หลักหินเสมา 2หลัก "สมัยทวารวดี"โผล่ที่กาฬสินธุ์ กรมศิลป์ฯ รุดตรวจสอบ


เพิ่มเพื่อน    

15ม.ค.64-นายประทีป เพ็งตะโก อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2564 กรมศิลปากร โดย สำนักศิลปากรที่ 9 อุบลราชธานี และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ร้อยเอ็ด ได้เข้าตรวจสอบหลักหินเสมา2 หลัก ที่บ้านกุดตาใกล้ หมู่ 4 ต.สายนาวัง อ.นาคู จ.กาฬสินธุ์ โดยชาวบ้านกุดตาใกล้ได้ทำการขุดเปิดพื้นที่บริเวณบ้านของนายธงชัย คะโยธา ราษฎรบ้านกุดตาใกล้ จึงได้พบหลักหินดังกล่าว 


อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่ พบว่าหลักหินที่ขุดพบมีลักษณะเป็นเสาหินทรายแปดเหลี่ยม จำนวน 2 หลัก ขนาดกว้าง 55 ซม. สูง 212 ซม. และ กว้าง 60 ซม. สูง 177 ซม. สภาพไม่สมบูรณ์ ส่วนเดือยของหลักหินที่หักออก มีขนาดกว้าง 44 ซม. สูง 92 ซม. ชาวบ้านกุดตาใกล้  ได้ให้ข้อมูลว่า ก่อนหน้านี้จมดินอยู่โดยโผล่พ้นดินขึ้นมาบางส่วน หลังจากนั้นมีการนำดินขุดสระมาถม แต่ยังเป็นที่รับรู้ของคนในชุมชนว่ายังมีหลักหินอยู่ในจุดดังกล่าว จนกระทั่งได้ขุดเปิดพื้นที่และพบหลักหินทั้งสองหลักนี้อีกครั้ง โดยตนได้สั่งการให้สำนักศิลปากรที่ 9 อุบลราชธานี เก็บข้อมูลรายละเอียดพร้อมจัดทำแผนผังที่พบ เพื่อดำเนินการขุดค้นทางโบราณคดีต่อไป 


นายประทีปกล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันกรมศิลปากรมีนโยบายในการศึกษาความสัมพันธ์ของใบเสมาทวารวดีกับการตั้งชุมชนและพื้นที่ใช้งานทางวัฒนธรรมช่วงทวารวดีในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยให้เป็นการดำเนินการร่วมกันระหว่างสำนักศิลปากรที่ 8 ขอนแก่น สำนักศิลปากรที่9 อุบลราชธานี และสำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา เพื่อศึกษารวบรวมองค์ความรู้เกี่ยวกับเสมาโบราณที่พบกระจายตัวหนาแน่นในภาคอีสานที่สัมพันธ์กับการตั้งชุมชนในวัฒนธรรมทวารวดีในพุทธศตวรรษที่ 13- 18  โดยมีแหล่งสำคัญ เช่น เมืองจำปาศรี อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม เมืองเสมา อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา และเมืองคอนสวรรค์ จังหวัดชัยภูมิ เป็นต้น  


สำหรับในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ซึ่งเป็นแหล่งสำคัญของวัฒนธรรมทวารวดี ที่ผ่านมามีรายงานการพบแหล่งเสมาโบราณหนาแน่นมากกว่าจังหวัดอื่น โดยมีแหล่งสำคัญอยู่ที่เมืองโบราณฟ้าแดดสงยาง ตำบลหนองแปน อำเภอกมลาไสย และที่บ้านหนองห้าง ตำบลหนองห้าง อำเภอกุฉินารายณ์ เป็นต้น  โดยแหล่งบ้านกุดตาใกล้นี้จะเข้าเป็นส่วนหนึ่งของโครงการศึกษาความสัมพันธ์ของใบเสมาทวารวดีฯ ด้วยเช่นกัน สิ่งที่สำคัญที่สุดของการพบเสมาทั้ง 2 หลักนี้ คือเป็นการพบหลักฐานในแหล่งดั้งเดิม ที่นักโบราณคดีจะยังมีโอกาสศึกษาชั้นดินที่พบ รวมถึงเก็บข้อมูลบริบทแวดล้อมทางโบราณคดีได้มากกว่าใบเสมาส่วนใหญ่ที่ถูกเคลื่อนย้ายไปแล้ว และสูญเสียข้อมูลที่จะเป็นประโยชน์ในทางการศึกษาวิจัยทางโบราณคดีไปอย่างน่าเสียดาย

 ทั้งนี้ ในเบื้องต้นท้องถิ่นแจ้งความประสงค์จะเก็บรักษาเสมาทั้งสองหลักไว้ในพื้นที่ โดยจะดำเนินการขออนุญาตกรมศิลปากรตามข้อกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อพัฒนาให้เป็นแหล่งเรียนรู้ภายในท้องถิ่นต่อไป


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"