'จตุพร' เผยผู้ใหญ่บางคนฝากเตือนคนหน้าโง่ ย้อนกลับไม่ฉลาดแกมโกงอย่างท่าน


เพิ่มเพื่อน    

4 ม.ค.64 - นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟชบุ๊คไลฟ์ peace talk ว่า ถูกข่าวปลอม หรือ "Fake News" เผยแพร่ทำลายในสื่อโซเชียลมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2563 ถึงต้นปี 2564 และตนกำลังรวบรวมข้อมูลฟ้องร้องดำเนินคดีตามความผิด พรบ.คอมพิวเตอร์ ให้ถึงที่สุด

นายจตุพร กล่าวว่า ถ้านำข่าวเท็จหรือปลอมสู่คอมพิวเตอร์ จะมีความผิดทั้งปรับหรือจำคุกสูงสุด 5 ปี ซึ่งหนักกว่าความผิดข้อหาหมิ่นประมาท ดังนั้น ตนจึงเตือนให้ระมัดระวังมาตั้งแต่ปลายปี 2563 แล้ว

อีกทั้ง เมื่อไม่กี่วันมานี้ ตนได้ถูกขบวนการปล่อยข้อความเป็นเท็จใส่ร้ายเพื่อทำลาย อย่างไรก็ตาม ตนยังเชื่อว่าทองจริงย่อมไม่แพ้ไฟ และจะยืนหยัดทำความจริงต่อไป โดยจากนี้อีกไม่กี่วันจะจัดการฟ้องดำเนินคดี

"ผู้ใหญ่บางท่านได้โทรหามิตรสหายผมคนหนึ่ง บอกว่าผมมันโง่ แล้วฝากให้เขามาจัดการเรื่องราวต่างๆ ผมอาจจะโง่ในสายตาของคนอย่างท่าน แต่บอกไว้สักคำหนึ่งว่า ผมมีความจริงทุกอย่าง และทุกอย่างที่พูดก็เป็นความจริง พร้อมทั้งไม่เคยพูดเพื่อผลประโยชน์แห่งตน"

นายจตุพร กล่าวต่อว่า หลากหลายเรื่องราว ถ้าคนฉลาดก็อาจเติมคำว่าแกมโกงก็ได้ เรื่องกรณีเชียงใหม่ คนฉลาดอาจไม่ได้ตัดสินใจแบบตนที่ไปเลือกอยู่ฝ่ายที่เล็กกว่า แทนที่จะไปอยู่ฝ่ายที่ใหญ่กว่า หรือไปอยู่ฝ่ายที่วิ่งเต้นคดีให้ครอบครัวเศรษฐีลำดับ 2 ของไทย ดังนั้น ตนจึงกลายเป็นความโง่ในสายตาของใครบางคน แต่ตนมั่นใจว่า เรื่องราวจะหนีวิบากกฎแห่งกรรมไม่พ้น

นอกจากนี้ ยังนำกราฟิกข้อความข่าวปลอมมาแสดง และกล่าวว่า ข้อความจาก THAI MOVE (สถาบันทิศทางไทย) แล้วนำไปโพสต์ต่อว่า "จะอยู่อย่างจงรัก จะตายอย่างภักดี ชีวิตขอยอมพลีเพื่อปกป้องรัฐธรรมนูญ มาตรา 112" แล้วมีชื่อนายจตุพร พรหมพันธุ์ วันที่ 1 มกราคม 2564 ในรายการ TOP TV

รวมทั้งมีข้อความเท็จอีกว่า "พลเอกประยุทธ์ คือรัฐบุรุษของประเทศไทย และไม่เคยหนีคดีเหมือนทักษิณ ชินวัตร" แล้วลงชื่อนายจตุพร พรหมพันธุ์ 31 ธันวาคม 2564 

นายจตุพร กล่าวว่า ข้อความดังกล่าวตนไม่เคยพูด ไม่เคยออกรายการของ TOP TV จึงเข้าข่ายความผิด พรบ.คอมฯชัดเจน รวมทั้งสถาบันทิศทางไทย โพสต์เตือนภัยว่า มีแบนเนอร์ปลอม มุ่งหวังทำลายความน่าเชื่อถือ แล้วนำข้อความที่เกี่ยวข้องกับตนมาลงประกอบคำเตือนด้วย

ดังนั้น ใครก็ตามที่ตนระบุชื่อมาแล้ว คือ วันนา ไทยทัพ, ปรีชา บรรไพร, ส.สามิหรา ขวัญใจคนเดิม นอกจากนี้ยังมีนิตินันท์ มีนบรรพต สถาบันคนเสื้อแดงแห่งชาติ ก็แชร์ข้อความเหล่านี้ด้วย ซึ่งนี่เป็นขบวนการที่ชั่วช้าที่สุด 

"ขบวนการปลอมนี้ ไปปั่นป่วนในขบวนการเสื้อแดง ดังนั้น คนเหล่านี้จะมาสู้คดีอะไรกับผม เพราะสถาบันทิศทางไทยก็แถลงว่า ปลอม ใครที่แชร์ นำไปเผยแพร่ นำไปโพสต์ให้คนมาถล่มผมนั้น ผมไม่เอาไว้สักคนจะบอกให้ เพราะคุณไม่รู้ผิดชอบชั่วนี้ อ้างเรื่องประชาธิไตย แต่สร้างข่าวปลอมไว้ทำลาย"

