ส่งท้าย 2563 “อัยการ” ฝ่าวิกฤติศรัทธา ตั้งมาพรึ่บ “โฆษกใหม่” ใจต้องแกร่ง


เพิ่มเพื่อน    

 

        ปี 2563 ที่ผ่านมา องค์กรอัยการเป็นอีกหนึ่งองค์กรที่เผชิญกับวิกฤติศรัทธาจากประชาชนในหลายคดีดัง โดยคดีที่รู้จักกันมากที่สุดคงไม่พ้นกรณี “บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา” ทายาทตระกูลธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดัง ขับรถชนตำรวจเสียชีวิต ต่อมาหลบหนีคดีไปต่างประเทศ แล้วอัยการสั่งไม่ฟ้องคดีจนเป็นเรื่องฉาวโฉ่ระดับมหากาพย์ ส่วนเรื่องที่รองลงมา เช่น กรณีอัยการไม่ยื่นอุทธรณ์คดีฟอกเงินกู้กรุงไทยของ “โอ๊ค-พานทองแท้ ชินวัตร” บุตรชายของทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือกรณีอาบอบนวดวิคตอเรียซีเครท ที่ไม่ได้ฟ้อง 3 บิ๊กตระกูล “วิระเทพสุภรณ์” ต่อศาล

            เมื่อเรื่องเหล่านี้ปรากฏขึ้นในสำนักงานอัยการสูงสุด ยุคที่มี “วงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์” เป็นอัยการสูงสุด คงได้รับรู้ถึงกระแสสังคมที่มีต่อองค์กรอัยการจากผลงานซึ่งชวนลดความศรัทธาดังที่กล่าวมา ทำให้ปลายปี 2563 สำนักงานอัยการสูงสุดภายใต้การนำของ “วงศ์สกุล” เริ่มมีการปรับโครงสร้างองค์กร และมีการสั่งบางคดีที่ช่วยฟื้นคืนศรัทธาจากประชาชนได้ เช่น กรณีอัยการสูงสุดสั่งฟ้องคดีของ “วิรัช รัตนเศรษฐ” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ประธานวิปรัฐบาล กรณีทุจริตเงินจัดสรรงบประมาณก่อสร้างสนามฟุตซอลโรงเรียนในพื้นที่เขตการศึกษา จ.นครราชสีมา ถึงเขาจะเป็นระดับบิ๊กคนดังของรัฐบาลก็ตาม

           ขณะที่การปรับโครงสร้างองค์กร มีการกล่าวถึงในการจัดสัมมนาใหญ่ “มิติใหม่อัยการแผ่นดิน” ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 5 พ.ย.2563 โดยส่วนที่เห็นได้ชัดคือ การแยกและยกระดับงานสนับสนุนพนักงานอัยการออกมาเป็น “สำนักงานเลขาธิการสำนักงานอัยการสูงสุด” รวมถึงการตั้งสถาบันวิชาการ อย่างสถาบันนิติวัชร์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาการสอบสวนและการดำเนินคดี สถาบันฝึกอบรมการว่าความชั้นสูง และสถาบันฝึกอบรมการสอบสวนชั้นสูง

            ล่าสุด วันที่ 7 ธ.ค.2563 สำนักงานอัยการสูงสุดได้เผยแพร่ข่าวอัยการสูงสุดแต่งตั้งทีมโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดชุดใหม่ ซึ่งมี “อิทธิพร แก้วทิพย์” อธิบดีอัยการสถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายอัยการ เป็นโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด พร้อม 5 รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด รวมกันเป็นทีมโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด 6 คน ถือได้ว่าเป็นทีมโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดที่มีจำนวนคนมากกว่าที่ผ่านมา ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีการแต่งตั้งที่ปรึกษาโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นตำแหน่งใหม่เพิ่มขึ้นมาอีก จำนวน 8 คน รวมแล้วปรากฏรายชื่อในคำสั่งแต่งตั้งชุดงานโฆษกนี้มากถึง 14 คนเป็นประวัติการณ์

