'ปชช.'ตอกย้ำ จนท.รัฐเอี่ยว! แรงงานเถื่อน


เพิ่มเพื่อน    


    โพลชี้เป้า จนท.รัฐเอี่ยวขบวนการค้าต่างด้าวเถื่อนต้นเหตุโควิดปีใหม่ หวังผนึกกำลังร่วมกันยกการ์ดสูงสู้ภัยระบาดใหม่ จี้บิ๊กตู่ฟันยกแก๊งหาประโยชน์เบื้องหลัง ด้านอดุลย์ขย่มซ้ำปล่อยโกงจนภัยมาอีกรอบ
    เมื่อวันอาทิตย์ ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นำเสนอผลสำรวจภาคสนามเรื่อง รวมพลังกู้ชาติ โควิดปีใหม่ กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 1,352 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 20-26 ธันวาคม ที่ผ่านมา
    โดยเมื่อถามถึงความเชื่อว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐเอี่ยวขบวนการฟอกตัวแรงงานต่างด้าวเถื่อน ต้นเหตุโควิดปีใหม่หรือไม่ พบว่า ส่วนใหญ่หรือ 97.3% เชื่อว่ามี ในขณะที่ 2.7% ไม่เชื่อว่ามี นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือ 98.1% รู้สึกเซ็ง หดหู่ใจ เจ้าหน้าที่รัฐ ฟอกตัวแรงงานต่างด้าวเถื่อน ทำลายความสุขประชาชนช่วงปีใหม่ ในขณะที่ 1.9% ไม่รู้สึกอะไร
    ที่น่าเป็นห่วงคือ ส่วนใหญ่หรือ 90.1% ระบุไม่โอเค เสียดาย พลาดความสุข ไม่ได้ฉลองปีใหม่ เพราะเจ้าหน้าที่รัฐและขบวนการฟอกตัวแรงงานต่างด้าวเถื่อน ในขณะที่ 9.9% ยังรู้สึกโอเค ไม่เสียดายอะไร อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่หรือ 83.3% ตำหนิเจ้าหน้าที่รัฐและส่วนราชการ กระทรวงต่างๆ ที่โยนความรับผิดชอบกันไปมา ไม่มีใครออกมารับผิดชอบต่อขบวนการฟอกแรงงานต่างด้าวเถื่อนและกลุ่มต้นเหตุโควิดปีใหม่ ในขณะที่ 16.7% ไม่ตำหนิใคร
    ที่น่าสนใจคือ เมื่อถามถึงแนวทางรวมพลังกู้ชาติ โควิดปีใหม่ พบว่า ส่วนใหญ่ 90.7% ระบุคนไทยและแรงงานข้ามชาติทุกคน ต้องรวมพลังกู้ชาติไทย แก้โควิดปีใหม่ รองลงมาคือ 90% ระบุคนไทยจะชนะโควิดปีใหม่ ต้องยกการ์ดสูง เข้มงวดรับผิดชอบตนเองและสังคม, 88.3% ระบุขอเจ้าหน้าที่รัฐและคนไทยทุกคน เห็นคุณค่าความเป็นมนุษย์ของแรงงานต่างด้าวที่ช่วยสร้างพัฒนาและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย 
    ขณะที่ 87.8% ขอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จัดการขั้นเด็ดขาด เจ้าหน้าที่รัฐและขบวนการฟอกแรงงานต่างด้าวเถื่อน และ 87.4% ขอผู้บริหารระดับสูงของกระทรวง ส่วนราชการ หน่วยงานรัฐต่างๆ กระชากหน้ากากของผู้อยู่เบื้องหลังขบวนการฟอกแรงงานต่างด้าวเถื่อน
    วันเดียวกัน นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 กล่าวถึงสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ว่า เมื่อ 4 เดือนก่อนก็มีการจับตำรวจลักลอบขนแรงงานต่างด้าว เป็นขบวนการทุจริตรับส่วยแรงงานเถื่อนส่งให้ผู้บังคับบัญชาด้วย ซึ่งมีตัวเลขแรงงานเถื่อนนับแสนคน หากคิดหัวคิวคนละ 1 หมื่นบาท เป็นเงินหลายพันล้านบาท เงินมหาศาลเหล่านี้หล่นที่ใครบ้าง พล.อ.ประยุทธ์ รวมทั้งนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน รับรู้หรือไม่ อย่ามัวจับแต่ปลาซิวปลาสร้อย รวมทั้งการระบาดจากบ่อนการพนันแหล่งบ่มเพาะอาชญากรรมที่ต้องจ่ายส่วยให้ตำรวจ นายกฯ ที่กำกับดูแลตำรวจจะปัดสวะพ้นตัวไม่ได้
