อสส.ยื่นฟ้องโกงเอื้ออาทร 'วัฒนา'โวยการเมืองแกล้ง


เพิ่มเพื่อน    

     อัยการสูงสุดได้ฤกษ์ยื่นฟ้องอดีต รมว.การพัฒนาสังคมฯ ทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทรสมัยรัฐบาลทักษิณต่อศาลฎีกาฯ 9 พ.ค.นี้ "เสี่ยไก่" พร้อมไปรับทราบข้อกล่าวหา อ้างตามสูตรเกิดจากแรงจูงใจทางการเมืองหลังรัฐประหารปี 49 ยันบริสุทธิ์พร้อมพิสูจน์ในชั้นศาล 

     เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม หลังจากมีรายงานว่าอัยการสูงสุด (อสส.) เตรียมยื่นฟ้องนายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย ในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์สมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร เป็นจำเลยในคดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในวันที่ 9 พ.ค.นี้ ทำให้นายวัฒนาจัดแถลงที่พรรคเพื่อไทยว่า  ตนจะเดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาจาก อสส.ในวันที่ 9 พ.ค.เพื่อถูกส่งตัวฟ้องคดี พร้อมกับวางเงินประกันตัวเพื่อต่อสู้คดี และไม่ได้ดำเนินการตามที่ถูกตั้งข้อกล่าวหา แต่เกิดจากแรงจูงใจทางการเมือง หลังการรัฐประหารปี 2549 การไต่สวนไม่ได้ยึดหลักกฎหมายและข้อเท็จจริง แต่มุ่งหมายเอาผิดที่ตนเป็นสำคัญ 

     "มีการข่มขู่พยานที่ไม่ให้ความร่วมมือ มีข้อพิรุธในการตรวจสอบคดี อาทิ คดีมีความล่าช้าถึง 12 ปี  ทั้งที่เป็นคดีที่ไม่ซับซ้อน สามารถตรวจสอบเส้นทางการเงิน หรือสอบพยานบุคคลเพื่อดำเนินคดีการเรียกรับประโยชน์ และคดีนี้ ป.ป.ช.ได้ส่งสำนวนให้อัยการสูงสุด โดยไม่มีการแถลงข่าวให้ทราบถึงมติของ ป.ป.ช. ไม่มีการประกาศในเว็บไซต์เหมือนที่ปฏิบัติกับคดีทั่วไป นายณรงค์ รัฐอมฤต เจ้าของสำนวนอ้างว่าไม่ต้องการให้ผมร้องขอความเป็นธรรม เพราะจะทำให้ส่งสำนวนไปยังอัยการสูงสุดไม่ได้ ซึ่งขัดต่อหลักนิติธรรม เนื่องจากความผิดตามมาตรา 148 มีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต จึงเป็นสิทธิ์โดยชอบของผู้ถูกกล่าวหาที่จะขอความเป็นธรรม"

    อดีต รมว.การพัฒนาสังคมฯ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังเห็นว่าการดำเนินคดีมีการเลือกปฏิบัติ โดยมุ่งเอาผิดที่ตนฝ่ายเดียว ทั้งที่ข้อกล่าวหาว่าสั่งการให้ออก TOR โดยไม่ชอบ ฝ่ายปฏิบัติคือผู้ว่าการฯ และคณะกรรมการจะต้องมีความผิดด้วย แต่สุดท้ายคดีนี้ตนถูกฟ้องเพียงคนเดียว รวมถึงข้อกล่าวหาในชั้นป.ป.ช.ที่มีการเปลี่ยนจากการเรียกรับผลประโยชน์มาเป็นประเด็นรู้เห็นเป็นใจ เพราะไม่มีพยานหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่ามีความเชื่อมโยงกับตน 

    "ขอยืนยันความบริสุทธิ์ ไม่รู้สึกกังวลต่อการต่อสู้คดี พร้อมที่จะพิสูจน์คดีในชั้นศาล มั่นใจว่าจะได้รับความเป็นธรรมจากศาล ที่ผ่านมาไม่เชื่อมั่นในกระบวนการตรวจสอบจากองค์กรที่มีการแทรกแซงโดยคณะรัฐประหาร ทั้ง คตส., ป.ป.ช.และ อสส." นายวัฒนากล่าว

