รัฐบาลแจงใช้งบเงินกู้ 1 ล้าน ล.


เพิ่มเพื่อน    

 

     พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ตามที่พรรคฝ่ายค้านถล่มแหลก เพราะเชื่อว่าเป็นการกู้เงินมากที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย โดยพรรคเพื่อไทยระบุว่า ประชาชนจะเป็นหนี้ไปอีก 80 ปี และเปิดช่องให้ตีเช็กเปล่าและส่อไปในทางทุจริต ขณะที่ ส.ส.พรรคก้าวไกลกล่าวหาว่า มีการแบ่งเค้กให้ ส.ส.คนละ 80 ล้านบาท กระทั่งในที่สุดเสียงข้างมากของ ส.ส.ฝั่งรัฐบาล ก็มีมติเห็นชอบไปเมื่อวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา

            อย่างไรก็ตาม วันเวลาผ่านไป สังคมอาจจะหลงลืม เพราะถูกกระแสของม็อบ 3 นิ้ว เรียกร้อง 3 ข้อ ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิดกลับมาอีกครั้ง จึงอาจทำให้เกิดสภาวะหลงลืมไปบ้าง ไม่มีโอกาสติดตามการใช้เงินกู้ก้อนนี้ว่าไปดำเนินการไปถูกต้องเหมาะสมหรือไม่

            ล่าสุด ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อเร็วๆ นี้ ได้รับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมาตรา 10 แห่ง แห่ง พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ณ วันที่ 30 กันยายน 2563 โดยดำเนินการไปตาม 3 เรื่องหลัก ได้แก่ ข้อ 1 เพื่อแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ข้อ 2 เพื่อช่วยเหลือ เยียวยา และชดเชยให้แก่ภาคประชาชน เกษตรกรและผู้ประกอบการซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

            และข้อ 3 เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

            ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้ลงนามในสัญญากู้เงินและออกตราสารหนี้ภายใต้พระราชกำหนดแล้วจำนวน 373,761 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 37.38 ของวงเงินกู้ตามพระราชกำหนด ขณะที่ ครม.ได้อนุมัติแผนงาน หรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดดังกล่าวแล้วจำนวน 46 โครงการ วงเงินรวม 476,587.44 ล้านบาท และหน่วยงานเจ้าของโครงการได้เบิกจ่ายเงินกู้แล้วจำนวน 298,071.71 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 62.54 ของกรอบวงเงินตามที่ ครม.อนุมัติ ซึ่งกระทรวงการคลังจะทยอยกู้เงินเมื่อ ครม.อนุมัติโครงการเพิ่มเติมตามความจำเป็นและความสอดคล้องกับการใช้เงินของโครงการต่อไป

            ทั้งนี้ จากการดำเนินงานตามแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2563 มีโครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จจำนวน 4 โครงการ สามารถเยียวยาให้กับผู้มีสิทธิ์จำนวน 30,524,376 ราย คิดเป็นร้อยละ 89.92 จากกลุ่มเป้าหมายจำนวน 33,946,103 ราย แยกได้ดังนี้

            1.โครงการเพื่อช่วยเหลือ เยียวยา และชดเชย ให้แก่ประชาชน ซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยกระทรวงการคลัง วงเงินกู้ 240,000 ล้านบาท สามารถช่วยเหลือ เยียวยาให้กับผู้ประกอบอาชีพอิสระ และลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากการหยุดประกอบกิจการของสถานประกอบการที่เสี่ยงต่อการระบาดของโควิด-19 หรือผู้ได้รับผลกระทบอื่นๆ โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้จ่ายเงินให้กับผู้มีสิทธิ์จำนวน 15,269,006 ราย คิดเป็นร้อยละ 95.43 ของกลุ่มเป้าหมาย เบิกจ่ายเงินกู้ ณ วันที่ 30 กันยายน 2563 จำนวน 159,583.94 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 93.87

            2.โครงการเพื่อช่วยเหลือ เยียวยา และชดเชย ให้แก่ประชาชน ซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อช่วยเหลือผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) วงเงินกู้ 3,492.67 ล้านบาท สามารถช่วยเหลือ เยียวยาให้กับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือจากโครงการใดๆ ของภาครัฐในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 ซึ่งทำให้กลุ่มคนดังกล่าวมีรายได้ลดลง และไม่สามารถหารายได้จากแหล่งอื่นมาทดแทนได้ โดย สศค.ได้จ่ายเงินให้กับผู้มีสิทธิ์จำนวน 1,026,496 ราย คิดเป็นร้อยละ 88.17 ของกลุ่มเป้าหมาย เบิกจ่ายเงินกู้ได้จำนวน 3,087.59 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 88.40

            3.โครงการเพื่อช่วยเหลือ เยียวยา และชดเชย ให้แก่ประชาชน ซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ วงเงินกู้ 20,345.64 ล้านบาท ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของกลุ่มเปราะบางในระยะสั้น ช่วยให้มีรายได้เพียงพอที่จะลดความเสี่ยงที่จะตกอยู่ในภาวะความยากจน และประสบปัญหาทางสังคมที่ซับซ้อนมากขึ้นในระยะยาว โดยได้จ่ายเงินให้กับผู้มีสิทธิ์จำนวน 6,662,994 ราย คิดเป็นร้อยละ 98.25 ของกลุ่มเป้าหมาย เบิกจ่ายเงินกู้ได้ 19,988.98 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 98.25

            4.โครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ วงเงินกู้ 150,000 ล้านบาท สามารถช่วยเหลือเกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบให้มีรายได้เพียงพอต่อการยังชีพในช่วงภาวะวิกฤติ และเพื่อเพิ่มเติมสภาพคล่องทางเศรษฐกิจและป้องกันการเกิดปัญหาทางสังคมที่อาจตามมา โดยได้จ่ายเงินให้กับผู้มีสิทธิ์จำนวน 7,565,880 ราย คิดเป็นร้อยละ 75.66 เบิกจ่ายเงินกู้แล้ว ณ วันที่ 30 กันยายน 2563 จำนวน 113,304.40 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 75.54

            นี่เป็นการใช้เงินกู้ 1 ล้านล้านบาทบางส่วนของรัฐบาล ที่ประชาชนจะต้องช่วยติดตามต่อไปว่าจะเป็นไปตามวัตถุประสงค์และมีการใช้เงินส่อไปในทางทุจริตหรือไม่. 

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"