ต้องทำใจอยู่กันแบบแห้งๆ


เพิ่มเพื่อน    

 

        ค่อยยังชั่วขึ้นมาหน่อย...ช่วงระหว่างนี้ ที่ยังพอได้มีโอกาสลุ้น น้องเมย์ น้องบาส น้องปอป้อ ฯลฯ ในรายการแบดมินตัน โยเน็กซ์ ไทยแลนด์ โอเพน ที่เปิดฉาก เปิดผ้าม่านกั้ง ตั้งแต่ช่วงวันอังคารที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา ไม่งั้น...ต้องเรียกว่า แบบบ์บ์บ์แห้งง์ง์ง์ ระดับแห้งแหงแก๋ พอๆ กับบรรดาพ่อค้า แม่ค้า ที่แทบขายอะไรไม่ออกในช่วงโควิด อะไรประมาณนั้น...

                         --------------------------------------------------

            คือความเป็น ผีบ้าบอล แบบในช่วงก่อนๆ หลังๆ นี้ออกจะเซาๆ ลงมามั่งแล้ว เพราะความเป็น ธุรกิจ ที่มันเข้าไปนุงนัง นัวเนีย กับวงการกีฬาประเภทนี้จนเกินเหตุ ก็เลยแทบไม่ได้สนใจอะไรมาก ไม่ว่าผีแดง หงส์แดง ราชันชุดขาว เจ้าบุญทุ่ม ม้าลง ม้าลาย หรือเสือใต้ ฯลฯลฯ หันไปดูแบด ดูเทนนิส ที่มันไม่ต้องเสียเวลาซื้อตัว ย้ายค่ง ย้ายค่าย ก็เรียกว่า...พอประทังไปได้ สำหรับผู้ที่แม้จะแก่ แสนแก่ แต่ยังพร้อมที่จะ บิดไป-บิดมา กับการ ลุ้น อะไรต่อมิอะไรในแวดวงกีฬาแต่ละประเภท...

                        --------------------------------------------------

            แต่ก็คงต้องยอมรับเอาจริงๆ นั่นแหละว่า...แม้จะมีแบด มีเทนนิส ให้ตามลุ้น ตามดู อยู่มั่ง แต่ก็ออกจะเป็นอะไรที่ แห้งผาก กว่าแต่ก่อนอยู่ตามสมควร โดยเฉพาะสำหรับนักกีฬาแต่ละประเภท ที่ต้องไล่เตะ ไล่ถีบ ไล่ตบ ไล่ฟาด ฯลฯ ท่ามกลางความวิเวกและวังเวง หรือความเงียบปานป่าช้า ภายในสนามกีฬาแต่ละแห่ง ซึ่งต่างต้องจำกัดจำนวนคนดู หรือห้ามไม่ให้คนเข้าไปดูในสนาม ให้นั่งปอกกล้วยเปลี่ยวในบ้านร้าง ดูการ ถ่ายทอดสด ทางทีวีไปตามเรื่อง ตามราว อันเนื่องมาจากท่านเชื้อโควิดอีกนั่นแหละ ที่ทำให้ไม่ว่าจะเตะ จะถีบ จะตบ จะฟาด จะโชว์พาว ฯลฯ กันในแบบไหน อย่างไร ทุกสิ่งทุกอย่าง...ย่อมมีอันต้องเป็นไปในแบบ “วังเอ๋ย...วังเวง หง่างเหง่ง ย่ำค่ำระฆังขาน ฝูงวัว-ควายพ่ายลาทิวาการ ค่อยๆ ผ่านท้องทุ่งมุ่งถิ่นตน” อะไรประมาณนั้น...

                              ------------------------------------------------------

            ด้วยอิทธิฤทธิ์ อิทธิเดช ของท่านเชื้อโควิดนั้น...คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้นั่นแหละว่า ท่านออกจะ เอาเรื่อง มิใช่น้อย ไม่ใช่แต่เฉพาะเรื่อง สุขภาพ เรื่องไอ เรื่องจาม เหน็ดเหนื่อย อ่อนเพลีย ปุ่มรับรสไม่ทำงาน ฯลฯ อะไรทำนองนั้น แต่ยังลงลึกไปถึงเรื่องเศรษฐกิจ การเงิน การทอง ไปจนถึงเรื่องความเป็นไปทางสังคม ที่จะไปกรี๊ดๆ กร๊าดๆ เฮโน่น เฮนี่ แบบเก่าๆ แทบเป็นไปไม่ได้เอาเลย ไม่ใช่แค่ต้องดูแบด ดูเทนนิส แบบแห้งๆ แบบตามมี-ตามเกิด เห็นว่า...ขนาด โอลิมปิก ที่อุตส่าห์ชักสะพานแหงนถ่อรอมานาน ไม่ยอมตายโหง ตายห่า ไปก่อนกำหนดการเหมือนใครเขา แต่ทำท่าว่าอาจต้อง เลื่อน กันไปอีกหรือไม่ ก็ยังไม่แน่สำหรับโอลิมปิกที่ญี่ปุ่น แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...เห็นว่าคนญี่ปุ่นเกือบ 70 เปอร์เซ็นต์ ไม่อยากให้แห่มาจัดที่ญี่ปุ่นกันอีกซะแร้นน์น์น์...