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เดิมที อสส.เตรียมที่จะยื่นฟ้องผู้ถูกกล่าวหาตามในคดีทุจริตบ้านเอื้ออาทรตามสำนวนไต่สวนของ ป.ป.ช.ในวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากนายวัฒนาหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาคดีนี้ ได้มีการประสานขออัยการเลื่อนนัดฟ้องคดี เนื่องจากต้องมีการเตรียมความพร้อมก่อน อัยการจึงนัดผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดมายื่นฟ้องต่อศาลฎีกาฯ เป็นวันที่ 9 พ.ค.นี้ ซึ่งหากวันดังกล่าวผู้ถูกกล่าวหาเดินทางมาแสดงตัวที่ศาลฎีกาฯ ก็จะต้องยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัวต่อศาล โดยหลังจากยื่นฟ้องแล้ว อสส.จะสรุปรายละเอียดเกี่ยวกับคดีที่ฟ้องแจกเป็นเอกสารข่าวเผยแพร่ให้สื่อมวลชนทราบต่อไป

     ทั้งนี้ สำหรับคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองสามารถยื่นฟ้องโดยไม่ต้องมีตัวจำเลยในวันที่ฟ้องก็ได้ แต่จำเลยจะต้องมาปรากฏตัวต่อศาลครั้งแรกในวันที่ศาลนัดสอบคำให้การ อย่างไรก็ตาม หากในวันไต่สวนนัดแรกจำเลยไม่มาปรากฏตัวสามารถออกหมายจับได้ แต่หากเลยกำหนดเวลา ตำรวจยังไม่สามารถนำตัวจำเลยมาแสดงตัวต่อศาลได้ ศาลจะสามารถพิจารณาลับหลัง 

    คดีนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดนายวัฒนา เมืองสุข เมื่อต้นปี 2560 กรณีถูกกล่าวหาว่าทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร โครงการที่บริษัท พาสทิญ่า ไทย จำกัด ดำเนินการ โดยมีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 ฐานผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น  ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสี่หมื่นบาท  หรือประหารชีวิต และมาตรา 149 ฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท  หรือประหารชีวิต

    โดยนายวัฒนากับพวกถูกกล่าวหาว่าเรียกรับเงินจากผู้ประกอบการเอกชน ในการจัดซื้อจัดจ้างโครงการบ้านเอื้ออาทร โดยเริ่มจากการที่บริษัท พาสทิญ่าฯ ได้โควตาเป็นคู่สัญญากับการเคหะแห่งชาติ  7 โครงการ 7,500 ยูนิต มูลค่า 2,500 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการสวนพลูพัฒนา, โครงการผดุงพันธ์, โครงการนนทบุรี (วัดกู้ 1), โครงการนนทบุรี (วัดกู้ 3), โครงการสมุทรปราการ (วัดคู่สร้าง 1),  โครงการปทุมธานี ลำลูกกา คลอง 2 และโครงการกระทุ่มแบน 3 ทั้งที่ไม่มีคุณสมบัติในการเข้าเป็นคู่สัญญากับการเคหะแห่งชาติ แต่ได้มีการจ่ายเงินใต้โต๊ะเพื่อให้สามารถเข้าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐได้ 

    สำหรับเหตุผลที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ไม่แถลงผลการชี้มูลผู้กระทำความผิดในระยะหลัง เนื่องจากมีผู้ถูกกล่าวหาหลายรายในคดี เมื่อรู้ว่าตนกำลังจะถูกชี้มูลมักขอความเป็นธรรม หรือยื่นพยานหลักฐานใหม่เข้ามาให้พิจารณา ทำให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ต้องตีสำนวนกลับไปที่คณะอนุกรรมการไต่สวนเพื่อพิจารณาใหม่ เห็นว่าหลายคดีใน ป.ป.ช.ใช้เวลาพิจารณานานกว่าจะได้ข้อสรุป ดังนั้นกรณี ป.ป.ช.ชี้มูลนายวัฒนากับพวกโดยไม่แถลงต่อสื่อมวลชนก็เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ส่วนผู้ถูกชี้มูลจะขอชี้แจงหรือยื่นหลักฐานใหม่เพิ่มเติม ให้ไปดำเนินการในชั้นอัยการสูงสุดหรือศาลแทน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"