เรียกคืนเบี้ยผู้สูงอายุซ้ำซ้อน ย้อนเกร็ด รบ. - (คสช.) รับหลายเด้ง


เพิ่มเพื่อน    

 

        กรณีกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เรียกเบี้ยผู้สูงอายุคืนจากผู้เฒ่าผู้แก่อายุเฉียดร้อยจำนวนมาก เนื่องจากเห็นว่าซ้ำซ้อนกับการรับบำนาญพิเศษจากครอบครัวทหารและเสียชีวิตจากการทำหน้าที่เพื่อชาติ

            ถือว่าเป็นประเด็นดรามาทางชนชั้นในสังคมให้ถกเถียง และยังย้อนกลับมาทิ่มแทงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ที่สืบทอดอำนาจจาก คสช.อย่างจัง ผ่านรัฐธรรมนูญ ปี 60 ที่ตัวเองร่างขึ้น

            งานนี้เรียกได้ว่า “ลุงตู่” คงพะอืดพะอม และกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเลยทีเดียว

            เป็นเหตุให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ รีบโพสต์เฟซบุ๊กระหว่างอยู่ในห้องประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 2 ก.พ. ให้ทุกหน่วยงานชะลอการเรียกคืนหรือฟ้องร้องเอาไว้ก่อน แล้วเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของคนยาก และเบรกอารมณ์ของสังคม

            อย่างไรก็ตาม แม้เรื่องนี้รัฐบาลจะเร่งแก้ไข แต่ก็ไม่วายถูกฝ่ายค้านเปิดประเด็นทางการเมืองย้อนรอยวีรกรรมในอดีตของรัฐบาลสืบทอดอำนาจชุดนี้ ที่หมางเมินคนจน แต่มุ่งผลประโยชน์ใหแก่พวกพ้อง และเชื่อว่าจะถูกนำมาขยี้ตีแผ่ ลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือศึกซักฟอกนายกฯ และรัฐมนตรี ในวันที่ 16 ก.พ.เป็นต้นไป

            ไม่ว่าจะการโหมโรงของนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ออกมาเรียกร้อง พล.อ.ประยุทธ์ให้คืน จากกรณีเป็นบุคคลที่เคยดำรงตำแหน่งในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพราะรับเงินตอบแทนถึง 3 ทาง มาตรฐานเดียวกันกับที่ปัจจุบันดำเนินการเรียกเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ

            โดยยกตัวอย่าง ค่าตอบแทนที่ผู้นำยุครัฐประหารได้รับ อาทิ พล.อ.ประยุทธ์ ที่พบการรับเงินเดือนหลายทาง ทั้ง ตำแหน่งหัวหน้า คสช.​, ตำแหน่ง ผบ.ทบ. และตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รวมทั้งสิ้น 10.8 ล้านบาท, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ที่รับเงินเดือนตำแหน่งรองนายกฯ, รองหัวหน้า คสช. รวม 10.3 ล้านบาท

            พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด และ รมว.การต่างประเทศ ที่รับเงินเดือนในตำแหน่ง รวมถึงรองหัวหน้า คสช. รวม 10.15 ล้านบาท, พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย อดีต ผบ.ทร., อดีต รมว.ศึกษาธิการ และตำแหน่งรองหัวหน้า คสช. รวมค่าตอบแทนทั้งสิ้น 10.1 ล้านบาท

            พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง อดีต ผบ.ทอ. อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม และตำแหน่งรองหัวหน้า คสช. ได้รับค่าตอบแทนรวม 10.34 ล้านบาท และ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงห์แก้ว อดีต ผบ.ตร. อดีต รมว.แรงงาน และตำแหน่ง รองหัวหน้า คสช. รวมค่าตอบแทนทั้งสิ้น 10.22 ล้านบาท

