ระหว่างทหารไทยกับทหารพม่า


เพิ่มเพื่อน    

        สรุปเอาเป็นว่า...สำหรับเรื่อง รัฐประหารพม่า ที่กำลังมาแรง แซงโค้ง ในช่วงนี้ คงต้องให้ คนพม่า เขานั่นแหละ ตัดสินใจเอาเอง น่าจะเข้าท่า หรือน่าจะเหมาะที่สุด บรรดาคนไทยที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพม่าเขาด้วยเลย แถมยังถูกลอกทอง ถูกปล้น ไปเมื่อสองร้อยกว่าปีที่แล้ว ก็คงต้องปล่อยให้กงกรรม กงเกวียน หรือ กฎแห่งกรรม ท่านทำหน้าที่ นั่นแหละ...ดีที่สุด...

                         -------------------------------------------------

            เพราะอย่างที่พูดๆ เอาไว้แล้ว...ว่าในแง่ของ ปัจจัยภายนอก ที่จะเข้าไปมีส่วนช่วยเหลือ สนับสนุน หรือต่อต้าน หรือไม่ว่าแรงหนุน แรงต้านใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งปวง น่าจะไม่ได้เป็นเรื่อง-เป็นราว เหมือนอย่างแต่ก่อน ทุกสิ่งทุกอย่างเลยคงต้องขึ้นอยู่กับบรรดา คนพม่า ทั้งหลายนั่นเอง ว่าจะเห็นดี เห็นงาม เห็นควรด้วย หรือไม่คิดจะ ด้วน ไปกับบรรดาทหาร ที่ไม่ได้แค่มีเอาไว้ถือปืน แบกปูน ไปโบกตึก แต่เพียงเท่านั้น แต่ยังพร้อมรัฐประหารในทุกเรื่อง ทุกกรณี และทุกๆ สถานการณ์อีกต่างหาก...

                            -------------------------------------------------

            ส่วนบ้านเราช่วงนี้...ไม่ว่าทหาร หรืออดีตทหาร คงไม่ถึงกับต้องหันรี หันขวาง หวาดระแวง แคลงใจ กลัวใครจะมาหัก มาโค่น มากมายซักเท่าไหร่นัก เพราะไม่ว่าใครจะโหนพม่า-ไม่โหนพม่า หรือไม่ เพียงใด ก็ตามที สุดท้าย...ก็น่าจะ แห้ง-กับ-แห้ง ไม่ถึงกับน่าตกตะลึง พรึงเพริด น่าวิตก กังวล อะไรมาก ไม่ว่า ในสภา หรือ นอกสภา ก็แล้วแต่ แม้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นไปตามแบบฉบับ เราจะทำตามสัญญา...ขอเวลาอีกไม่นาน ฮึ้มฮึม...ฮึ้มหึ่ม มาประมาณ 6 ปี 7 ปี เข้าไปแล้ว แต่ก็นั่นแหละ...ถ้าหากอะไรต่อมิอะไรมันยังพอ อยู่ๆ กันไปได้ ไม่ได้ถึงกับน่าเกลียด น่ากลัว น่าทุเรศอะไรมากมาย แม้ไม่ถึงกับได้หมดถ้าสดชื่น ไม่สดชื่นเหมือนยืนอยู่บนเนินเขา ก็คงไม่ถึงกับต้องดิ้นรน ทุรนทุราย ต้องหันไป คบเด็กสร้างบ้าน หันไปคบ พิชัย นริพทะพันธุ์ เพื่อสร้างเมือง หรือสร้างประเทศไทย กันซักเท่าไหร่นัก...

                              -----------------------------------------------------

            คือการจะสร้างบ้าน สร้างเมือง ไม่ว่าจะในแบบไหน แนวไหน ประชาธิปไตย-ไม่ประชาธิปไตย สังคมนิยม คอมมูนิด คอมมูหน่อยใดๆ ก็แล้วแต่ คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ว่า หนีไม่พ้นต้องอาศัย ความดี ความงาม ความถูกต้อง ไปจนถึง ความมีศีล-มีธรรม นั่นแหละ มันถึงพอจะเป็นที่ยอมรับ เป็นที่ยินยอมพร้อมใจ พร้อมสมัครใจให้กับสิ่งนั้นๆ โดยไม่คิดจะฮึด ไม่คิดจะต่อต้าน ไม่คิดโค่นล้มและทำลายเอาง่ายๆ เพราะมีแต่ความดี ความงาม ความมีศีล มีธรรม นั่นเอง ที่พอจะช่วยให้สังคมแต่ละสังคม สามารถอยู่ร่วมกันโดยสันติได้ หรือกระทั่งอยู่-เย็น-เป็นสุข ได้หมดถ้าสดชื่น แถมอาจส่งกลิ่นมาดามหอมชื่นใจให้ซะอีกต่างหาก...

                        ----------------------------------------------------

            แต่ถ้าหากใครก็ตาม...ที่หวังจะอาศัยความไม่ดี ความเลวทรามต่ำช้า ความไม่ถูก-ไม่ต้อง ไม่เป็นไปตามครรลอง-คลองธรรม ไม่มีศีล-มีธรรม มาใช้เป็น เครื่องมือ ในการเล่นงานฝ่ายตรงกันข้าม ไม่ว่าจะออกเรี่ยว ออกแรง เสียเรี่ยว เสียแรง ในการฮึดไป-ฮึดมา กันถึงระดับไหน หรือแม้จะโค่นล้ม ทำลาย ฝ่ายตรงกันข้ามลงไปได้แล้วก็ตาม แต่โอกาสที่จะเกิดการต่อต้าน คัดค้านและปฏิเสธ ไม่ยอมรับ ไม่ยินยอมพร้อมใจ ที่จะอยู่ร่วมในสังคมเดียวกันได้ง่ายๆ หรือไม่ยอม ศิโรราบ ให้กับฝ่ายนั้นๆ ย่อมมีความเป็นไปได้เสมอๆ และนั่นเอง...ที่ทำให้การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ไม่ว่าในระบบ นอกระบบ ไม่ว่าผ่านกระบวนการประชาธิปไตย หรือผ่านกระบวนการรัฐประหารก็แล้วแต่ จึงเป็นสิ่งที่ เกิดขึ้น-ตั้งอยู่-และดับไป กันไปเป็นช่วงๆ เป็นระยะๆ...

                        ------------------------------------------------------

            ดังนั้น...ไม่ว่าใครพอใจ-ไม่พอใจ ทำใจ-ไม่ทำใจ สำหรับการเดินหน้า หรือเดินวนมา-วนไป ตามแบบฉบับทหารไทย หรืออดีตทหารไทยกันในลักษณะไหนก็ตาม แต่ถ้าคิดจะสร้างบ้าน สร้างเมือง แปงบ้าน แปงเมือง ขึ้นมาใหม่ สิ่งสำคัญอันดับแรก...คงหนีไม่พ้นที่จะต้องหาทาง เข้าถึง และ เข้าใจ ต่อสิ่งที่ถือเป็นความดี ความงาม ความมีศีล มีธรรม หรือความถูกต้องตามครรลอง-คลองธรรมเอาไว้ก่อนนั่นแหละ ถึงจะมีสิทธิ์คิดอ่านกระทำการในเรื่องราวใหญ่ๆ เรื่องบ้าน เรื่องเมือง คือจะเอาแต่หันไปคบเด็ก คบหัวล้าน ไม่ได้เป็นเด็ดขาด เพราะมีแต่เสี่ยง มีแต่อันตรายไปโดยตลอด...

                            ----------------------------------------------------

            โดยเฉพาะถ้าลองเริ่มต้นด้วย คำหยาบ ซะก่อนแล้ว...อันนี้ มีแต่ ตาย-กับ-ตาย ลูกเดียวเท่านั้นเอง เริ่มด้วยการแจกกล้วย แจกผลไม้รวม ให้กับใครต่อใคร โดยถือเป็น ความเสมอภาค หรือการลด ช่วงชั้น ใดๆ ก็แล้วแต่ สุดท้าย...ก็คงไปได้แค่ในระดับ ประชาธิปไตยฉบับบุญยัง กลั่นจิตร อะไรประมาณนั้น คือแค่เริ่มต้นว่า... “ควายนะครับท่านผู้ชม กระผม บุญยัง กลั่นจิตร เอาควายมาฝากญาติมิตร คนละนิดละน้อย” เจอเข้าแบบนี้ ไม่ว่าใครก็ใคร...คงหนีไม่พ้นต้องเผ่นกระเจิดกระเจิงกันแต่แรก ยิ่งถ้าไม่คิดนับลุง-ป้า-น้า-อา ไม่สนใจญาติมิตร ไม่ไยดีต่อหลักศีล หลักธรรม ในพระศาสนา ไม่กตัญญูกตเวที ไปจนไม่มีหิริและโอตตัปปะ ฯลฯ อีกด้วยต่างหาก อันนี้...ต่อให้เดินขึ้นโรง-ขึ้นศาลไปตลอดชีวิต หรือติดคุก-ติดตะรางจนหาทางออก ทางไปไม่เจอ แต่โอกาสที่จะสร้างบ้าน สร้างเมือง แปงบ้าน แปงเมือง คงเป็ง-ปาย-ม่าย-ล่าย อยู่แล้วแน่ๆ...

                    ------------------------------------------------------

            และอาจด้วยเหตุนี้ ประการฉะนี้ นั่นเอง...ที่ยังพอทำให้ทหารไทย หรืออดีตทหารไทย ท่านยังคงสามารถคร่ำครวญบทเพลงว่าด้วย เราจะทำตามสัญญา...ขอเวลาอีกไม่นาน ฮึ้มฮึม ฮึ้มหึ่ม ได้จนตราบเท่าทุกวันนี้ เพราะอย่างน้อย...ยังไงๆ ท่านก็น่าจะดีกว่า ทหารพม่า ประมาณห้าเท่า สิบเท่า เป็นอย่างน้อย ไม่ถึงกับโหดเหี้ยม อำมหิต หรือไม่ถึงกับน่าเกลียด น่ากลัว น่าทุเรศ อะไรมาก ในเมื่อยัง ไม่มีตัว หรือหาตัวดีๆ กว่านี้ยังไม่ได้ ก็คงต้อง อยู่ๆ กันไป ตามสภาพนั่นแหละท่านเอ๋ย...

                        --------------------------------------------------------

            ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้จาก Louis L’Amour”... The trail is the thing, not the end of trail. Travel too fast and you miss all you are traveling for. - เส้นทางต่างหาก...ที่สำคัญ ไม่ใช่ปลายทาง เพราะถ้าหากคุณเดินทางเร็วไป คุณอาจพลาดในทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณต้องการจากการเดินทางนั้นๆ...

                  -------------------------------------------------------------

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"