38ขุนพล!ถล่มบิ๊กตู่ เคาะ4วันให้ผู้ทรงเกียรติโม้/ปล่อย21แกนนำ3นิ้ว


เพิ่มเพื่อน    

  "บิ๊กตู่” ลั่นไม่มีอะไรต้องหนักใจในศึกซักฟอก ขออภิปรายเชิงสร้างสรรค์ อย่าบิดเบือน เคาะแล้วศึกซักฟอก 16-19 ก.พ. ลงมติ 20 ก.พ. ฝ่ายค้านได้เวลา 42 ชั่วโมง เผยนายกฯ เป้าหลักถูกอภิปรายเชื่อมโยงทุกวัน เตรียม 38 ขุนพลถล่ม จัดสรรเวลา "เต้-มิ่งขวัญ" โผล่ขอแจม แกนนำสามนิ้ว 21 คนเฮ! ตำรวจสภ.คลองหลวงปล่อยตัวชั่วคราว "ก้าวไกล" ขู่แจ้งความกลับ "หมอวรงค์" หมิ่นประมาทหาล้มล้างสถาบัน

    เมื่อวันศุกร์ เวลา 16.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวในรายการ PM PODCAST นายกรัฐมนตรีเล่าเรื่อง ผ่านเพจเฟซบุ๊กไทยคู่ฟ้า ถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ในเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะมีขึ้นนั้น รัฐบาลจะใช้เวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน
    “ผมก็ยังไม่มีอะไรหนักใจในตอนนี้ ก็ขอให้เป็นการอภิปรายในเชิงสร้างสรรค์ ไม่ให้เกิดปัญหาอื่นๆ ที่ทำให้เกิดผลกระทบในหลายๆ อย่างด้วยกัน ซึ่งทุกคนทราบดี ก็ขอให้ทุกคนช่วยกันติดตามชม จะได้เข้าใจในสิ่งที่รัฐบาลทำ เผื่อจะมีคนเอาไปบิดเบือน ก่อนหน้านี้ในเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวพันกับประเทศเพื่อนบ้านด้วย อันนี้เป็นคนละเรื่องคนละเวลาทั้งหมด” นายกฯ กล่าว
    ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการหารือกรอบเวลาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลกรณีที่หากไม่สามารถตกลงกันได้ว่า อย่าไปตั้งสมมติฐานหรือไปคิดว่าจะไม่สามารถตกลงกันได้ ขอให้มีการหารือกันในช่วงบ่ายวันนี้ก่อน ซึ่งนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 นัดหารือฝ่ายค้าน รัฐบาล และคณะรัฐมนตรี (ครม.) เรื่องวันเวลาไม่ควรจะมีปัญหา ตกลงกันแล้ว วันเสาร์หรือวันอาทิตย์ก็ไม่มีปัญหา
     ที่ชั้น 3 อาคารรัฐสภา เวลา 14.00 น. นายสุชาติ ตันเจริญ รอง ประธานสภาผู้แทนราษฎร, นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ในฐานะตัวแทนฝ่ายคณะรัฐมนตรี, นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายรัฐบาล (วิปรัฐบาล), นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย, นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยตัวแทน ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้าน ร่วมประชุมเพื่อกำหนดวันและเวลาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
    ภายหลังการประชุม นายสุชาติแถลงว่า การประชุมเพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะอภิปรายรัฐมนตรี 10 คน จำนวน 4 วัน  คือวันที่ 16-18 ก.พ. เริ่มเวลา 09.00 น. ส่วนวันที่ 19 ก.พ. ให้จบก่อนเวลาเที่ยงคืน มีการลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลในวันเสาร์ที่ 20 ก.พ. พรรคร่วมฝ่ายค้านได้เวลาอภิปราย 42 ชั่วโมง ฝ่ายรัฐบาล โดยรัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย ใช้ เวลาชี้แจงข้อกล่าวหาตามเวลาที่เหมาะสม  
    ด้านนายสุทินกล่าวว่า ฝ่ายค้านได้เวลาอภิปราย 42 ชั่วโมง พยายามจะให้จบภายใน 4 วัน บวก 1 วัน ทั้งสองฝ่ายจะบริหารเวลาร่วมกัน ส่วนการชี้แจงของรัฐบาลไม่จำกัดเวลา แต่ควรจบใน 4 วัน ถ้ามีเหตุสุดวิสัยไม่สามารถอภิปรายจบได้ภายใน 4 วัน อาจ จะเพิ่มเวลาอภิปรายเท่าที่จำเป็น ซึ่งการอภิปรายจะต้องจบ 100% สำหรับลำดับการอภิปรายนั้น จะมีการอภิปรายตามลำดับที่กำหนด เมื่อถึงคิวรัฐมนตรีท่านใดที่เป็นเป้าหมายหลัก ก็สามารถโยงกับรัฐมนตรีที่เป็นเป้าหมายรองได้ เชื่อว่าอภิปรายจะเป็นด้วยความราบรื่น
