ศึกน้ำลายบูด...เริ่มต้นขึ้นแล้ว!!!


เพิ่มเพื่อน    

        ฮื่ออ์อ์อ์...สรุปว่าตัดสินใจ ฟาด แบบเหวี่ยงไป-เหวี่ยงมา กันไปถึง 10 ราย 10 พระหน่อ หรือ 10 รัฐมนตรีด้วยกัน สำหรับการ อภิปรายไม่ไว้วางใจ ของแกนนำพรรคฝ่ายค้าน อย่างพรรค เผาไทย ในเที่ยวนี้ โดยเฉพาะ พี่น้อง 3 ป. ไม่ว่า ป.ประยุทธ์ ป.ประวิตร หรือ ป.ป๊อก พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา ต่างโดนกันไปครบหมด...

                 -----------------------------------------------------

            แถมยังลากเอาพรรคร่วมรัฐบาลระดับ คีย์แมน ไปด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่าภูมิใจไทย ประชาธิกัด กปปส. ไปจนผู้ควบคุม คอนโทรล พรรคเล็ก-พรรคน้อย อย่าง ผู้กองมนัส เข้ามาเป็น เหยื่อ แบบสมบูรณ์ เบ็ดเสร็จ แต่สุดท้าย...ทุกสิ่งทุกอย่างจะออกไปทางบทเพลงคลาสสิกของคุณปู่ ถนัดศรี ผู้วายชนม์ไปแล้วเมื่อไม่กี่ปีมานี้ นั่นคือเพลง... “ฉันนั่งตกปลาอยู่ริมตลิ่ง...แปลกใจเสียจริงปลาไม่กินเหยื่อ...นั่งตกอยู่นานจนฉันนึกเบื่ออ์อ์อ์ ฮื้อฮือ ฮือหึ่ม ฯลฯ” หรือไม่ อย่างไร อันนั้น...คงต้องคอยไปติดตามกันอีกที แต่เอาเป็นว่า ยังไงๆ คงต้อง น้ำลายบูด กันไปอีก 3 วัน 8 วัน หรืออีกกี่วันก็ยังมิอาจสรุปได้...

                           --------------------------------------------------

            อย่างไรก็ตาม...การปะทะทางการเมืองอย่างเป็นทางการ เป็นระบบและกระบวนการของ พรรครัฐบาล และ พรรคฝ่ายค้าน ช่วงหลังๆ นี้ คงต้องยอมรับเอาจริงๆ นั่นแหละว่า ออกจะคล้ายๆ กับบรรยากาศการปะทะกันและกันระหว่างทีมฟุตบอลสโมสร เวสต์บรอมวิช ที่ต้องลงไปฟาดแข้ง โม่แข่ง กับทีมสโมสร เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด อะไรประมาณนั้น คือไม่ว่ามันซ์ซ์ซ์-ไม่มันซ์ซ์ซ์ มันซ์ซ์ซ์เขา หรือมันซ์ซ์ซ์เรา แต่ด้วยเหตุเพราะต่างก็เป็น ทีมท้ายตาราง ไปด้วยกันทั้งคู่ อยู่ราวๆ อันดับ 19-20 มีสิทธิ์ ตกชั้น ในฤดูกาลหน้าไปด้วยกันทั้งสองทีม ดังนั้น...ไม่ว่าจะดึงเสื้อ เสียบขาหลัง ถ่มถุย ฯลฯ กันในระดับไหนก็ตาม แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็น่าจะหนักไปทาง แห้ง...กับ...แห้ง ไม่ได้สร้างแรงดึงดูดให้กับบรรดาคอบอล ผีบ้าบอล แบบประเภท หงส์เจอผี หรือแบบ ศึกวันแดงเดือด เอาเลยแม้แต่น้อย...

                         -------------------------------------------------------

            ต่างไปจากยุคก่อนๆ...ที่เมื่อไหร่ถ้าเกิดการปะทะ การฟาดแข้ง โม่แข้ง กันแบบตรงไป-ตรงมา ระหว่างฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาล ในวาระการอภิปรายไม่ไว้วางใจขึ้นมาแล้วล่ะก็!!! ไม่ว่าใครก็ใครเถอะ...ต่างต้องแปรสภาพตัวเองเป็น แจ๋ว ริมจอ ไปด้วยกันทั้งสิ้น ต้องหอบเสื่อ หอบหมอน นอนเฝ้าหน้าจอทีวีรอดูการถ่ายทอดสดจากรัฐสภา รวมทั้งอาจต้องพกยาทัมใจ ยาบวดหาย ไปจนถึงยาประดงพระสังข์ทรงช้าง ฯลฯ เอาไว้กิน ไว้อม ไว้ดม ไว้ทา ไปจนถึงหยอด สอด เสียบ ระหว่างลุ้นไป-ลุ้นมา อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้ เพราะ ศึกน้ำลาย ของรัฐสภาเมืองไทยนั้น สามารถสร้างความวาบหวิว และวาบหวาม ไปจนถึงความซู้ดซี้ด ซู้ดซ้าด ได้ไม่น้อยไปกว่า ลิเวอร์พรุน เจอ แมนฯ ยูฯ เอาเลยถึงขั้นนั้น...