            โดยรายชื่อที่ปรากฏ บางคนเป็นคณะทำงานสั่งคดี “บอส-วรยุทธ” ของอัยการ ที่แก้ไขใหม่ให้สั่งฟ้องข้อหาเสพโคเคน-ขับรถชนคนตายต่อบอสนั่นเอง ช่วยบรรเทาคลี่คลายกรณี “เนตร นาคสุข” รองอัยการสูงสุดขณะนั้นที่สั่งไม่ฟ้องจนฉาวโฉ่ ซึ่ง 3 คนจากคณะทำงานชุดนั้นคือ “อิทธิพร” มาเป็นโฆษกฯ “ชาญชัย ชลานนท์นิวัฒน์” รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา และ “ประยุทธ เพชรคุณ” อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 สำนักงานคดีพิเศษ ทั้งสองมาเป็นรองโฆษกฯ นอกจากนี้ในส่วนที่ปรึกษาโฆษกฯ ปรากฏชื่อหนึ่งในนั้นคือ “ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม” ผู้ตรวจการอัยการ ก็เป็นหนึ่งในคณะทำงานตรวจสอบคดีบอสชุดแรกอีกด้วย

            จากการตั้งทีมโฆษกชุดใหม่และที่ปรึกษาครั้งนี้ ส่วนหนึ่งจึงเหมือนเป็นการตอบแทนอัยการที่ร่วมกันทำงานเป็น “หนังหน้าไฟ” รับเรื่องใหญ่คลี่คลายคดีบอสที่ผ่านมา สำหรับในปีหน้า 2564 ก็อาจจะมีเรื่องใหญ่คดีใหญ่อีกมากมายที่ต้องรับหน้า อย่างที่เริ่มปรากฏขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ “สกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ” นักธุรกิจน้องชายของประธานคณะก้าวหน้า ที่โดนกล่าวหาเรื่องการให้สินบน จนตำรวจและอัยการอาจต้องพิจารณาทำสำนวนขึ้นมาใหม่หรือไม่ และคดีชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มราษฎร 2563 จำนวนมหาศาลมากกว่า 100 คดีแล้ว ที่ตำรวจจัดเต็มให้แกนนำและผู้ชุมนุมเรื่อยมา

            นอกจากอัยการที่เคยทำงานคดีบอสมาเป็นทีมโฆษกฯ แล้ว ยังประกอบด้วยอัยการคนอื่นที่ปรากฏชื่อใหม่น่าสนใจ เช่น “สันทนี ดิษยบุตร” อัยการจังหวัดคดีเยาวชนและครอบครัวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และผู้อำนวยการสำนักงานเลขาธิการสถาบันนิติวัชร์ ได้รับแต่งตั้งเป็นรองโฆษกฯ หญิงของทีมด้วย หลังจากที่ผ่านมาจะเห็นแต่ผู้ชายมากกว่า ในส่วนคนเก่าหนึ่งเดียวที่อยู่ยาวจำกันได้ดีต้องพูดถึง คือ “ประยุทธ เพชรคุณ” แม้ตำแหน่งเป็นรองโฆษกฯ ต่อไปอีกสมัย แต่ในทางปฏิบัติได้ทำงานออกสื่อมากที่สุดเป็นหน้าตาองค์กรอัยการ จนเหมือนเป็นโฆษกฯ อัยการตัวจริงมายาวนาน

            ข้อสังเกตสุดท้ายในการตั้งทีมโฆษกอัยการชุดใหม่นี้ เชื่อได้ว่าคงไม่เหงา เพราะมีคนจำนวนมากกว่าที่ผ่านมาในยุคใดๆ ซึ่งในอดีตแม้ทีมโฆษกอัยการจะมีประมาณ 3-4 คน ไม่มากเท่ากับชุดใหม่ แต่ในสายตาของคนภายนอกก็รู้สึกได้ว่าเหงาแทน จากการไม่ค่อยปรากฏตัวพร้อมหน้าพร้อมตา ทำงานกันคนละด้าน คนละทาง โฆษกฯ ไม่มีงานออกสื่อถูกโลกลืม รองโฆษกฯ ปฏิบัติงานจนกลายเป็นเหมือนโฆษกฯ ตัวจริง ดังนั้นนอกจากทีมโฆษกฯ จะเป็นชุดใหม่ หน้าใหม่ร่วมด้วยแล้ว ที่สำคัญต้องไม่ลืมปรับการทำงานใหม่ให้ดูไม่เหงา กระจายงานได้ทั่วถึง แบ่งหน้าที่ สามัคคี ดูแลกันอย่างชัดเจนแท้จริง.

 

นายชาติสังคม

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"