กพช.ลุยนำร่องโรงไฟฟ้าชุมชน 150 เมกฯ คาดเปิดขายซองได้ภายใน ม.ค.


เพิ่มเพื่อน    

17 พ.ย. 2563  นายสุพัฒน์พงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม ว่าที่ประชุมได้เห็นชอบแนวทางการส่งเสริมโรงไฟฟ้าชุมชน ตามมติของคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2563 โดยเห็นชอบโครงการนำร่องโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก มีเป้าหมายนำร่องที่ 150 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นเชื้อเพลิงจากชีวมวล 75 เมกะวัตต์ มวล มีปริมาณไฟฟ้าเสนอขายไม่เกิน 6 เมกะวัตต์ต่อโครงการ  และก๊าซชีวภาพ 75 เมกะวัตต์ ไม่เกิน 3 เมกะวัตต์ต่อโครงการ 

ซึ่งปัจจุบันให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) ดำเนินงานกำหนดเกณฑ์ในการคัดเลือกเอกชนที่จะเข้ามาดำเนินงาน และคาดว่าจะมีกำหนดแล้วเสร็จก่อนออกระเบียบและเงื่อนไขการประมูล ในช่วงเดือนม.ค. 2564 โดยจะใช้เวลาพิจารณาประมาณ 1 เดือนก่อนที่จะมีการประกาศรายชื่อเอกชนที่ชนะการประมูลได้ในช่วงเดือนมี.ค. ซึ่งโครงการดังกล่าวมีกำหนดวันจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ (ซีโอดี) ภายใน 36 เดือน นับถัดจากวันลงนามในสัญญาฯ และจะเปิดรับซื้อไฟฟ้าในรูปแบบค่าไฟฟ้าคงที่ตลอดอายุสัญญา หรือฟีด อิน ทารีฟ (FiT) โดยกำหนดเพดานไว้ที่เชื้อเพลิงชีวมวล 4.2636 บาทต่อหน่วย และก๊าซชีวภาพ ที่เป็นพืชพลังงาน ผสมน้ำเสียหรือของเสีย น้อยกว่าหรือเท่ากับ 25% จะกำหนดอัตราอยู่ที่ 4.8482 บาทต่อหน่วย 

“โครงการดังกล่าวต้องทำให้เร็วที่สุด และต้องมีการแบ่งปันผลประโยชน์ อาทิ การให้หุ้นบุริมสิทธิ 10% ให้กับวิสาหกิจชุมชน หรือเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน ซึ่งเป็นผู้ปลูกพืชพลังงานให้แก่โรงไฟฟ้า การให้ผลประโยชน์อื่น ๆ ให้โรงไฟฟ้าและชุมชนทำความตกลงกัน เพื่อให้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาชุมชนและสวัสดิการสังคม เช่น ด้านการสาธารณสุข ด้านสาธารณูปโภค ด้านการศึกษา เป็นต้น ซึ่งโครงการนี้จะเห็นความชัดเจนก็ตั้งแต่การเปิดประมูลแล้ว ถ้ามีผู้สนใจเยอะ และใช้เวลาประเมินแล้วว่ามีแนวทางที่สนับสนุนชุมชนจริง ๆ ก็อาจจะเปิดรับสมัครโควต้ารอบ 2 ได้ภายใน 1 ปีข้างหน้า”นายสุพัฒน์พงษ์ กล่าว  

ขณะเดียวกันที่ประชุมยังเห็นชอบแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2564 ในวงเงิน 6,500 ล้านบาท ตามมติคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เมื่อวันที่ 30 ต.ค. 2563 และให้คณะกรรมการกองทุนฯ มีอำนาจปรับปรุงแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญฯ และการจัดสรรเงินตามกลุ่มงานต่างๆ ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยแผนอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน กรอบวงเงิน 6,305 ล้านบาท ประกอบด้วย

1.กลุ่มงานตามกฎหมาย จำนวน 200 ล้านบาท 2.กลุ่มงานสนับสนุนนโยบายอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน จำนวน 500 ล้านบาท 3.กลุ่มงานศึกษา ค้นคว้าวิจัย นวัตกรรม และสาธิตต้นแบบ จำนวน 355 ล้านบาท 4.กลุ่มงานสื่อสาร และข้อมูล ข่าวสาร จำนวน 200 ล้านบาท 5.กลุ่มงานพัฒนาบุคลากร จำนวน 450 ล้านบาท 6.กลุ่มงานส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี) อาคาร บ้านอยู่อาศัย ภาคขนส่ง ธุรกิจฟาร์มเกษตรสมัยใหม่ และพื้นที่พิเศษ จำนวน 2,200 ล้านบาท 7. กลุ่มงานส่งเสริมอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนเศรษฐกิจฐานราก จำนวน 2,400 ล้านบาท และแผนบริหารจัดการ ส.กทอ. จำนวน 195 ล้านบาท  


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"