'ประชาธิปัตย์'สลับบทบาท ในศึกซักฟอกปี 2564


เพิ่มเพื่อน    

       สำหรับความคืบหน้าการอภิปรายไม่ไว้วางใจขณะนี้ ตกลงกันได้เฉพาะว่าเริ่มต้นวันที่ 16 ก.พ. แต่จะลากยาวกี่วันยังไม่ทราบ เพราะต้องรอให้วิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้านหารืออีกครั้ง หลัง “ชวน หลีกภัย” ประธานสภาผู้แทนราษฎร สั่งบรรจุเป็นวาระการประชุม

            อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา ฝ่ายค้าน 6+2 ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ พรรคเพื่อชาติ และพรรคพลังปวงชนไทย อีกทั้งขาจร ได้แก่ พรรคเศรษฐกิจใหม่ และพรรคไทยศรีวิไลย์ ได้ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล จำนวน 10 คน เป็นที่เรียบร้อย 

            ตอนแรกปาไป 11 ชื่อ แต่สุดท้ายเคาะเหลือ 10 คน ว่ากันว่าชื่อสุดท้ายคือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีการระบุข้อมูลว่า ชื่อของ ร.อ.ธรรมนัส ฝ่ายค้านพูดคุยกันตั้งแต่แรก แต่เสียงแตกว่าควรหรือไม่ควรจะยื่นซักฟอก 

            แต่นาทีสุดท้ายพรรคร่วมฝ่ายค้านอย่าง “พลังปวงชนไทย” ยืนกรานมีข้อมูลและหลักฐานชัดเจนที่จะอภิปราย ที่ประชุมจึงอนุมัติให้ 

            ฉะนั้นก็ต้องรอดูว่า “นิคม บุญวิเศษ” หัวหน้าพรรค จะงัดเอกสารอะไรมัดฤาษีเลี้ยงลิง

            กลับมาที่ข้อกล่าวหาของฝ่ายค้าน เมื่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจปี 63 ยื่นเพียงแค่ 6 คน ได้แก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่ากระทรวงการต่างประเทศ และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

            จะเห็นว่าไม่มีรัฐมนตรีในสัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์แม้แต่คนเดียว 

            แต่สำหรับศึกซักฟอกในเดือน ก.พ. ปี 64 ฝ่ายค้านจัดให้ 2 คน คือ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ “นิพนธ์ บุญญามณี” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย 

            โดยฝ่ายค้านระบุถึง “จุรินทร์” ว่าบริหารราชการแผ่นดินบกพร่อง ล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ภูมิปัญญา ไร้ความสามารถ ไร้คุณธรรม จริยธรรม ไร้ภาวะผู้นำ ไร้สำนึก ไร้ความรับผิดชอบ ลอยตัวหนีปัญหา เลือกปฏิบัติ พูดอย่างทำอย่าง ไม่ยึดถือหลักธรรมาภิบาล และไม่ปฏิบัติตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี แต่งตั้งบุคคลที่ไม่มีคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถ เข้ามาเพียงเพื่อแสวงหาประโยชน์แก่ตนเองและพวกพ้อง ในลักษณะแบ่งแยกหน้าที่กันทำ ทุจริตในหน่วยงานที่กำกับ 

            มีพฤติกรรมฉ้อฉล ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต จงใจปกปิดข้อมูล ปกป้องการทุจริตและแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ใช้อำนาจด้วยความไม่ซื่อสัตย์สุจริต ไม่เสียสละ ไม่เปิดเผย และไม่มีความรอบคอบ ระมัดระวังในการดำเนินกิจการต่างๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชนส่วนรวม ผลของการปฏิบัติและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้หน่วยงานของรัฐในกำกับเกิดความเสียหาย ส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนอย่างร้ายแรง

            ส่วน “นิพนธ์” ฝ่ายค้านกล่าวหาว่าไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดคุณธรรมและจริยธรรม ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์ให้ตนเองและพวกพ้อง ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ

            เก็งข้อสอบกันว่า “จุรินทร์” น่าจะถูกอภิปรายเกี่ยวกับกระบวนการหน้ากากอนามัยและถุงมือยางที่มีข่าวอื้อฉาวมาก่อนหน้านี้ ซึ่งเจ้าตัวกล่าวว่า ไม่มีปัญหา เพราะตนเป็นนักการเมือง ไม่กลัวที่จะถูกตรวจสอบ และยินดีที่จะชี้แจงทุกคำถาม ถ้าไม่โกงก็ไม่ต้องกลัวอะไร ขอเพียงโอกาสและเวลาในการชี้แจงทุกเรื่อง ดีด้วยซ้ำที่ตนจะได้ชี้แจงในประเด็นต่างๆ ควบคู่กับการเสนอผลงานด้วย 

            สำหรับ “นายหัวนิพนธ์” บ่นอุบปวดหัวมากว่าเขาจะกล่าวหาอะไร เพราะอ่านคำกล่าวหาของฝ่ายค้านมันสั้นมากๆ จนแกะไม่ออกว่าจะกล่าวหาเรื่องอะไร แต่ส่วนตัวคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องที่ไปเห็นดีเห็นงามกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อปี 59 ให้สร้างโครงการเมืองอุตสาหกรรมใหม่ที่อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ซึ่งตนเป็นคนจะนะโดยกำเนิด อาจจะเป็นเรื่องนี้หรือไม่

                “รมช.มหาดไทย” กล่าวด้วยว่า ถ้าเป็นเรื่องนี้จริง ก็ต้องบอกว่าตามหลักการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะต้องเป็นเรื่องตอนที่ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรี ไม่ใช่เรื่องเก่าของรัฐบาลที่แล้ว ซึ่งตนก็ไม่ได้เป็นรัฐมนตรีในขณะนั้น 

            อย่างไรก็ตาม นี่คือการพลิกบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะที่ผ่านมาอาจคุ้นชินกับการเป็นฝ่ายค้าน มีความเชี่ยวชาญหาหลักฐานเอกสารมัดฝ่ายบริหารราชการแผ่นดิน แต่ครั้งนี้ตัวเองในฐานะที่เป็นฝ่ายรัฐบาลก็ต้องโดนตรวจสอบบ้าง ซึ่งเป็นไปตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย 

            เช่นเดียวกับพรรคเพื่อไทย ไม่ค่อยชำนาญกับการรับบทผู้ตรวจสอบ แต่ก็ต้องทำตามหน้าที่ของฝ่ายค้าน ซึ่งเมื่อศึกปีที่แล้วดูทุลักทุเลชอบกล และเกือบเสียพรรคร่วมไปพรรคหนึ่ง อันเกิดจากเหตุมีคนบางคนในพรรคเพื่อไทยสกัด อภิปรายกินเวลาของพรรคอนาคตใหม่  

            กระนั้น รอบนี้เขาจูบปากรวมพลังสามัคคีกันแล้ว ถึงขั้น “บิ๊กก้าวไกล” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ออกมาคอนเฟิร์มว่า

                “พวกเรามีความเป็นเอกภาพ อย่าเสียเวลาไอโอ” 

                เอาละ งานนี้ก็เอาใจช่วย หวังว่าจะมีอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันมากกว่าครั้งที่ผ่านมาแล้วกัน.

   

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"