สิ่งที่อยู่เหนือไปกว่า “กฏหมาย”


เพิ่มเพื่อน    

       เพิ่งนึกได้...ว่าอันที่จริงตัวเองก็น่าจะมีสิทธิ์ได้รับ เบี้ยผู้สูงอายุ แบบบรรดาคนแก่ คนชรา ทั้งหลาย ไม่รู้กี่ปีต่อกี่ปีมาแล้ว แต่ก็ด้วยเหตุที่ไม่ได้สนใจ ไม่คิดจะไปทวงถาม โดยถ้าลองบวกๆ คูณๆ รวมๆ ดูแล้ว น่าจะพอประมาณ หรือน่าจะเอาไปช่วยคุณยายอะไรต่อมิอะไรในแต่ละราย ที่กำลังถูกเจ้าหน้าที่คลังทวงเงินคืน อันเนื่องมาจากไม่อาจฝ่าฝืน บิดพลิ้ว ไม่อาจเบี่ยงเบนไปจากหลักปฏิบัติตามตัวบทกฎหมายได้เลยแม้แต่น้อย...

                                                                 ------------------------------------------------

            โดยถ้าว่าไปแล้ว...น่าจะมีคนแก่ คนชรา อีกหลายพัน หลายหมื่น หรือหลายแสนเอาเลยก็ไม่แน่ ที่ไม่คิดจะไปแสดงตัว แสดงตน ในอันที่จะรับทรัพย์ รับเบี้ยเลี้ยงผู้สูงอายุ จากรัฐบาลท่านในแต่ละเดือน แต่ละปี ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าบรรดาเงินเหล่านี้ จะถูกเก็บ ถูกแง้บ หรือถูกงาบ เอาไว้ที่ไหนมั่ง เพราะถ้าหากนำมารวมๆ กันแล้ว น่าจะสามารถโอนไปใช้หนี้ให้กับ ยายบวน หรือยายอะไรก็แล้วแต่ ได้แบบหมดเกลี้ยงทั้งแผง ไม่ต้องเสียเวลาไปงอนง้อเจ้าหน้าที่รัฐบาล ผู้ซึ่งพยายามไม่ละเว้นการปฏิบัติไปตามหน้าที่ หรือพยายามจะยึดหลักกฎหมาย แบบชนิดแข็งทื่อเป็นดุ้นๆ ด้ามๆ ชนิดเล่นเอาบรรดายายๆ อกอีแป้นแทบแตก!!! เพราะไม่ได้รู้หมู่ รู้จ่า ไม่รู้ว่าการรับเงินบำนาญไปแล้ว จะแถมด้วยการรับเบี้ยผู้สูงอายุไม่ได้โดยเด็ดขาด...

                                                               --------------------------------------------------

            แต่ทำไงได้...ในเมื่อกฎหมายย่อมต้องเป็นกฎหมาย ใครก็ตามที่ดันไม่รับรู้ รับทราบ หนีไม่พ้นต้อง ซวยไป อย่างมิอาจปฏิเสธ ไม่ต่างอะไรไปจากชาวบ้าน ชาวช่อง ไม่ว่าประเภทที่อยู่ไกล-อยู่ไม่ไกลจากปืนเที่ยงทั้งหลาย ที่ดันเผลอเข้าไป เก็บเห็ด ในป่า เหมือนอย่างที่เคยทำๆ กันมาตั้งแต่รุ่นพ่อ รุ่นแม่ รุ่นโคตรเหง้าเหล่าตระกูลมาโดยตลอด แต่เมื่อต้องเจอเข้ากับกฎหมายว่าด้วยการอนุรักษ์ธรรมชาติ หรืออนุรักษ์ป่า-เขา-ต้นไม้ ลำธารใดๆ ก็แล้วแต่ หลายต่อหลายรายหนีไม่พ้นต้องหงายท้องตึง ต้องติดคุก ติดตะรางไปแล้วไม่รู้กี่รายต่อกี่ราย เรื่องราวของ กฎหมาย กับ ความยุติธรรม มันเลยเป็นอะไรที่อาจ สวนทาง กันในบางครั้ง บางคราว หรืออาจหลายครั้ง หลายคราว โดยเฉพาะถ้าหากผู้ที่มีอำนาจ ผู้ที่เป็นใหญ่ในบ้านเมือง เกิดไม่สนใจทั้งในเรื่องกฎหมาย และเรื่องความยุติธรรม ไปด้วยกันทั้งสิ้น ทั้งพวง...

