ส่องผลงานสุดปัง 'รัฐบาลลุงตู่'


เพิ่มเพื่อน    

    ตั้งแต่ก้าวเข้าสู่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง กระทั่งปัจจุบัน “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้เร่งเครื่องเดินหน้าทำงานอย่างเต็มสูบมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ระหว่างทางต้องเจอกับอุปสรรคที่ไม่คาดคิดเข้ามาท้าทายความสามารถของผู้นำรัฐบาลในหลากหลายสถานการณ์ ทั้งสถานการณ์ทางการเมือง การชุมนุม ปัญหาโรคระบาดโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบถึงเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชน

            กระทั่งรัฐบาลต้องออกโปรเจ็กต์ ออกมาตรการต่างๆ เพื่อเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งต้องยอมรับว่าหลายโครงการประชาชนให้การตอบรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะโครงการที่ช่วยเรื่องของปากท้องประชาชน บางโครงการถึงขั้นฮิตติดกระแสคำค้นหายอดฮิตใน Google ปี 2563 เช่น เราไม่ทิ้งกัน, คนละครึ่ง, เยียวยาเกษตรกร, เราเที่ยวด้วยกัน เป็นต้น

            และสำหรับผลงานชิ้นโบแดงของรัฐบาลที่ประชาชนให้ความสนใจ ได้แก่

            1. “โครงการคนละครึ่ง” โครงการที่กระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศแบบจับต้องได้ทันที บรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชน และช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ร้านค้ารายย่อย เป็นการสนับสนุนเศรษฐกิจฐานรากและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศในองค์รวม โดยเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนเฟส 1 ผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com เพื่อรับสิทธิ์เงิน 3,000 บาทต่อราย ใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" ไม่เกินวันละ 150 บาท ตั้งแต่วันที่ 23 ต.ค.63 ไปจนถึง 31 ธันวาคม 2563 จำนวน 10 ล้านราย กระทั่งเสียงตอบรับท่วมท้น

            ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จึงเห็นชอบหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการ “คนละครึ่ง” ในเฟส 2 เริ่มวันที่ 1 มกราคม-31 มีนาคม 64 ซึ่งกระทรวงการคลังวางแผนให้ผู้รับสิทธิ์รายใหม่ลงทะเบียนได้ในวันที่ 16 ธันวาคม 63 ตั้งแต่ 06.00-23.00 น. ผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com และยืนยันตัวตนผ่านระบบ g-Wallet แอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เพื่อรับสิทธิ์ตามโครงการ สำหรับผู้รับสิทธิ์เก่า 10 ล้านคน จะได้คนละ 3,500 บาท โดยให้ผู้รับสิทธิ์ในเฟสแรก ที่ได้รับไปแล้ว 3,000 บาท ได้รับเพิ่มอีก 500 บาท

            2. “โครงการเราเที่ยวด้วยกัน" มอบสิทธิ์ให้ประชาชน สิทธิ์ที่ 1 ส่วนลดค่าที่พัก 40 เปอร์เซ็นต์ สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้อง สิทธิ์ที่ 2 รับคูปองมูลค่าสูงสุด 900 บาทต่อวัน ใช้เป็นส่วนลดค่าอาหารและค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวที่ร่วมโครงการ และสิทธิ์ที่ 3 คืนเงินค่าตั๋วเครื่องบิน 40 เปอร์เซ็นต์ แต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อผู้โดยสาร และล่าสุดได้มีการปรับปรุงโครงการ เช่น ขอบเขตการใช้สิทธิ์จำนวนการจองห้องพัก จากเดิมประชาชนจองที่พักได้ไม่เกิน 10 คืนต่อ 1 สิทธิ์ สามารถจองที่พักเพิ่มอีก 5 คืน เป็น 15 คืนต่อ 1 สิทธิ์ เพิ่มจำนวนห้องพักอีก 1 ล้านคืน จากเดิม 5 ล้านคืน เป็น 6 ล้านคืน นอกจากนี้ยังขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการ ประกอบด้วย การใช้สิทธิ์โครงการ จากสิ้นสุดวันที่ 31 มกราคม 2564 เป็นวันที่ 30 เมษายน 2564 การจองโรงแรมที่พักจากช่วงเวลา 06.00-21.00 น. เป็นช่วงเวลา 06.00-24.00 น.

