แม้ว่ามหาวิทยาลัยจะทำให้ผู้เข้าไปศึกษาเล่าเรียน ได้รับความรู้และปริญญาบัตรติดตัวกลับมา เพื่อประกอบอาชีพการงาน แต่ถึงกระนั้น ก็มิได้หมายความว่า ความรู้ที่ได้จากสถาบันการศึกษาต่างๆจะเพียงพอ เมื่อลงสู่สนามการทำงาน สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการทำงานนั้นก็คือประสบการณ์ในแง่มุมต่างๆ
ที่กล่าวมาข้างต้น ยังเป็นโจทย์สำคัญชองผู้สำเร็จการศึกษาใหม่ๆ ที่ต้องใช้ความพยายามวิริยะอุตสาหะเพิ่มพูนพัฒนาความสามารถให้กับตนเอง แต่สำหรับผู้บริหารองค์กรแล้ว แม้ว่าจะมีประสบการณ์ในการบริหารองค์กรมาไม่น้อย แต่กลับมีความจำเป็นในการพัฒนาตนเอง ยิ่งกว่าพวกที่เรียนจบใหม่ๆ เนื่องจาก ในการทำธุรกิจก็เหมือนการเข้าสู่สนามรบ ซึ่งจะต้องมีคู่แข่งขันมากหน้าหลายตา ด้วยเหตุนี้ บรรดาผู้นำจากองค์กรต่างๆ จึงจำเป็นต้องมาฝึกอบรม"ศาสตร์ขั้นสูง" เพื่อเพิ่มพูนศักยภาพความสามารถให้กับตนเอง
“SEAC” (เอสอีเอซี หรือ South East Asia Center) เป็นหนึ่งในศูนย์พัฒนาผู้นำและผู้บริหารระดับสูงที่ครบวงจรและใหญ่ที่สุดแห่งแรกในอาเซียน” ด้วยการทุ่มงบดำเนินการกว่า 300 ล้านบาท มีวัตถุประสงค์ขยายขอบเขตวิสัยทัศน์ ในการพัฒนาศักยภาพผู้นำองค์กรและบุคลากรต่างๆ ไม่เพียงแค่ในประเทศไทย แต่ครอบคลุมไปในระดับประชาคมอาเซียน
อริญญา เถลิงศรี กรรมการผู้จัดการSEAC กล่าวว่า หัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรและนำพาความเปลี่ยนแปลงมาพัฒนาองค์กรให้ก้าวสู่ความสำเร็จได้ คือ ผู้นำองค์กรที่มีศักยภาพ มีความเท่าทันสถานการณ์ เห็นเทรนด์ทางธุรกิจ และกล้าที่จะเปลี่ยน ทุกวันนี้โลกธุรกิจพัฒนาไป อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เกิดการเปลี่ยนแปลง ผนวกกับพลวัตทางธุรกิจที่เปลี่ยนไป ล้วนมีผลกระทบกับธรุกิจในทุกอุตสาหกรรม คู่แข่งในยุคปัจจุบันจึง ไม่ได้มาจากผู้ที่อยู่อุตสาหกรรมเดียวกันหรืออยู่ในประเทศเดียวกันอีกต่อไปเท่านั้น แต่คู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดอาจมาจากอุตสาหกรรมอื่น หรือจากต่างประเทศ ที่มองเห็นโอกาสและมีศักยภาพในการช่วงชิงความได้เปรียบทางธุรกิจก่อน การทำธุรกิจในยุคปัจจุบันจึงไม่สามารถที่จะประสบความสำเร็จและอยู่รอดได้อย่างยั่งยืนได้เลย หากยังมุ่งที่จะทำธุรกิจจากฐานลูกค้ากลุ่มเดิม ตลาดเดิม และด้วยวิธีการแบบเดิมๆ ต่อไป
"ทั้งนี้จาก ผลการสำรวจโดยAPM group เมื่อปี 2012 พบว่า ผู้บริหารชาวไทย ยังมีจุดอ่อนอันดับต้นๆในเรื่องของ คุณสมบัติการปรับตัว ขณะพี่ประเทศไทยขับเคลื่อนไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 แต่เราจะยกระดับไม่ได้ถ้าทำแบบเดิมทั้งหมด และองค์กรต่างๆจำเป็นต้องยกระดับด้วย แต่ขณะเดียวกัน โลกยุคปัจจุบันมีความไม่แน่นอนมากยิ่งขึ้นภาคธุรกิจมีความเปลี่ยนแปลงเคลื่อนไหวตลอดเวลา ซึ่งเป็นความเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างไปจากเดิมมาก การแข่งขันมีการข้ามอุตสาหกรรม ไม่มีขอบเขตชัดเจน คู่แข่งที่น่ากลัวอาจมาจากต่างอุตสาหกรรม ที่มองเห็นโอกาส และสามารถปรับตัวได้เร็ว เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบ ดังเช่นปัจจุบันจะเห็นได้ว่ามีสตาร์ทอัพ กำลังก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นรายใหม่ ที่น่าจับตามองในหลายอุตสาหกรรม ดังนั้น ผู้บริหารองค์กรต่างๆ จำเป็นต้องมีคุณสมบัติความพร้อมรับกับความไม่แน่นอนนั้นด้วย ตลอดจนต้องมีความสามารถในการแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างฉับไว และสร้างสรรค์ "อภิญญากล่าว