    นายอดุลย์กล่าวต่อว่า รัฐบาลเอาแต่เรียกร้องประชาชนอย่าการ์ดตก แต่การระบาดรอบใหม่ที่มีต้นเหตุจากแรงงานต่างด้าว และการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประยุทธ์ จึงเป็นที่ชัดเจนว่า พล.อ.ประยุทธ์นั่นแหละที่การ์ดตกปล่อยปละละเลยจนทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเกียร์ว่าง และใช้อำนาจหน้าที่แสวงหาประโยชน์แบบเดิมๆ จนสร้างปัญหาให้ประชาชนเกิดความเดือดร้อนกันทั้งประเทศ
    "เช่นเดียวกับการระบาดระลอกแรกที่มาจากสนามมวยลุมพินีของกองทัพบก ก็มาจากความประมาทของผู้ใต้บังคับบัญชา มารอบนี้ก็เป็นความหละหลวมของฝ่ายความมั่นคงอีก ทำให้บุคลากรทางแพทย์ต้องมารับหน้าที่หนักเพื่อสะสางปัญหาล้างขี้ที่ฝ่ายความมั่นคงก่อขึ้น จึงเป็นความผิดพลาดที่ให้อภัยไม่ได้ เพราะคนกลุ่มเดียวทำให้เกิดหายนะทั้งประเทศ” นายอดุลย์กล่าว
    นายอดุลย์กล่าวอีกว่า รัฐบาลเองก็ไม่กล้าที่จะล็อกดาวน์ประเทศเหมือนตอนระบาดระลอกแรก เพราะไม่มีเงินจะจ่ายชดเชยความเสียหายจากการปิดกิจการต่างๆ ฉะนั้นสถานการณ์ตอนนี้ ประเทศไทยเหมือนยืนอยู่บนปากเหว ปี 2564 จะเป็นปีแห่งความหายนะอย่างแท้จริง เพราะรัฐบาลไม่อาจจะควบคุมโรคระบาดได้ ปัญหาเศรษฐกิจจะซ้ำเติมอย่างสาหัส จะเดินหน้ากู้เงินอีกกี่รอบก็กอบกู้วิกฤติไม่ได้ หนี้สาธารณะจะทับถมจนคนหายใจไม่ออก สถิติคนฆ่าตัวตายอาจจะมากกว่าปี 2563 
    "ทั้งที่ตัวเองมีอำนาจในมือสามารถปฏิรูปโครงสร้างบ้านเมืองทั้งตำรวจทหารและระบบราชการ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความโปร่งใสได้ แต่กลับไม่ทำ มีงบประมาณความมั่นคงมหาศาล แต่ทางปฏิบัติกลับอ่อนแอ ปล่อยให้ชาวบ้านจมน้ำตายต่อหน้าตาแล้วยังมาทวงบุญคุณประชาชนอีก" นายอดุลย์ระบุ
    วันเดียวกัน พล.ต.ไพศาล หนูสังข์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมชุดควบคุมป้องกันชายแดน (ชค.ปชด.) รับฟังการบรรยายสรุปเกี่ยวกับมาตรการสกัดกั้นตามแนวชายแดน พร้อมสั่งกำชับเพิ่มมาตรการคุมเข้มสกัดกั้นป้องกันการลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมายของแรงงานต่างด้าวในช่องทางธรรมชาติให้เข้มงวด ตะเข็บแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการลักลอบของผู้ที่มีเชื้อไวรัสโควิด-19 เข้ามาในประเทศไทยได้โดยเด็ดขาด
    พล.ร.ท.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 3 หรือ ศรชล.ภาค 3 กล่าวว่า ได้รับรายงานจากศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดระนอง ว่า ขณะที่เรือ ต.232 ทัพเรือภาคที่ 3 พร้อมเจ้าหน้าที่บูรณาการการปฏิบัติ ร่วมกับศูนย์ประสานงานประมงชายแดนทางทะเลไทย-เมียนมา หรือ ศปชล.ทม. ทำการลาดตระเวนสกัดกั้นผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายตามลำน้ำกระบุรี จังหวัดระนอง แนวชายแดนไทย-เมียนมา พบเรือหางยาว 3 ลำ มีผ้าใบคลุมปิดบางอย่างไว้ จึงเรียกตรวจสอบ และพบว่าเรือทั้ง 3 ลำมีชาวเมียนมา 7 คน  ได้ลักลอบนำสินค้าทางการเกษตรยางพารา น้ำหนักประมาณ  3 ตัน ไม่ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองอยู่ในเรือหางยาวดังกล่าว  โดยเจ้าหน้าที่ได้ประสานหน่วยงานสาธารณสุขจังหวัดระนองทำการตรวจคัดกรองโรคโควิด-19 ส่งเข้ากักตัวในสถานที่รัฐกำหนดไว้  และประสาน สภ.บางแก้ว หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ เข้าควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลางดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"