หลังถูกกดดันหนักจากทั่วสารทิศ สุดท้ายรัฐบาลก็ออกมาตรการเยียวยาพี่น้องประชาชน จากการออกคำสั่งควบคุมพื้นที่สูงสุดในหลายจังหวัด ทำให้ต้องปิดสถานประกอบการต่างๆ เป็นเหตุให้นายจ้าง ลูกจ้าง คนหาเช้ากินค่ำต้องหยุดงาน ไร้เงินเลี้ยงปากท้องตัวเองและครอบครัว

                แต่เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ พร้อมทีมเศรษฐกิจรัฐบาล นำโดย นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.การคลัง ยืนเรียงแถวหน้ากระดานแถลงข่าวผลักดันสารพัดการเยียวยาประชาชน ที่โดดเด่นมีอาทิ ข้อ 1 ลดค่าไฟฟ้า 2 เดือนตามใบแจ้งหนี้ตั้งแต่ กุมภาพันธ์-มีนาคม 2564 โดยให้ใช้ไฟฟ้าฟรี 90 หน่วยแรก  โดยให้สำหรับบ้านพักอาศัยที่ใช้ไฟไม่เกิน 150 หน่วยต่อเดือนเท่านั้น สำหรับบ้านพักอาศัยที่ใช้ไฟเกิน 150 หน่วยต่อเดือน จะเป็นการให้ส่วนลดค่าไฟตามเงื่อนไข ทั้งนี้ไม่รวมส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ ที่ให้สิทธิ์ใช้ไฟฟรี 50 หน่วยแรกเท่านั้น

ข้อ 2 ลดค่าน้ำ 10% เป็นระยะเวลา 2 เดือนตามใบแจ้งหนี้กุมภาพันธ์-มีนาคม 2564 การเยียวยาโควิดตามมาตรการนี้สงวนไว้เฉพาะบ้านที่อยู่อาศัย และกิจการขนาดเล็ก ไม่รวมส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ

            ข้อ 3 ช่วยเหลือค่าอินเทอร์เน็ต เพื่อเพิ่มความเร็วอินเทอร์เน็ตบ้านและโทรศัพท์มือถือ ในการสนับสนุนการทำงานที่บ้านหรือ Work From Home รวมทั้งสนับสนุนการโหลดแอปพลิเคชันหมอชนะฟรี โดยไม่คิดค่าดาตาเป็นระยะเวลา 3 เดือน

            ข้อ 4 โครงการคนละครึ่ง ให้ขยายสิทธิ์เพิ่มอีก 1 ล้านสิทธิ์ โดยโครงการดังกล่าวจะเริ่มเปิดให้ลงทะเบียนในวันที่ 20 มกราคมนี้ ก่อนที่จะสามารถใช้สิทธิ์ได้ในวันที่ 25 มกราคม 2564 เป็นต้นไป

                ข้อ 5 มาตรการ "เราชนะ" จ่ายเงินเยียวยารายละ 3,500 บาท สองเดือน คล้ายๆ เราไม่ทิ้งกัน คือช่วยเหลืออาชีพอิสระและแรงงานนอกระบบ อาทิ พ่อค้า แม่ค้า ผู้ขับแท็กซี่ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง รวมทั้งเกษตรกร เป็นระยะเวลา 2 เดือน คาดว่ามีอยู่ราว 30-35 ล้านคน และได้รับเงินเยียวยาภายใต้โครงการเราชนะ

            โดยนายสุพัฒนพงษ์ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ขยายความมาตรการนี้ว่า "การเยียวยาครั้งนี้จะช่วยเหลือ 2 เดือนก่อน เพราะขณะนี้สถานการณ์การควบคุมโรคระบาดทำได้ดีขึ้น มีจำนวนผู้หายป่วยต่อวันมากกว่าผู้ป่วยใหม่ ซึ่งเชื่อมั่นว่าในครั้งนี้เราสามารถควบคุมการระบาดได้ดีขึ้น และมั่นใจว่าจะใช้เวลาไม่เกินเดือน ก.พ.ถึงกลางเดือน มี.ค.64 ซึ่งเป็นผลมาจากความรู้และความพร้อมทางการแพทย์ และการร่วมมือกับประชาชน ทำให้สามารถรับมือกับการแพร่ระบาดได้ดีมากกว่าเดิม โดยจะมีการนำไปเสนอคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ 19 มกราคม 2564 และต้องรอรายละเอียดที่ชัดเจนต่อไป" รองนายกฯ กล่าว

            มาช้ายังดีกว่าไม่มา แม้มาตรการดังกล่าวจะไม่ถูกใจใครไปเสียทั้งหมด แต่อย่างน้อยก็ต้องชมเชยรัฐบาล ที่กล้าใช้เงินเยียวยาบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน และยังกลบกระแสที่ถูกกล่าวหาว่าไม่กล้าล็อกดาวน์เพราะถังแตก  ไม่มีเงินจ่ายค่าเยียวยา อีกทั้งยังได้รับสัญญาณที่ดีจากภาคธุรกิจ อย่างศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ออกมาตีปี๊บว่ารัฐบาลเกาถูกที่คัน และสามารถช่วยพยุงเศรษฐกิจให้โตขึ้นร้อยละ 2.5 ประกอบกับในเดือน ก.พ.นี้เป็นต้นไป กำลังจะมีวัคซีนเข้ามาทยอยฉีดให้คนไทยฟรีตามลำดับความสำคัญ