            ขณะที่ นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย อัดซ้ำว่า พวกที่ควรถูกเรียกเงินคืนมากสุดคือ “บิ๊กตู่” และพวก ที่ยึดอำนาจแต่งตั้งพวกพ้องมากมาย รับเงินเดือนเบี้ยเลี้ยงหลายทาง กินเงินหลวงปากมันแผล็บ  โดยเฉพาะ นายกฯ ได้รับค่าตำแหน่งหัวหน้า คสช. 125,590 บาทต่อเดือน นายกฯ 125,590 บาทต่อเดือน ยังไม่นับเบี้ยประชุมและค่าตำแหน่งอื่นๆ

                “ลิ่วล้อร่ำรวยถ้วนหน้า กรมบัญชีกลางศึกษากฎหมายต่างๆ ให้ถี่ถ้วนอาจพบผู้มีอำนาจใช้ช่องว่างกฎหมายสวาปามลาภมิควรเสวยสุขพุงกาง” ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย กล่าว

            ไม่เพียงแต่ผู้นำ คสช.เท่านั้น เมื่อตรวจสอบลงไปในอดีตตามที่สื่อมวลชนบางแขนงเคยรายงานและนักการเมืองตรวจสอบยังพบว่า มีบรรดาแม่น้ำ 5 สาย ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ตลอดจนผู้บริหารท้องถิ่นในยุคดังกล่าว รวมถึงวุฒิสภา ปี 62 ที่เกิดจากผลพ่วงคณะรัฐประหารเมื่อปี 2557 ยังรับเงินซ้ำซ้อนหลายทาง โดยอ้างว่ากฎหมายรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.ก.เงินประจำตำแหน่งและผลประโยชน์ตอบแทนอื่นของผู้ดำรงตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญบางตำแหน่ง พ.ศ.2557 เปิดช่องไว้

            อาทิ เช่น พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ที่รับเงินเดือนในตำแหน่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จำนวน 113 ,560 บาท ถัดมาคือข้าราชการประจำและอาจารย์มหาวิทยาลัย ที่ได้รับเงินเดือนจากรัฐอยู่แล้ว ยังรับเงินตำแหน่ง สนช. อย่างน้อย 4 ราย และสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ได้รับเงินเดือน จำนวน 113 ,560 บาท อย่างน้อย 22 คน

            ยังมี กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญบางคน ที่ได้รับเบี้ยประชุมครั้งละ 6,000 บาท และยังควบรับเงินหลายเด้งในตำแหน่งอื่นๆ ในแม่น้ำ 5 สายอีกด้วย ทั้งหมดนี้ไม่นับเงินอื่นๆ เช่น ค่าพาหนะในการเดินทางทั้งในและต่างประเทศ สิทธิได้รับค่ารักษาพยาบาล เบี้ยประชุม กมธ.สามัญชุดต่างๆ เป็นต้น

            นอกจากนี้ พบว่า พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. ยุคแต่งตั้ง คสช. ก็รับเงิน 2 ทาง คือ ตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. ได้รับเดือนละประมาณ 110,120 บาท และตำแหน่งสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เงินเดือนละ 113,560 บาท   อีกทั้งข้อยกเว้นรัฐธรรมนูญ 60 ยังอนุญาตให้ผู้นำเหล่าทัพที่ควบตำแหน่งวุฒิสภาจำนวน 6 คน ได้แก่ ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สามารถรับเงินเดือน 2 ทาง คือ เงินจากตำแหน่งผู้นำเหล่าทัพ เดือนละอย่างน้อย 120,030 บาท  และตำแหน่ง ส.ว. เดือนละ 113 ,560 บาท แต่เคราะห์ดีที่กลุ่มบุคคลเหล่านี้ได้แสดงสปิริตชัดเจน ไม่ขอรับเงินเดือน ส.ว. เพื่อไม่อยากให้เกิดข้อครหาและปัญหาตามมา

            นี่คือการรับเงินหลายเด้งของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองบางคนในอดีต ที่ยังไม่มีหน่วยงานไหนกล้าเรียกเงินคืนเช่นเบี้ยผู้สูงอายุ และเชื่อว่าผู้นำประเทศก็ไม่อยากจะตอบคำถามนี้. 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"