    นายวิรัชกล่าวว่า เวลาของฝ่ายค้านโดยเฉลี่ยจะใช้เวลา 10-12 ชั่วโมงต่อวัน หากฝ่ายค้านประท้วง จะถูกนับรวมอยู่ในเวลาของฝ่ายค้าน ซึ่งได้หารือ มีข้อตกลงที่เข้าใจร่วมกัน การอภิปรายรัฐมนตรีที่แบ่งเป็นกลุ่มหลักและกลุ่มรอง เช่น หากอภิปราย รมว. มหาดไทยเชื่อมโยงไปถึงนายกรัฐมนตรี อภิปราย รมว.ศึกษาธิการแล้วเชื่อมโยงไปถึงนายกฯ อภิปราย รมว.สาธารณสุขแล้วเชื่อมโยงไปถึงนายกฯ อยากให้ฝ่ายค้านแจ้งล่วงหน้า เพื่อให้ฝ่ายรัฐบาลเตรียมรัฐมนตรีหลักรัฐมนตรีรองที่จะถูกอภิปรายขึ้นรับฟัง กรณี นายกฯ อาจถูกอภิปรายเชื่อมโยงไปได้หลายกระทรวง
    นายพิจารณ์กล่าวว่า ฝ่ายค้านจะอภิปรายเนื้อหาให้ร้อยเรียงกันตลอดเวลา การอภิปราย 4 วัน แต่นายกรัฐมนตรีคงจะถูกอภิปรายได้ทุกวัน  
38 ขุมพลซักฟอก 10 รมต.
    เมื่อถามถึงการขอตรวจสไลด์และรูปภาพของพรรคร่วมฝ่ายค้านก่อนขึ้นอภิปราย นายสุชาติกล่าวว่า เป็นเพราะสำนักงานเลขาธิการสภาฯ เกรงว่าจะผิดข้อบังคับ หรือมีภาพที่หมิ่นเหม่ หลุดออกไปแล้วทำให้ต้องรับผิดชอบ เมื่อฝ่ายค้านยืนยันว่าไม่มี และเชื่อว่าทุกคนมีวิจารณญาณอยู่แล้ว ถ้าหากดูแล้วสุ่มเสี่ยง ประธานที่ทำหน้าที่ควบคุมการประชุมอาจจะพิจารณาและสั่งระงับได้
    ที่ห้องประชุม 309 นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยหัวหน้าและแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้าน ประชุมเพื่อแบ่งเวลาและจำนวนผู้อภิปรายในสัดส่วนของพรรคร่วมฝ่ายค้าน มีรายงานว่าในที่ประชุมกำหนดผู้อภิปรายทั้งสิ้น 38 คน พรรคเพื่อไทยมีผู้อภิปราย 15 คน เวลา 1,185 นาที, พรรคก้าวไกล ผู้อภิปราย 13คน เวลา 710 นาที, พรรคเสรีรวมไทย 5 คน เวลา 160 นาที, พรรคประชาชาติ 1 คน เวลา 80 นาที, พรรคเพื่อชาติ 1 คน เวลา 40นาที, พรรคพลังปวงชนไทย 1 คน เวลา  80 นาที, พรรคเศรษฐกิจใหม่ 1 คน (นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ) เวลา 60 นาที, พรรคไทยศรีวิไลย์ 1 คน (นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์) เวลา 30 นาที อย่างไรก็ดี ในที่ประชุมได้หารือในกรอบเวลาเบื้องต้นเท่านั้น ยังสามารถปรับเพิ่มหรือลดเวลาและผู้อภิปรายของแต่ละพรรคได้อีกเล็กน้อย  
    ขณะเดียวกัน นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุว่า ตามข้อเรียกร้องที่ได้เสนอแนวขอให้มีการถอนญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือแก้ไขญัตติใหม่ ในประเด็นข้อกล่าวหานายกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับสถาบัน ซึ่งเป็นความไม่เหมาะสมและอาจจะเกิดความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง และจะสร้างความเสื่อมเสียอันก่อให้เกิดความแตกแยกในหมู่พี่น้องประชาชนคนไทย เป็นการเปิดโอกาสให้มีการอภิปรายก้าวล่วง จาบจ้วง  บิดเบือน ใส่ร้ายให้สถาบันกษัตริย์เกิดความเสียหายได้ อาจส่งผลกระทบกระเทือนต่อจิตใจคนไทย จึงขอตั้งคำถามถึงนายสมพงษ์ ดังนี้