นายจตุพร กล่าวว่า การทำลายตนด้วยความเท็จนั้น คิดหรือว่าจะทำลายตนได้ และต้องรู้ไว้ด้วยว่า คดีที่ข่าวปลอมยกมานั้น คนแจ้งความเอาผิดตนคือ พล.อ.ประยุทธ์ และตนก็สู้คดีมายาวนาน จนถูกตัดสินไม่ผิดตามมาตรา 112 

อีกอย่าง ความเห็นของตนเกี่ยวกับคนเสื้อแดง และเห็นใจคนหนุ่มสาวนั้น ก็ถูกบิดเบือนนำไปสร้างความเข้าใจผิด ทั้งที่ตนต้องการนำพลังคนเสื้อแดงไปเติมให้อย่างเป็นระบบ และมอบภารกิจเป็นมรดกให้คนหนุ่มสาว ยกผลพวงการต่อสู้ทั้งหมดให้คณะราษฎร เพื่อสู้ต่อไปในสิ่งที่ นปช.เรียกร้องต่อสู้ไปไม่ถึง สิ่งนี้จึงเป็นแสดงความหวังดีกับขบวนการประชาชน

นอกจากนี้ในช่วงที่ตนติดคุก มีคนหลายฝ่ายมาเยี่ยม พูดคุยถึงเรื่องความยุติธรรม ไม่มีเรื่องการต่อรองให้เลิกคนเสื้อแดง และในการติดคุกของตนก็ติดเต็ม ไม่มีพระราชทานอภัยโทษแม้แต่วันเดียวและไม่มีโอกาสพักโทษเหมือนคนอื่นด้วยซ้ำ 

รวมทั้งในคดีชุมนุมหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ ตนย้ำมาตลอดว่า ถูกฟ้องอยู่ในสำนวนที่สอง ซึ่งวันที่ 25 ม.ค.นี้ ต้องไปศาลตามนัดอีกรอบ และตนยังเชื่อว่า คงไม่รอดเช่นกัน แล้วยังมีคดีต้องชดใช้เงินในการชุมนุมเมื่อปี 2553 ซึ่งตนยังไม่ได้เป็นประธาน นปช. ก็ต้องถูกตัดสินให้เป็นความผิดไปด้วย

ดังนั้น การปล่อยข่าวถึงตนมีการเจรจาต่อรองนั้น ใครมาพบในคุกก็เลือกไม่ได้ ตนพูดเรื่องนี้ให้เพื่อนฟังทั้งหมดถึงใครมาพบบ้าง คุยกันเรื่องความยุติธรรม แล้วใครบางคนก็บอกว่า เป็นความโง่ของตน

"ความจริงแล้ว ถ้าไม่ยึดติดกับอคติแล้ว การมอบมรดกต่อสู้ให้คนหนุ่มสาวถือเป็นความงดงามที่สุด โดยวันนี้ข้อเรียกร้องของราษฎรก้าวหน้ากว่า และการมอบมรดกนี้มันเลวจนคุณต้องใช้ขบวนการชั่วช้าอย่างนี้มาทำลายหรือ คิดว่าจะล้มผมได้หรือ"

ส่วนการระบาดของโควิดรอบใหม่นั้น นายจตุพร กล่าวว่า ส.ส.พลังประชารัฐที่ยกย่อง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นวินสตัน เชอร์ชิล นั้น แล้วใครเป็นฮิตเลอร์ มุสโสลินี หรือโตโจ แต่นั้นเป็นเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 2 

แต่วันนี้เป็นสถานการณ์โควิด ซึ่งต้นเหตุถ้าไม่มาจากทหารก็เป็นตำรวจ ที่มีหน้าที่รับผิดชอบจากสนามมวยถึงบ่อนการพนัน และตามชายแดน แต่วันนี้ไม่มีใครออกมารับผิดชอบ ส่วนกระทรวงสาธารณสุขและหมอมีหน้าที่รักษาและเป็นปลายเหตุ ดังนั้นขอให้คนไทยอย่าอยู่ท่ามกลางความกลัว เพราะยิ่งกลัวยิ่งหายนะ

"ผมไม่คิดว่า สถานการณ์โควิดจะทำให้รัฐบาลอยู่ได้ เพราะคนไทยอยู่ท่ามกลางความสาหัสมากที่สุด และวันนี้ต้องยอมรับความเป็นจริงว่า กลไกรัฐเป็นต้นเหตุโควิดรอบใหม่แล้วยังไม่รับผิดชอบ ส่วน ประชาชนได้แสดงความรับผิดชอบใส่หน้ากากเป็นปีๆแแล้ว" 

นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อชายแดนรั่ว ต่างอะไรกับสนามมวยบ้าง ที่เป็นต้นหตุครั้งนี้เพราะกลไกรัฐบกพร่อง นายกฯต้องแสดงความรับผิดชอบและจัดการ อย่างทำเป็นไม่รู้ รวมทั้งฝากไว้ว่า เราจะอยู่ท่ามกลางการหวาดกลัวโควิดไม่ได้ จะเกิดความฉิบหาย


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"