เมื่อเปรียบเทียบศักยภาพผู้บริหารไทยกับต่างประเทศ ในฐานะองค์กรพัฒนาผู้นำและผู้บริหารระดับสูงชั้นนำ ที่มีประสบการณ์สัมผัสกับผู้บริหารประเทศต่างๆในอาเซียนมาแล้ว อริญญา กล่าวว่า ผู้บริหารธุรกิจในอินโดนีเซียน่าจับตามองมาก คนรุ่นใหม่มีการศึกษาดี จบการศึกษาต่างประเทศ ไม่ยึดติดกรอบเดิมๆ มีอัตราการปรับตัวที่รวดเร็วมาก ซึ่งเป็นเรื่องน่ากลัวสำหรับเมืองไทย ขณะที่ ประเทศพม่านักธุรกิจ ไม่อยากยึดติดกับระบบเดิม และมีความกระหายต้องการความเปลี่ยนแปลงมาก หิวโหยความรู้ ขณะที่เวียดนาม มีนิสัยความใฝ่รู้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่อัตราความเร็วที่จะเปลี่ยนแปลงยังไม่เร็วเท่าอินโดนีเซีย
สำหรับ โปรแกรมการฝึกอบรม ของ SEAC อริญญา กล่าวว่า SEAC มีความแตกต่างอย่างโดดเด่นไปจากศูนย์พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ทั่วไป สิ่งที่เน้นคือ "การทำให้ผู้อบรม สามารถสร้างนวัตกรรมทางความคิด"ขึ้นเองได้ หรือที่เรียกว่า" Design Thinking " โดยได้รับเอกสิทธิ์Exclusive Partnership จากสถาบันการศึกษาและเทรนนิ่งชั้นนำของโลก อาทิ Stanford Center for Professional Development มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด, สถาบันอาร์บิงเจอร์ (The Arbinger Institute), สถาบันเคน บลานชาร์ด (The Ken Blanchard Companies), สถาบันทิเรี่ยน (Tirian) ฯลฯ ซึ่งผู้อบรมจะได้ศึกษาเรียนรู้อย่างใกล้ชิดกับนักคิดทางธุรกิจและผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสถาบันระดับโลก ผ่านโปรแกรมการเรียนการสอนที่ถูกออกแบบเป็นพิเศษให้เหมาะสมและสอดคล้องในแต่ละธุรกิจ
การสร้างแรงกระตุ้นให้เกิดนวัตกรรมทางความคิด SEAC เริ่มตั้งแต่ การออกแบบพื้นที่ของศูนย์ฝึกอบรม ที่มีพื้นที่ขนาด 4,500 ตารางเมตร แนวความคิดที่มาจาก"กระดาษ" เป็นคอนเซ็ปต์ Unfolding Paper หรือการคลี่คลายกระดาษ โดยมีที่มาจากแนวความคิดที่ว่า ในการค้นหาศักยภาพตนเอง หรือคิดค้นหาไอเดีย และนวัตกรรมใหม่ๆ เรามักเริ่มต้นเชียนไอเดียลงในแผ่นกระดาษ จากนั้นจึงเริ่มลงมือทำ แต่ถ้ายังไม่เข้าท่า ก็อาจจะขยำทิ้ง และเริ่มเขียนลงบนกระดาษแผ่นใหม่อีกครั้ง จนในที่สุดเราก็จะค้นพบไอเดียที่ใช้ได้ ไม่ต้องขยำกระดาษทิ้งอีก เสมือนความเชื่อที่ว่า คนที่ลงมือทำแล้วผิดพลาดเท่านั้น ถึงจะพัฒนาความสามารถได้ และความผิดพลาดนั้นทำให้เราได้เรียนรู้ เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ จนเกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ได้ในที่สุด
“เราวางเป้าหมายไว้ว่าภายในปีนี้ SEAC จะสามารถเดินหน้าพัฒนาองค์กรในเมืองไทยและอาเซียนกว่า 500 องค์กร เราเชื่อมั่นว่าผู้นำและบุคลากรในประเทศไทยและอาเซียนมีความสามารถและศักยภาพที่ซ่อนอยู่ แต่อาจจะยังไม่สามารถนำออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งโปรแกรมต่างๆ ของ SEAC จะเป็นตัวช่วยที่ทำให้ผู้นำสามารถดึงศักยภาพในด้านต่างๆ ของตนออกมาบริหารองค์กร และเมื่อองค์กรเกิดความก้าวหน้า เศรษฐกิจจะเกิดการฟื้นตัว ควบคู่ไปกับสังคมและประเทศที่พัฒนา อันเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดของ SEAC โดยแต่ละโปรแกรมของ SEAC มีส่วนช่วยยกระดับขีดความสามารถ และให้แนวทางการเป็นผู้นำที่มีศักยภาพ กล้าที่จะลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตนเองและองค์กรเพื่อที่จะก้าวล้ำนำหน้าคู่แข่งและประสบความสำเร็จท่ามกลางกระแสความเปลี่ยนแปลงของโลก เราหวังที่จะสร้างผู้นำให้เติบโตเพื่อเปลี่ยนเกมส์ธุรกิจ และเป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จของอาเซียนและโลกในอนาคต’ อริญญากล่าว
สำหรับ SEAC ในปี 2561 มีมูลค่าธุรกิจด้านการพัฒนาองค์กรและทรัพยากรมนุษย์ในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 2,200 ล้านบาท โดย SEAC มีส่วนแบ่งตลาดส่วนนี้ 18% และตั้งเป้าที่จะเข้าไปเปิดสาขาในประเทศสิงคโปร์ในอนาคตเร็วๆนี้ และวางเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำพัฒนาผู้นำ ผู้บริหารระดับสูงธุรกิจต่างๆประเทศในกลุ่มอาเซียน
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |