25ขรก.เอี่ยวกองทุนเสมาระดับซี8-11 /สถานศึกษามีพิรุธส่อร่วมด้วยช่วยโกง /"ป.ป.ท.-สตง."เคยท้วง-ปชช.เคยร้องทำเนียบ


เพิ่มเพื่อน    


 

ความคืบหน้าผลสืบสวนกองทุนเสมาฯ  เผยมีบุคลากร ศธ. เอี่ยว 25 คน ยังรับราชการอยู่ 7 คน ระดับ 8-11 และพ้นจากราชการไปแล้ว "อรรถพล"เผยพบช้อมูลใหม่ สถานศึกษามีพิรุธด้วย ส่อเงินอาจไม่ถึงมือเด็ก และมีบางสถานศึกษาโอนต่อไปให้อีกสถานศึกษา  ระบุ ป.ป.ท. -สตง.เคยทักท้วงการจ่ายเงิน และมีผู้ร้องเรียนความไม่ขอบมาพากลกับทำเนียบรัฐบาลมาแล้ว แต่"รจนา"ชี้แจงยันทำถูกต้อง  เรื่องจึงไม่ถึงปลัดศธ .ส่วน 68บัญชีลึกลับ แบงก์กรุงไทยกำลังเร่งหาข้อมูล  

นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีทุจริตเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต กล่าวว่า ตนได้สรุปผลการสืบสวนข้อเท็จจริง เพื่อเสนอให้นายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัด ศธ. รับทราบเรียบร้อยแล้ว โดยจากการสืบสวนพบว่ามีผู้ที่มีการกระทำซึ่งมีมูลอันควรกล่าวหาว่าทำความผิด ทำให้ราชการเสียหาย มีจำนวน 25 คน ที่เป็นบุคลากรสังกัด ศธ. ทั้งหมด มีทั้งบุคคลที่รับราชการอยู่ ประมาณ 7 ราย ตั้งแต่ระดับ 8 จนถึง ระดับ 11 และบุคคลที่พ้นจากราชการแล้ว ซึ่งจำนวนนี้มีทั้งกลุ่มที่ควรถูกกล่าวหาว่าทุจริตต่อหน้าที่ราชการ กลุ่มไม่ปฏิบัติตามแบบแผนและธรรมเนียมของทางราชการ กลุ่มที่ทุจริตถึงแม้จะไม่ใช่หน้าที่ กลุ่มรายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชา และกลุ่มประมาทเลินเล่อ โดยส่วนใหญ่ผิดอยู่ในฐานประมาทเลินเล่อ ทั้งนี้เมื่อมีการเสนอให้ ปลัด ศธ. แล้วขั้นตอนต่อไปคือ การดำเนินการรายบุคคล ตามความผิดที่พบ ว่าจะดำเนินการอย่างไรกับใครบ้าง อย่างบุคคลที่พ้นจากราชการแล้วก็จะใช้เอกสารหลักฐานที่ชี้มูลความผิดดำเนินการทางแพ่ง รวมถึงดำเนินการความผิดทางละเมิด ส่วนจ้าราชการในสังกัดอื่นๆ ทางคณะกรรมการสืบฯ ไม่ได้ดำเนินการชี้มูลความผิดเพราะทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กำลังอยู่ระหว่างเรียกเพื่อสอบถามข้อมูล และพิจารณาตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน

นายอรรถพล กล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้าการสืบหาบัญชีที่ไม่ทราบเจ้าของ 68 บัญชี ขณะนี้ทางธนาคารกรุงไทยกำลังเร่งหาข้อมูลจากสาขากว่า 40 สาขา ซึ่งเมื่อคณะกรรมการสืบฯ ได้ข้อมูลตรงนี้ก็อาจจะทำให้ทราบว่ามีผู้กระทำผิดที่เป็นข้าราชการเพิ่มหรือไม่ หากพบก็จะต้องดำเนินการต่อ นอกจากนี้ ทางสถานศึกษาบางแห่งก็ยังไม่ได้ส่งสเตทเมนท์ หรือ รายการเคลื่อนไหวทางบัญชี ฉบับสมบูรณ์ โดยอ้างว่าส่งรายการสเตทเมนท์ตามที่คณะกรรมการสืบฯ ขอ ซึ่งตนคิดว่าส่วนหนึ่งทางสถานศึกษา อาจจะไม่ต้องการให้เห็นสเตทเมนท์ เพราะที่ผ่านมาระบบการโอนเงินไม่มีความเข้มงวด ดังนั้นการโอนเงินของบางสถานศึกษาก็ถูกโอนเข้าบัญชีอื่นๆ เช่น บัญชีเงินสวัสดิการของเจ้าหน้าที่ บัญชีเงินรายได้สถานศึกษา   บัญชีเงินค่าสมัครสอบ เป็นต้น ทำให้คณะกรรมการสืบฯ ตั้งข้อสงสัยว่าเงินที่โอนไปนั้นถูกใช้กับเด็กตามวัตถุประสงค์ของกองทุนหรือไม่ คงต้องมีการสืบสวนต่อในกรณีนี้ อีกทั้งตนยังได้เสนอให้สำนักงานส่งเสริมกิจการการศึกษา สังกัดสำนักงานปลัด ศธ. ว่า ก่อนที่จะโอนเงินงวดต่อไป จะต้องมีการเปิดบัญชีเฉพาะ เพื่อง่ายต่อการตรวจสอบ อีกทั้งในช่วงปี 2557-2559 คณะกรรมการสืบฯ ยังพบหนังสือสั่งการจากส่วนกลางให้สถานศึกษาแห่งหนึ่งโอนเงินไปให้สถานศึกษาอีกแห่งหนึ่งด้วย

“จากการสืบสวนทำให้ผมพบว่าที่ผ่านมาที่ป.ป.ท. และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เคยทักทวงแล้ว และมีการส่งเอกสารไปชี้แจงเป็นเอกสารเท็จ โดยเฉพาะหนังสือร้องเรียกจากศูนย์ร้องเรียนประชาชน ทำเนียบรัฐบาลที่ได้รับเยอะสุด และผู้ที่ชี้แจงก็คือนางรจนา สินที โดยการทำเป็นหนังสือภายในที่ใช้การประทับตราแทนการลงชื่อ  เพื่อหลบเลี่ยงไม่ให้เรื่องขึ้นไปถึงข้าราชการตำแหน่งรองปลัด ศธ.ลงนาม ผู้บังคับบัญชาไม่ได้รับรู้ เพราะผมเชื่อว่าหากปลัด ศธ. ทุกยุคได้เห็นหนังสือร้องเรียนก็คงไม่มีการปล่อยเรื่องนี้ไปแน่นอน”ประธานคณะกรรมการสืบฯ กล่าวและว่า สำหรับข้อมูลเส้นทางการเงินที่คณะกรรมการสืบฯ ให้ทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ช่วยตรวจสอบนั้น ขณะนี้ ปปง.ได้รายงานกลับมาแล้วส่วนหนึ่ง ในช่วงปี 2554 จนถึงปัจจุบันเท่านั้น ผลสรุปคือ เส้นทางการเงินของบุคคลที่คณะกรรมการสืบฯ ส่งให้ตรวจสอบมีทั้งที่เชื่อมโยงกับกองทุนฯ และไม่มีความเชื่อมโยง อย่างไรก็ตาม การรายงานครั้งนี้ถือว่าไม่ใช่ครั้งสุดท้าย ถือว่าเป็นการรายงานครั้งแรกเท่านั้น.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"