            ขณะเดียวกัน ยังเพิ่มโรงแรมที่พักที่ไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบการโรงแรม แต่ต้องมีหมายเลขประจำตัวของผู้เสียภาษี (Tax ID) และมีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) มีการอนุมัติให้ธุรกิจและบริการที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่อุปทานการท่องเที่ยวสามารถรับ E-Voucher ได้ ปรับเกณฑ์การสนับสนุนค่าบัตรโดยสารเครื่องบิน จาก 2,000 บาทต่อที่นั่ง เป็น 3,000 บาทต่อที่นั่งเฉพาะเมืองหลักทางการท่องเที่ยว 7 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต กระบี่ พังงา สงขลา สุราษฎร์ธานี เชียงใหม่ และเชียงราย ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยมีอัตราการร่วมจ่าย (Co-pay) เท่าเดิม เป็นต้น

            3. “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุด ครม.เห็นชอบช่วยเหลือกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยให้วงเงินค่าซื้อสินค้าบริโภคอุปโภคจำนวน 500 บาทต่อคนต่อเดือน ระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่มกราคม-มีนาคม 2564  สำหรับกลุ่มผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวนไม่เกิน 13,756,995 คน วงเงินไม่เกิน 20,635.4925 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเยียวยากลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐต่อเนื่องอีกระยะหนึ่ง ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น กระตุ้นการใช้จ่ายในท้องถิ่น ช่วยเหลือผู้ประกอบการในพื้นที่ซึ่งถือเป็นเศรษฐกิจฐานรากที่สำคัญ

            4. “ประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ 2” หลังจากที่ ครม.ได้อนุมัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยางระยะที่ 2 ไปแล้ว แต่ด้วยระเบียบบางประการทำให้การจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างไม่สามารถดำเนินการได้กับเกษตรกรกลุ่มผู้ถือบัตรสีชมพู ซึ่งก็คือเกษตรกรที่ไม่มีเอกสารแสดงการอนุญาตจากหน่วยงานของรัฐหรือยินยอมให้ใช้ทำประโยชน์ทางการเกษตร จำนวนกว่า 4 แสนราย ดังนั้นเพื่อให้การช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่จะสร้างความแน่นอนในเรื่องของรายได้ แม้ในยามที่ราคายางตกต่ำอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ครม.จึงมีมติอนุมัติใน 2 เรื่อง คือ

            อนุมัติให้เกษตรกรที่แจ้งพื้นที่ปลูกยาง ซึ่งเป็นเกษตรกรที่ยังไม่มีเอกสารแสดงการอนุญาตจากหน่วยงานของรัฐหรือยินยอมให้ใช้ทำประโยชน์ทางการเกษตร ได้รับความช่วยเหลือในการประกันรายได้ ตามวัตถุประสงค์และกรอบแนวทางการดำเนินงานของโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ 2 และอนุมัติให้ปรับแก้วิธีการกำหนดราคากลางอ้างอิง เป็นประกาศทุก 1 เดือน จากเดิมประกาศทุก 2 เดือน ทั้งนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์จะเริ่มจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างงวดแรก นับตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2563 เป็นต้นไป ให้แก่เกษตรกรผู้มีสิทธิ์ทุกกลุ่มตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ 2 รวมทั้งสิ้น 1.82 ล้านราย

            5. “รถไฟฟ้าหลายสี” เรียกว่าผุดรถไฟฟ้ากันหลากหลายสี หลากหลายเส้นทางในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อเชื่อมต่อการคมนาคมทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งล่าสุดกลางเดือนธันวาคม 2564 นายกรัฐมนตรียังได้ขน ครม.ทั้งคณะไปนั่งทดลองขบวนรถไฟสายสีแดง สถานีกลางบางซื่อ-สถานีดอนเมือง ซึ่งจะเปิดให้บริการประชานเต็มรูปแบบในปี 2564 พร้อมเยี่ยมชมโปรเจ็กต์ใหญ่อย่าง “สถานีกลางบางซื่อ” ที่จะเป็นศูนย์กลางระบบรางที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ที่สามารถเปลี่ยนถ่ายการเดินทางระบบราง ทั้งรถไฟทางไกล รถไฟความเร็วสูง รถไฟฟ้าเชื่อมสนามบิน และรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในเขตดอนเมือง สายสีน้ำเงิน สายสีม่วง สายสีเขียว สายสีแดงเข้ม และสายสีแดงอ่อน เชื่อมต่อการเดินทางระบบรางอื่นๆ เช่นรถไฟฟ้ามหานคร (MRT) รถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อมภูมิภาค รถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน รวมทั้งเชื่อมโหมดการเดินทางในรูปแบบอื่นๆ ทั้งสถานีขนส่งผู้โดยสาร สถานีรถโดยสารประจำทาง และจะพัฒนาพื้นที่รอบๆ ในเชิงพาณิชย์ด้วย

            อย่างไรก็ตาม จากผลงานเด่นข้างต้น ทุกโครงการได้รับการสานต่อและขยายในระยะต่อๆ ไป ซึ่ง “พล.อ.ประยุทธ์” ยังได้มีแนวคิดที่จะผุดโครงการในลักษณะนี้ต่อเนื่อง เพื่อช่วยเหลือประชาชนในปี 2564 อีกด้วย.

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"