปากคนคิดต่าง

ปรากฏการณ์ทั้งหมดนี้ทำให้พวกเราหลายคนทนไม่ได้ และพวกเราก็ไม่เชื่อว่าเด็กๆ ที่เป็นแกนนำนั้นจะทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้เองโดยไม่มีคนชี้นำ และพวกเราก็พอจะรู้ว่าคนที่ชี้นำเป็นใคร เพราะสิ่งที่แกนนำพูดและทำนั้น มันสอดคล้องกับการแสดงความคิดเห็นของคนที่เราเชื่อว่าเป็นผู้ชี้นำ นอกจากนั้นแล้ว พวกเขายังออกมากล่าวชมพวกเด็กๆ ที่ออกมาชุมนุมว่า กล้าหาญ กล้าพูด มีวุฒิภาวะ มีความเป็นอารยะ และหลายครั้งคนพวกนี้ก็จะปรากฏตัวในที่ชุมนุมเพื่อให้สัมภาษณ์แก่นักข่าว และจะกล่าวชื่นชมการกระทำของผู้ชุมนุม และมักจะออกมายืนยันว่าเด็กๆ ที่ออกมาชุมนุมนั้น เป็นการชุมนุมด้วยความสงบ ทั้งๆ ที่ภาพที่ปรากฏในคลิปที่มีคนถ่ายไว้นั้นเป็นภาพของการกระทำที่รุนแรง ตรงกันข้ามกับคำพูดที่ว่าชุมนุมด้วยความสงบ

มาถึงเวลานี้ประชาชนจำนวนมากที่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่อาจจะยอมรับคนกลุ่มนี้ได้อีกต่อไป ดังนั้นไม่ว่าพวกเขาจะไปช่วยคนที่กำลังลงรับเลือกตั้งเป็นนักการเมืองท้องถิ่น ไม่ว่าที่ใด พวกเขาก็จะโดนโห่ไล่ โดนตะโกนด่า รวมทั้งมีภาพที่มีการรุมล้อมรถของพวกเขา จนทำให้มีคนเอาไปพูดได้ว่าเป็นการกระทำที่ป่าเถื่อน ทำให้ต้องออกมาเตือนกันว่าพวกเราที่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่าทำแบบนี้เลย และอย่าอ้างว่าทีพวกเขายังทำเลย ทำไมเราจะทำบ้างไม่ได้ ที่บอกว่าพวกเราไม่ควรทำนั้น เพราะพวกเราศีลเหนือกว่าเขาไงคะ ถ้าหากเขาแรงมา เราก็แรงไป เขาหยาบมา เราก็หยาบไป คนที่เขามองดูอยู่ เขาก็จะมองว่าทั้งสองฝ่ายศีลเสมอกัน เราคงไม่อยากให้ใครมองว่าเราศีลเสมอกับพวกที่ออกมาชุมนุมจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์และขับไล่รัฐบาลนะคะ

เมื่อเราถือธงพระปรมาภิไธย เมื่อเราถือพระบรมฉายาลักษณ์ เมื่อเราถือธงชาติ เราต้องมีพฤติกรรมทั้งกายและวาจาที่สุภาพ เพื่อให้สมศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิของสิ่งที่เราแบก เราถืออยู่ในมือของเรา ถ้าจะให้ดีเอ่ยปากเชื้อเชิญเขามาคุยกันด้วยสุนทรีย์สนทนา แล้วก็ตั้งคำถามกับเขาชัดๆ สิคะว่า สถาบันพระมหากษัตริย์มีปัญหาอะไรที่เขาจึงต้องการปฏิรูป รัฐบาลนี้มีปัญหาอะไรที่เขาจะต้องออกมาไล่ รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีปัญหาอะไรเขาจึงต้องการแก้ และอยากจะแก้มาตราใด แก้แล้วจะเป็นประโยชน์กับประชาชนอย่างไร และถามเขาตรงๆ ว่าเขาเห็นด้วยกับข้อเรียกร้องผู้ที่มาชุมนุมปลดแอกเพราะอะไร ที่เขาบอกว่าจะต้องปลดแอกนั้น อะไรคือแอก และใครเอาแอกมาใส่เขา และที่เขาพูดว่าสู้เป็นไท ถอยเป็นทาสนั้น ตอนนี้ใครเป็นทาสใคร และเป็นทาสอย่างไร และที่เขาออกมาเรียกร้องหาประชาธิปไตยนั้น ตอนนี้ประเทศไทยไม่มีความเป็นประชาธิปไตยตรงไหน เขาอ่านข้อเรียกร้องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้ง 10 ข้อแล้ว เขายังมองว่าข้อเรียกร้องนั้นเป็นเพียงการปฏิรูป ไม่ใช่การล้มล้างจริงหรือ ถามตรงๆ อย่างสุภาพให้เขาตอบชัดๆ ไม่ใช้อารมณ์เกรี้ยวกราดหยาบคาย เพราะเราศีลไม่เสมอกับเขาค่ะ

 

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"