                        --------------------------------------------------------

            หรือหากจัด...ก็อาจให้วิ่งไป-วิ่งมา แค่นักกีฬาเท่านั้น หรือให้ หง่างเหง่ง ย่ำค่ำระฆังขาน แบบเดียวกับบรรดากีฬาประเภทอื่นๆ ไม่งั้น...ถ้าหาก แรงงานพม่า ท่านเกิดคิดอยากจะดูโอลิมปิกในสนาม หรือพวก บ่อนระยอง บ่อนชลบุรี ฯลฯ อยากจะไปท้าพนันกันในดงซากุระขึ้นมาจริงๆ แล้วละก็ เผลอๆ...รัฐบาลญี่ปุ่นอาจต้องเตรียม ตั้งคณะกรรมการ ขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริงและวินัย ตามแบบฉบับ บิ๊กตู่ บ้านเรา เอาเลยก็ไม่แน่ พูดง่ายๆ ว่า...ลองถ้าใครต่อใครติดเชื้อกันหวิดๆ จะร้อยๆ ล้านเข้าไปแล้ว ไม่ว่ายุโรป อเมริกา เอเชีย แอฟริกา ลาตินอเมริกา ไปยันถึงแอนตาร์กติกโน่นเลย โอกาสจะเปิดช่อง เปิดทาง ให้บรรดาผู้คนเหล่านี้ แห่เข้ามาชมโอลิมปิกกันกลางสนาม ย่อมมีแต่เสี่ยงกับเสี่ยงลูกเดียวเท่านั้นเอง แล้วจะโยนบาป หรือจะซื้อเวลา แบบเดียวกับบ้านเรา ก็น่าจะไม่ถึงกับ เข้าท่า มากมายซักเท่าไหร่...

                               ---------------------------------------------------------      

            ด้วยเหตุนี้ ความเป็นสังคม ในแบบเก่าๆ เดิมๆ มันเลยออกจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอยู่บ้างไม่มากก็น้อย คืออาจต้องอยู่กันแบบ แห้งๆ ไปจนกว่าท่านเชื้อโควิด ท่านจะหมดฤทธิ์ หมดเดช ไปแล้วจริงๆ อะไรประมาณนั้น หรือคงต้อง ทำใจ และ ทัมใจ กันไปตามสภาพ คือระหว่างทำใจก็อาจต้องหันไปคว้ายาแก้ปวดหัวมากรอกปากซักซอง-สองซอง พอให้หายอาการวิงเวียน ปวดเศียร เวียนเกล้า ท้องเฟ้อ เรอเปรี้ยว ลงไปได้มั่ง แต่อย่าถึงกับไปโกรธ กริ้ว ฉิวฉุน เกลียด เคียดแค้น อาฆาต-พยาบาทและชิงชัง ระดับต้องหันไปคว้ายา เคนมผง อันอาจส่งผลให้ตัวตนของตน อาจต้องหงายท้องตึง เด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะเท่งทึง แบบบรรดาพวกเด็กๆ เอาง่ายๆ...

                         -----------------------------------------------------------

            คือบรรดา ความเปลี่ยนแปลง ที่มันกำลังจะมาถึง...มันคงไม่ใช่แต่เฉพาะเรื่องสุขภาพร่างกาย เรื่องการเมือง เศรษฐกิจ แต่เพียงเท่านั้น เพราะอย่างที่ว่าเอาไว้แล้วนั่นแหละว่า หลายต่อหลายอย่างมันออกจะ ซึมลึก ไปถึงเรื่องทัศนคติ อารมณ์-ความรู้สึก ไปจนถึงค่านิยม ประเพณี ทางสังคมเอาเลยก็ว่าได้ ดังนั้น...อย่าไป ประเมิน อะไรต่อมิอะไร ต่ำเตี้ย จนเกินไป โดยเฉพาะผู้ที่มีอำนาจ-หน้าที่ รวมทั้ง ความรับผิดชอบ ในด้านความมั่นคงในแต่ละด้าน ที่จะต้องหาทาง ทำการบ้าน เอาไว้ซะแต่เนิ่นๆ เพื่อความอยู่-เย็น-เป็นสุขของชาติบ้านเมือง สามารถดำรง คงอยู่ ได้อย่างยั่งยืนและสถาวรสืบไป ส่วนสิ่งที่เรียกๆ กันว่า รัฐบาล นั้น อย่าถึงกับต้องไปยึดมั่น-ถือมั่น จนอาจก่อให้เกิดอาการ โรคประสาท ตามไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้ อะไรก็ตามที่เป็นเพราะ สิ่งนี้-สิ่งนี้ ย่อมต้องกลายเป็นเงื่อนไขและเหตุปัจจัย อันจะนำมาซึ่ง สิ่งนี้ อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้

                          ----------------------------------------------------------

            ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้จาก Alvin Toffler”... Change is not merely necessary to life. It is life. – ความเปลี่ยนแปลงไม่ใช่แค่สิ่งจำเป็นสำหรับชีวิต แต่มันคือ...ชีวิต...เลยทีเดียว”.

                          ---------------------------------------------------------

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"