            นอกจากเรื่องดังกล่าวแล้ว ยังมีอีกประเด็นสำคัญที่ประชาชนเฝ้าติดตามการทำงานของรัฐบาลไม่แพ้การแก้ปัญหาโควิด ก็คือการปราบบ่อนและแรงงานเถื่อน ซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้โควิดระบาดในรอบสอง เพราะสังคมประทับตราว่าเป็นเพราะเจ้าหน้าที่รัฐ อาทิ ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ปล่อยปละละเลยในการทำหน้าที่ และยังตั้งข้อสังเกตว่าเป็นหัวโจกของขบวนการนี้ด้วยหรือไม่

ที่ผ่านมารัฐบาลจับได้แค่ปลาซิวปลาสร้อย และลงโทษย้ายตำรวจ ข้าราชการเข้ากรุ พอข่าวเงียบก็ย้ายกลับมา จึงเกิดคำถามไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ในฐานะกำกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าจริงจังจริงใจจัดการเรื่องนี้ หรือแค่ซื้อเวลาอย่างที่ผ่านมา เพราะตั้งแต่ดำรงตำแหน่งนายกฯ ครั้งรัฐประหารเมื่อปี 2557 ก็ไม่เห็นทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน และไม่สามารถปฏิรูปประเทศไทยได้สักเรื่อง

ล่าสุด แม้มีคำสั่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบกรณีการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย จนเป็นเหตุให้เกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 มีนายภักดี โพธิศิริ อดีตคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ  (ป.ป.ช.) เป็นประธาน และแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำความผิดกรณีสถานที่เล่นการพนันเป็นเหตุให้โควิด-19 แพร่ระบาด มีนายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธาน ก็ใช้เวลาเกือบเดือน อีกทั้งยังไม่ได้รับความเชื่อถือจากสังคมที่เบื่อหน่วยกับระบบการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา ที่มองว่าเป็นการซื้อเวลาอีกตามเคย

อย่างเช่นชุดของ นายวิชา มหาคุณ ประธานสอบสวนข้อเท็จจริงคดีบอส หรือนายวรยุทธ อยู่วิทยา ขับรถชนตำรวจเสียชีวิต เป็นต้น ที่บัดนี้ไม่รู้ความคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว และแนวทางล่าสุดเตรียมปัดฝุ่นปลุกผีแนวคิดเรื่องบ่อนในประเทศไทย จะทำให้ถูกกฎหมายได้หรือไม่

หลังก่อนหน้า พล.อ.ประยุทธ์ ถึงกับออกอาการเหมือนจะยอมแพ้ และโยนความรับผิดชอบไปให้ประชาชน โดยระบุว่า "ไม่มีใครทำได้สำเร็จเพียงคนเดียว ต่อให้ร้อยนายกฯ ก็ทำไม่ได้ ถ้าทุกคนไม่ร่วมมือกัน ไม่ว่าใครจะเก่งกาจสามารถแค่ไหนก็ทำไม่ได้ทั้งนั้น ผมก็ไม่ได้รับว่าผมเก่งที่สุด แต่ผมมีความตั้งใจ มีเจตนารมณ์ที่บริสุทธิ์ที่จะทำทุกอย่างให้ได้"

ไม่เพียงแต่ฝ่ายค้านที่ออกมาถล่มเละเทะ แม้ฝ่ายหนุนก็รับไม่ได้ และต้องออกมาทวงถามความรับผิดชอบในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อย่างนายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการด้านกฎหมาย ถึงกับเผยแพร่บทความด่วน เรื่อง "ความรับผิดชอบของตำแหน่งนายกรัฐมนตรี" ตอนหนึ่งระบุว่า....

ถาม ถ้าทำอย่างนี้แล้ว ยังมีบ่อนซ่อนอยู่ในป่าช้าอีก ยังจะต่อว่านายกฯ กันอีกไหม

                ตอบ เราวิพากษ์เฉพาะความรับผิดชอบของนายกฯ เท่านั้น ถ้าเขาทำเต็มที่แล้วมันยังแอบเล่นกันอยู่อีก ก็เป็นเรื่องธรรมดาธรรมชาติ ไม่ว่ากัน ปัญหาสำคัญจริงๆ ในทุกวันนี้ มันอยู่ที่ตัวนายกฯ ลุงตู่เท่านั้น  

                ถาม ลุงตู่ไปมีนอกมีในกับเขาหรือ

                ตอบ ตรงนั้นยังไม่สงสัย ที่เราสงสัยกันมากขึ้นทุกวันมันอยู่ตรงที่ว่า แท้จริงนั้นท่านอาจจะไม่รู้จักความรับผิดชอบของตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเลยก็ได้

                หรือขออนุญาตแปลตรงๆ ว่า หาก “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ผู้มีอำนาจสูงสุด ยังปราบบ่อนไม่ได้ หรือไม่กล้าทำ ก็ควรลาออกไป ใช่หรือไม่?