    1.ท่านและ ส.ส.พรรคเพื่อไทยตั้งใจวางแผนร่วมมือกับพรรคร่วมฝ่ายค้านในการเสนอญัตติที่อัปยศอดสู เพราะเป็นความต้องการให้มีการอภิปรายถึงสถาบันเบื้องสูง มีเจตนาให้เกิดความเสียหายต่อสถาบันใช่หรือไม่ 2.หากมี ส.ส.อภิปรายพาดพิง ก้าวร้าว ป้ายสีจาบจ้วง ก้าวล่วง บิดเบือนข้อมูลอันเป็นเท็จต่อสถาบันเบื้องสูงจะรับผิดชอบอย่างไร 3.ท่านและ ส.ส.พรรคเพื่อไทยมีความจงรักภักดีและปกป้องสถาบันหรือไม่ 4.ถ้ามีการอภิปรายพาดพิงสถาบันให้เกิดความเสียหายจนเกิดความแตกแยกมากขึ้นในบ้านเมืองจะรับผิดชอบอย่างไร 5.ไม่กลัวประชาชนเข้าใจว่ามีส่วนร่วมในการวางแผนล้มล้างสถาบัน เหมือนกับกลุ่มก้าวหน้า ท่านจะอธิบายประชาชนที่จงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์อย่างไร 6.ไม่กลัวว่าในการเลือกตั้งหาเสียงในสมัยหน้าจะไปลงพื้นที่ในจังหวัดใดก็ตาม จะถูกประชาชนออกมาประท้วงต่อต้านและเปิดเพลงหนักแผ่นดินขับไล่ดังเช่นกลุ่มก้าวหน้า 7.ท่านจะตอบคำถามให้กับสมาชิกพรรคเพื่อไทยที่มีจำนวนมากทั่วประเทศให้เข้าใจและหายสงสัยอย่างไรว่าท่านและพรรคเพื่อไทยไม่เป็นเครื่องมือให้กับพรรค และกลุ่มที่คิดล้มล้างสถาบันเบื้องสูง
         ที่ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เวลา 10.00 น. แกนนำราษฎร นำโดยนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน, น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง พร้อมด้วยประชาชนรวม 22 คน เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกกลุ่มราษฎรทั้ง 22 คน ในข้อหา 1.ร่วมกันจัดให้มีกิจกรรมซึ่งมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมากในลักษณะมั่วสุมกัน หรือมีโอกาสติดต่อสัมผัสกันได้ง่าย 2.ร่วมกันชุมนุมทำกิจกรรมหรือมั่วสุม ณ ที่ใดๆ ในสถานที่แออัดในลักษณะที่เสี่ยง 3.ร่วมกันกระทำการหรือดำเนินการใดๆ ซึ่งอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้เกิดโรคติดต่ออันตรายหรือโรคแพร่ระบาดออกไป 4.ร่วมกันใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาตต่อการแพร่เชื้อโรค 5.ร่วมกันชักชวน หรือแสดงธงอันไม่สมควรต่อธงชาติในบริเวณสถานที่ราชการ
     โดยบรรยากาศหน้า สภ.คลองหลวง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนจำนวน 6 กองร้อย ได้มาตั้งแถวสกัดกลุ่มมวลชนที่จะเดินทางมาให้กำลังใจกลุ่มมวลชนทั้งหมด 22 คน  
ปล่อยแกนนำ 3 นิ้ว 21 คน
    ต่อมาแกนนำราษฎร 21 คน ทยอยเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา ประกอบด้วย น.ส.พิมชนก ใจหงส์ อายุ 23 ปี, น.ส.เบญจา อะปัญ อายุ 21 ปี, นายชลธิศ โชติสวัสดิ์ อายุ 22 ปี, น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล อายุ 22 ปี, นายณัฐชนน ไพโรจน์ อายุ 21 ปี, นายพริษฐ์  ชิวารักษ์ อายุ 22 ปี, นายชนินทร์ วงษ์ศรี อายุ 20 ปี, นายปิยรัฐ จงเทพ อายุ 30 ปี, นายสิริชัย นาถึง อายุ 21 ปี, นายณัฐพงศ์ คำจันทร์ อายุ 29 ปี, นายอัรฟาน ดอเลาะ อายุ 19 ปี, นายกิตติศักดิ์ กองเงินงาม อายุ 41 ปี, นางประนอม พูลทวี อายุ 58 ปี, นายไพศาล จันปาน อายุ 47 ปี, นายณวรรษ เลี้ยงวัฒนา อายุ 26 ปี, นายภาณุพงศ์ จาดนอก อายุ 24 ปี, นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พัฒน์ อายุ 32 ปี, นายอรรถพล บัวพัฒน์ อายุ 30 ปี, นายพรหมศร วีระธรรมจารี อายุ 30 ปี และเยาวชน 2 คน คือนายนภสินธุ์ ตรีรยาภิวัฒน์ อายุ 16 ปี และนายศศสักษณ์ สุขเจริญ อายุ 17 ปี ขาดเพียง น.ส.สุวรรณา ตาลเหล็ก อายุ 48 ปี ที่ยังไม่เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน
