'ม็อบ-ฝ่ายค้าน' ลุ้นศาลถอดสลัก แต่สถานการณ์ ‘บิ๊กตู่’ ยังไม่วิกฤติ


เพิ่มเพื่อน    

 

              หลายฝ่ายจับตาผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ กรณี ‘บิ๊กตู่’ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังพักอาศัยอยู่ในบ้านพักทหารหลังเกษียณอายุราชการแล้ว ถือเป็นการจงใจไม่ทำตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 184 (3) คือการขัดกันของผลประโยชน์ ถือเป็นการรับประโยชน์จากหน่วยงานของรัฐหรือไม่ ในวันพุธที่ 2 ธันวาคมนี้

               เรื่องดังกล่าวสืบเนื่องจากพรรคเพื่อไทยมีการยื่นคำร้องให้ศาลวินิจฉัยผ่านนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (5) และมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 186 วรรคหนึ่ง และมาตรา 184 วรรคหนึ่ง (3) หรือไม่

               ในช่วงไม่กี่สัปดาห์มีข่าวลือออกมาตลอดว่า พล.อ.ประยุทธ์อาจจะหลุดออกจากตำแหน่งเพราะกรณีนี้ เพื่อเป็นการต่อบันไดให้ลงจากตำแหน่งอย่างนุ่มนวล

        และเพื่อให้ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคม โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของกลุ่มราษฎรยุติลง โดยเชื่อว่าประเด็นนี้จะทำให้ม็อบมีช่องให้ถอย เพราะ 2 ใน 3 เงื่อนไขได้รับการตอบสนองแล้วคือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และ พล.อ.ประยุทธ์ลาออก ขณะที่เรื่องการปฏิรูปสถาบัน เป็นสิ่งที่ทะลุเพดาน ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ 

               ใน ‘กลุ่มราษฎร’ เองก็แอบลุ้นว่า วันที่ 2 ธันวาคมนี้ พล.อ.ประยุทธ์จะหลุดออกจากตำแหน่ง จึงนัดชุมนุมใหญ่ในเวลา 14.00 น. วันเดียวกันที่หน้าศาลรัฐธรรมนูญ เพราะม็อบเองก็เริ่มล้าและกรอบเต็มที

               ขณะเดียวกันยังมีการปล่อยข่าวว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ต้องหลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่จะขึ้นมาเป็น ‘นายกฯ ชั่วคราว’ คือ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่กำลังขมีขมันอยู่กับการแต่งตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ 

               ทว่า ความเคลื่อนไหวภายในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กลับนิ่งสงัด แม้จะได้ยินข่าวลือ ข่าวแพร่สะพัดดังกล่าวมาบ้างก็ตาม ผิดวิสัยหากจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จริง

               อย่างน้อยในบรรดาพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย หรือองคาพยพต่างๆ จะต้องมีการขยับ เตรียมตัว แต่กลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

               โดยในวันที่ 2 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันชี้ชะตาอนาคต ‘บิ๊กตู่’ มีกำหนดการเดินทางตรวจราชการที่ จ.สมุทรสงคราม เพื่อเยี่ยมชมกิจกรรมของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนริมคลองโฮมสเตย์ ต.บ้านแรก อ.เมืองสมุทรสงคราม จ.สมุทรสงคราม ชมการทำน้ำตาลมะพร้าวแท้แม่กลอง กิจกรรมท่องเที่ยวเชิงชุมชน กิจกรรมโคกหนองนาโมเดล

               นอกจากนี้ยังจะเยี่ยมชมกลุ่มวิสาหกิจชุมชนอนุรักษ์ฟื้นฟูมะพร้าวครบวงจร ที่ ต.เหมืองใหม่ อ.อัมพวา ชมการแปรรูปกล้วยหักมุก การทำมะพร้าวแปรรูป การทำน้ำมันมะพร้าวอะโวคาโด การทำว่าว ที่เป็นต้นแบบเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเป็นการอนุรักษ์ฟื้นฟูมะพร้าวครบวงจร ก่อนจะเดินทางกลับในเวลา 13.05 น. 

               ขณะที่ไม่กี่วันก่อนหน้านี้มีการพูดถึงการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ หรือ ครม.สัญจร ที่จะมีขึ้นในเดือนมกราคม 2563 ที่ ‘บิ๊กตู่’ เล็งจะเดินทางไปพื้นที่ภาคอีสาน แต่ยังไม่ได้ระบุว่าจะเป็นจังหวัดใด

               ดูเหมือนคนที่มีปฏิกิริยามากกว่าคือ กลุ่มราษฎร และพรรคฝ่ายค้าน ที่ตื่นเต้นกว่าคนที่ถูกศาลวินิจฉัยอย่าง ‘บิ๊กตู่’ และคนที่จะได้รับผลกระทบหาก ‘บิ๊กตู่’ หลุดจากตำแหน่งนายกฯ คือ คณะรัฐมนตรีที่ต้องไปพ้นด้วย

               หากมองว่า คำวินิจฉัยให้ พล.อ.ประยุทธ์หลุดจากตำแหน่งคือ การต่อบันไดให้ลงเพื่อยุติความขัดแย้งและความกดดัน เหตุใดจึงใช้วิธีนี้ ทั้งที่มีวิธีที่นุ่มนวลกว่า เช่น การจงใจให้ร่างกฎหมายที่เสนอโดยรัฐบาลไม่ผ่านสภาฯ จนต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก หรือยุบสภาฯ เป็นต้น 

               ถ้าเหตุผลคือ เป็นเพราะม็อบกดดันหนัก แต่วันนี้หากเพ่งดูสถานการณ์การเคลื่อนไหวของ ‘กลุ่มราษฎร’ ไม่ได้สร้างอิมแพ็กอะไรให้กับรัฐบาลมากมาย 

               ปริมาณผู้ชุมนุมเมื่อเทียบกับช่วงเดือนสิงหาคม กันยายน และตุลาคม มีปริมาณน้อยลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะวันที่เดินทางไปกรมทหารราบที่ 11 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ถนนพหลโยธิน ที่ผู้ชุมนุมบางตาจนเห็นได้ชัด

               กระแสของ ‘ม็อบราษฎร’ ไม่พีกเหมือนกับช่วงแรกๆ รูปแบบการชุมนุมวนลูป ไม่มีอะไรแปลกใหม่ นอกจากการไล่ พล.อ.ประยุทธ์ และปราศรัยเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์

               พฤติกรรมและการแสดงออกบางอย่างของกลุ่มราษฎร เริ่มถูกวิพากษ์วิจารณ์และตำหนิจากคนในสังคมว่า ไม่เหมาะสม และเลยเถิด

               อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบกับการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อปี 2552-2553 กับกลุ่มราษฎรในวันนี้ ถือว่ายังต่างกันลิบลับ 

                วันนี้มันยังอยู่ในวิสัยที่รัฐบาลจะรับมือได้ ดังนั้นมันถึงขั้นที่จำเป็นจะต้องถอดสลักด้วยการให้ พล.อ.ประยุทธ์หลุดจากตำแหน่งโดยด่วนหรือไม่

                และต่อให้ พล.อ.ประยุทธ์หลุดจริง ทุกอย่างจะจบจริงหรือ.  

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"