                                                                -------------------------------------------------------

            แต่สำหรับผู้ซึ่งเคยมีฐานะเป็นศูนย์รวม ไม่ว่าในด้านจิตวิญญาน หรือภูมิความรู้ในสังคม อย่าง ล้นเกล้าในหลวงรัชกาลที่ 9 ในช่วงที่ยังทรงพระชนม์ชีพอยู่นั้น ไม่ว่าจะเรื่องกฎหมาย หรือเรื่องความยุติธรรม ต่างถือเป็นเรื่องสำคัญเอามากๆ สำหรับองค์พระมหากษัตริย์ ผู้ทรงมีปฐมบรมราชโองการแต่แรก ว่า เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขของมหาชนชาวสยาม โดยได้ทรงชี้แนะ ชี้นำ เอาไว้ในหลายต่อหลายเรื่อง หลายต่อหลายกรณีด้วยกัน เช่น ที่บรรดานักกฎหมายหยิบมาอ้างอิงเอาไว้บ่อยๆ ถึงพระราชดำรัส ที่พระราชทานไว้ว่า... กฎหมายนั้น...ไม่ใช่ตัวความยุติธรรม หากเป็นเพียงเครื่องมืออย่างหนึ่ง ที่ใช้ในการรักษาและอำนวยความยุติธรรมเท่านั้น การใช้กฎหมายจึงต้องมุ่งหมายให้ชัดว่าเพื่อรักษาความยุติธรรม ไม่ใช่เพื่อรักษาตัวบทกฎหมายเอง และการรักษาความยุติธรรมในแผ่นดิน ก็มิควรจำกัดอยู่ในวงแคบๆ เพียงแค่ภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย หากต้องขยายออกไปให้ถึง...ศีลธรรม จริยธรรม ตลอดจนความมีเหตุและผล ตามความเป็นจริงด้วย...

                                                                  -----------------------------------------------------------

            หรือ... กฎหมายที่จะเป็นใหญ่ในบ้านเมือง ต้องเป็นกฎหมายแท้ๆ กฎหมายที่ข่มเหง รังแก ประชาชน ไม่ใช่กฎหมายแท้” หรือ เมื่อกฎหมายเป็นเพียงเครื่องมือของความยุติธรรม จึงไม่ควรถือว่ามีความสำคัญไปกว่าความยุติธรรม หากควรถือว่าความยุติธรรมมาก่อนกฎหมาย และอยู่เหนือกฎหมาย” ฯลฯลฯลฯ ด้วยเหตุนี้...ใครก็ตามที่มีอำนาจ หน้าที่ และไม่คิดจะละเว้นการปฏิบัติไปตามหน้าที่ในตัวบทกฎหมาย ก็น่าจะพึงนำเอาสิ่งเหล่านี้ ไปใคร่ครวญ หวนคิด ไปทบทวนก่อนจะลงมือ ลงไม้ ลงตีน ใส่ใครต่อใครก็ตาม ที่ดันไม่รับรู้ รับทราบ หรือไม่ได้ปฏิบัติไปตามตัวบทกฎหมาย เพราะ ผล ใดๆ ก็ตาม ที่จะตามมาจากการบังคับใช้กฎหมายใดๆ ก็แล้วแต่ ย่อมต้องถือเป็น ความรับผิดชอบ ของบรรดาผู้ที่มีอำนาจ หน้าที่นั้นๆ ควบคู่ไปด้วย อย่างมิอาจปฏิเสธได้...

                                                               ------------------------------------------------------------------

            อย่างไรก็ตาม...สำหรับกรณีบรรดาคุณยายๆ ทั้งหลาย ที่ไม่รู้เรื่อง รู้ราว ในเรื่องการรับเงิน รับทอง รับเบี้ยผู้สูงอายุซึ่งกลายเป็นข่าวคราวขึ้นมาในช่วงนี้ ดูเหมือนว่าผู้มีอำนาจในบ้าน ในเมือง อย่างท่านนายกฯ ป.ประยุทธ์ ท่านได้แสดงออกถึงความตระหนัก สำนึก ในเรื่องราวเหล่านี้อยู่พอสมควร ถึงได้สั่ง ได้จี้ ให้เจ้าหน้าที่คลัง หาทางออก ทางไป อย่าให้เกิดเรื่องทำนองนี้อีกโดยเด็ดขาด แต่ก็นั่นแหละ...การสวนทาง-ไม่สวนทาง ระหว่าง กฎหมาย กับ ความยุติธรรม นั้น เอาไป-เอามาแล้ว...มันอาจไม่ใช่แค่เฉพาะเรื่องของ ตัวบุคคล แต่อาจเกี่ยวโยง เกี่ยวพัน ไปถึง ระบบ เอาเลยก็ไม่แน่ มันเลยถึงได้เกิดเรื่องอื่นๆ นอกเหนือไปจากเรื่องเบี้ยเลี้ยงคนแก่ คนชรา และยังคงเป็น ปัญหา อยู่อีกเยอะแยะ มากมาย ไม่ว่าเรื่อง บอส กระทิงแดง เรื่อง บ่อน เรื่อง แรงงานเถื่อน ฯลฯลฯลฯ โน่นเลย และบรรดาสิ่งเหล่านี้จะแค่จี้ไป-จี้มา หรือโยนไป-โยนมา สุดท้าย...มันคงไม่อาจ “แก้ปัญหา” ได้มากมายซักเท่าไหร่ มีแต่ต้องเริ่มต้นลงมือกระทำในสิ่งที่เรียกๆ กันว่า ปฏิรูป ทั้งระบบ ทั้งกระบวนการ นั่นแหละ มันถึงจะพอ  อยู่ๆ กันไปได้ แบบไม่ต้องเสียอารมณ์ เสียรังวัด หรือกระทั่งเสียหมา เสียสุนัข กันอีกต่อไป...

                                                                ------------------------------------------------------------------

ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Latin proverb ... The welfare of the people is highest law. – ความอยู่ดี-มีสุขของปวงประชา คือกฎหมายสูงสุด...

                                                                  ---------------------------------------------------------------

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"