    และเวลา 14.30 น. นักศึกษาที่เข้าไปรับทราบข้อกล่าวหา ได้ทยอยเดินทางออกมาจากสถานีตำรวจภูธรคลองหลวง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำรถตู้มารอรับ และนำไปส่งให้ตรงบริเวณที่พ้นเขตควบคุม ซึ่งเป็นแนวกั้นด้านนอกแท่งแบริเออร์ โดยมีสื่อมวลชน ประชาชน และนักศึกษา เดินทางมารอให้กำลังใจกว่า 50 คน
    เวลา 15.10 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการสอบปากคำผู้ต้องหาเสร็จทั้ง 21 รายแล้วเสร็จ และมีการปล่อยตัวโดยไม่มีเงื่อนไข โดยนำตัวผู้ที่สอบปากคำแล้วเสร็จขึ้นรถตู้ตำรวจออกจาก สภ.คลองหลวง สำหรับเยาวชน 2 คนที่มีการออกหมายเรียกไปด้วยนั้น วันนี้ยังไม่มีการสอบปากคำ เพราะไม่มีนักจิตวิทยา และนายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือครูใหญ่ ที่มีความประสงค์จะเดินทางกลับที่พัก ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมรถตู้ไปส่งยังที่พัก
    หลังจากนั้น เวลา 15.30 น. น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล, นายพริษฐ์  ชิวารักษ์, นายภาณุพงศ์ จาดนอก และนายไชยอมร แก้ววิบูลย์พัฒน์ ได้เดินชูสามนิ้วออกมาจากจาก สภ.คลองหลวง พร้อมกับเดินขึ้นรถตู้ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมไว้ และเดินทางมาสมทบกับเพื่อนนักศึกษาที่ออกมาก่อนหน้านี้แล้ว โดยนายพริษฐ์  เปิดเผยว่า ตอนแรกเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะดำเนินการนำตัวพวกตนเองไปขออำนาจศาลฝากขัง โดยหากนำตัวไปฝากขังถือเป็นเรื่องที่มันไม่ถูกต้อง เพราะเราไม่มีพฤติการณ์หลบหนี และอัตราโทษต่ำ หากนำตัวส่งศาลฝากขังเห็นจะเป็นการใช้ดุลพินิจทำร้ายผู้ที่มีความคิดเห็นต่างทางการเมืองมากเกินไป ทางตำรวจจึงยินยอมที่จะปล่อยตัวออกมา
     นพ.ปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก เขต 1 พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ชี้แจงกรณีที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ผู้ก่อตั้งพรรคไทยภักดี ล่ารายชื่อประชาชนคัดค้านแก้ ม.112 ซึ่งเป็นญัตติที่พรรคก้าวไกลเสนอแก้ไขต่อสภาผู้แทนราษฎรว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ว่าพรรคก้าวไกลยึดมั่นการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เราพูดเรื่องนี้ในหลายครั้ง ในการอภิปรายในการประชุมสภา ในจุดยืนของพรรค เราไม่มีความคิดที่จะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์เลยสักนิดเดียว การที่ นพ.วรงค์ใส่ร้าย แจ้งข้อกล่าวหามาตรา 112 นั้น เรื่องที่เป็นการกล่าวข้อมูลเท็จ เป็นการหมิ่นประมาททำให้เสียชื่อเสียง ทำให้ประชาชนมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อพรรคก้าวไกล โดยทางพรรคก้าวไกลเห็นด้วยที่จะฟ้อง นพ.วรงค์ ในมาตรา 326 เกี่ยวกับการหมิ่นประมาท
    "การที่ นพ.วรงค์เอาสถาบันพระมหากษัตริย์มากล่าวอ้างเช่นนี้ เป็นการนำเอาสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นเครื่องมือทางการเมือง เพื่อให้ตัวเองกลับเข้าสู่เส้นทางการเมืองใช่หรือไม่ นพ.วรงค์ เจตนาดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์จริงหรือไม่ หรือเป็นการนำเอาสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นเครื่องกำบังเพื่อให้ตัวเองเข้าสู่เส้นทางการเมือง สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้มีผลดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เลยแม้แต่น้อย" นพ.ปดิพัทธ์กล่าว.  

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"