                         -----------------------------------------------------

            แต่ด้วยเหตุเพราะสภาระยะหลัง...มันแทบไม่หลงเหลือสิ่งที่เรียกว่า ดาวสภา เอาไว้เลยหรือไม่ อย่างไร ก็มิอาจทราบได้ ประเภทปากจัด ปากคม ระดับพอๆ กับมีดโกนยิลเลตต์ทวินแอคชั่น อย่างท่านอดีตนายกฯ คุณพี่ ชวน หลีกภัย ก็ขึ้นชั้น ขึ้นหิ้ง ไปเป็นประธานรัฐสภาไปซะแร้นน์น์น์ ประเภท ตลก 69 แต่ก็มีเนื้อหา สาระ แบบพูดเมื่อไหร่ทุกคนต้องเงี่ยหูฟัง อย่างอาจารย์ ไซรรงค์ ช่วงนี้ก็น่าจะ แขวนปาก หันมาโพสต์โน่น โพสต์นี่กันแทนที่ หรือแบบฟังแล้วเสียวและสยิวขึ้นมาโดยทันที เช่นจ่าสิบเอก ทรงธรรม ปัญญาดี ที่ลา-ละ-สละโลกไปนานแล้ว ผู้ลุกขึ้นมาอภิปรายรัฐมนตรี ลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ ด้วยสุ้มเสียง น้ำเสียงที่ พอร์นฮับ เอามากๆ คือเริ่มต้นประมาณว่า เธอช่างเป็นอะไรที่ขาวว์ว์...ว์ว์ว์ว์ ชนิดผู้ฟังหลับตาเห็นภาพได้ไม่ยาก ฯลฯลฯ อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้น่าจะแทบไม่เหลือ ไม่ได้ติดปลายนวมอยู่ในสภาช่วงหลังๆ อีกต่อไปแล้ว...

                            -----------------------------------------------------

            หรือจะมีเหตุผล กลใด ที่นอกเหนือไปจากนั้น...ก็ยังสรุปได้ลำบาก เช่น ดาว แต่ละดวงอาจแปรสภาพตัวเองไปเป็น ดาวไถ ซะแทนที่ หรือเป็นเพราะการด่าว่า ด่าทอ ไม่ว่าด้วยกรรมวิธีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ การตั้งญัตติ หรือกระทู้ ฯลฯ ใดๆ ก็แล้วแต่ มันออกจะไม่ค่อยมี กาละ-เทศะ หรือไม่ค่อย สมเหตุ-สมผล หรือไม่ อย่างไร ก็ยากจะอธิบาย แต่สรุปเอาเป็นว่า...เอาไป-เอามานับวันมันออกจะ กร่อย ออกจะกรอบ หรือออกไปทางข้าวเกรียบเมืองเพชร เคี้ยวๆ แล้วกลืนๆ กันไปตามเรื่อง ตามราว ไม่ได้ช่วยให้หนักท้อง หรือช่วยให้เกิดประโยชน์โพดผล ต่อบรรดาผู้ที่ชักสะพานแหงนถ่อรอฟังการอภิปรายในแต่ละเรื่อง แต่ละกรณี แต่อย่างใด...

                             -------------------------------------------------------

            แม้แต่พวกเด็กๆ หรือประดาคนรุ่นใหม่ นักการเมืองหน้าใหม่ ที่ช่วงแรกๆ ก็ดูเข้าท่า เข้าทางอยู่พอสมควร ประเภท ติดกระดุม 5 เม็ด 10 เม็ด อะไรทำนองนั้น แต่หลังๆ ตัวเองดัน กระดุมหลุด ไปซะเอง ยิ่งหันไปคว้า ไปยืม เข็มกลัด จากคุณน้อง ธนาธร คุณน้อง บุด น้อง ช่อ อะไรก็แล้วแต่ ไม่ว่าเสื้อ ไม่ว่ากางเกง เลยยิ่งมีแต่ หลวม...กับ...หลวม ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น หรือพูดง่ายๆ ว่าขณะที่ รัฐบาลขาลง เริ่มหล่นไปอยู่อันดับ 19 แบบประเภททีม เวสต์บรอมวิช ฝ่ายค้านดันหันมาแปรสภาพตัวเองให้กลายเป็นทีม เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด หรือทีมอันดับ 20 ไปซะนี่!!! คือไม่ว่าจะเตะจะถีบ เสียบขาหลัง ดึงเสื้อ ถ่มถุย กันไปถึงขั้นไหน สุดท้าย...แนวโน้มที่อาจต้อง ตกชั้น ไปด้วยกันทั้งคู่ จึงมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ...

                           -----------------------------------------------------

            ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้จาก Dick Armey” (อีกครั้ง)... Three groups spend other people’s money: children, thieves, politicians. All three-need supervision. – มีคนอยู่ 3 จำพวกที่ชอบใช้เงินของผู้อื่น นั่นคือ...เด็ก...หัวขโมย และนักการเมือง ซึ่งล้วนแล้วแต่ต้องคอยกำกับ ดูแลให้ดีๆ...”.

                 --------------------------------------------------------

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"