รัฐประหารพม่ากับรัฐประหารเมืองไทย


เพิ่มเพื่อน    

           ท่าทางพลเอก มิน อ่อง หล่าย ผู้นำทหาร และผู้นำรัฐประหารพม่าคราวล่าสุด...ชักออกอาการหล่ายๆ ส่ายๆ ชักทำท่าว่าใกล้ๆ ละลาย ใกล้อรหน่ายหน่อยเอย กันไปพอสมควร เมื่อต้องเจอกับบรรดา หม่องๆ และ ดอว์ๆ (คำเรียกนำหน้าสตรีชาวพม่า) กรูออกมานับเป็นพันๆ หมื่นๆ แสนๆ เคาะหม้อ เคาะกระทะ เคาะกะโหลกกะลา ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั้งประเทศ...

                                       ------------------------------------------

                คือแม้จะออกมาฮึ่มฮึม ฮึ่มหึ่ม ในแบบ เราจะทำตามสัญญา...ขอเวลาอีกไม่นาน เพียงแค่ 1 ปีเท่านั้นเอง น้อยซะยิ่งกว่า บิ๊กตู่ บ้านเรา ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า แต่ก็อย่างว่า...ขนาด พระพม่า ที่มิอาจเอามาเทียบกับ พระไทย ได้เลย โดยเฉพาะในแง่ความใหญ่ ความยาว แม้แต่ระดับ พระมหาไพรวัลย์ ก็เถอะ การกรูออกมา ลงถนน ของบรรดาพระสงฆ์องค์เจ้า ครู หมอ ตลอดไปจนถึงปุถุชนคนธรรมดา ในเมืองต่างๆ ไม่รู้กี่เมืองต่อกี่เมืองเข้าไปแล้ว ทำให้การรัฐประหารพม่าคราวนี้ ชักหล่ายๆ ส่ายๆ ชักทำท่าอาจต้องอรหน่ายหน่อยเอย ไปก่อนกำหนดการเอาเลยก็ไม่แน่!!!

                                      --------------------------------------------

                แต่ก็นั่นแหละ...การรัฐประหารในพม่านั้น คงเอามาเปรียบเทียบ เทียบเคียง กับรัฐประหารเมืองไทยไม่น่าจะได้ เพราะของบ้านเรานั้น ก่อนหน้าที่จะเกิดการรัฐประหาร บรรดาพระ ครู หมอ กวี ศิลปิน ตลอดไปจนนักการเมือง ฯลฯ ก็พร้อมใจกันกรูออกมา ลงถนน ไปก่อนหน้านั้นแล้ว ไม่ได้เงียบๆ ไม่ได้สงบเสงี่ยม เหมือนก่อนหน้าการรัฐประหารพม่าแต่อย่างใด คือลงถนนกันมาเป็นปีๆ แถมทั้งถูกยิง ถูกฆ่า ถูกปาระเบิด จนทุกสิ่งทุกอย่างใกล้จะเละเป็นขี้ เละเป็นโจ๊ก เป็นเต้าหู้ตกโต๊ะเต็มที และโดยจังหวะนั้นนั่นแหละ ที่พลเอกอาวุโส บิ๊กตู่ ซึ่งไม่ถึงกับหล่าย ไม่ถึงกับหน่าย ในเรื่องของ อำนาจ ก็เลยได้เวลาออกมาครวญครางบทเพลงอภิมหาอมตะนิรันดรกาล ว่าด้วย...เราจะทำตามสัญญา...ขอเวลาอีกไม่นาน ฮึ่มฮึม-ฮึ่มหึ่ม ไปตามเรื่อง ตามราว ด้วยประการฉะนี้...

                                   ----------------------------------------------------

                อีกทั้งบรรดาชาวพม่า...ไม่ว่าจะเป็น หม่อง หรือเป็น ดอว์ ก็แล้วแต่ ก็ออกจะเป็นอะไรที่ สุภาพ อยู่พอสมควร ไม่ได้ออกไปทางหยาบๆ คายๆ ไม่ได้คิดจะแจก ดอว์ ให้ใครต่อใคร แบบชนิดหวีแล้ว หวีเล่า แบบความพยายามกระชับ ช่วงชั้น เพื่อความเสมอภาคทางชนชั้น อย่างบรรดาม็อบเด็กๆ บ้านเราเอาเลยแม้แต่น้อย อย่างมาก...ก็เคาะหม้อ เคาะกะลา เคาะไห ไปตามเรื่อง ตามราว แม้ว่าจะ ชู 3 นิ้ว เหมือนเมืองไทย แต่นั่นก็เป็นแค่ สัญลักษณ์ เป็น รูปแบบ ไม่ใช่ เนื้อหา แต่อย่างใด เพราะโดยพื้นฐาน โดยลักษณะอาการของ ความเป็นพม่า ก็คงแทบไม่ได้ผิดแผก แตกต่าง ไปจาก ความเป็นไทย ซักกี่มาก-น้อย หรือต่างก่อกำเนิด เกิดมา และต่างเติบโตภายใต้ประเพณี วัฒนธรรม และค่านิยมทางสังคม ที่ใกล้เคียงกันพอสมควร...

                                    --------------------------------------------------

                คืออย่างน้อย...ก็ไม่ได้ออกไปทาง มังมหาเนรคุณ อะไรประมาณนั้น ยังให้ความสำคัญกับบาปๆ บุญๆ ความกตัญญูกตเวทิตา ความมีหิริ-โอตตัปปะ ความมีสายใยผูกพันระหว่างพ่อ-แม่-ลูก ลุง-ป้า-น้า-อา ไม่ได้คิดจะตัดขาดสถานภาพทางสังคม หรือดูถูก ดูหมิ่น ผู้คนในสังคมเดียวกันกับตัวเอง แต่หันไปเห็นดี เห็นงาม หันไป เชียร์ฝรั่ง ไปซะนี่ ฯลฯ การออกมา ชู 3 นิ้ว ของชาวพม่า ในการต่อต้านรัฐประหาร หรือต่อต้านผู้นำทหารคราวนี้ จึงอาจหนักไปทาง พระพุทธ-พระธรรม-และพระสงฆ์ ซะมากกว่า ไม่ใช่คิดจะลอกแบบ เลียนแบบฝรั่ง ให้ดูเก๋ ดูเท่ แต่ประการใด หรือพูดง่ายๆ ก็คือ...ออกจะมี ความชอบธรรม รองรับอยู่พอสมควร...

                                    -------------------------------------------------

                อีกทั้งผู้นำทหารอย่างพลเอก มิน อ่อง หล่าย นั้น...แม้จะเป็นอะไรที่ลื่นหล่าย หรือลื่นไหล มิใช่น้อย แต่เมื่อเทียบกับ บิ๊กตู่ ของเราแล้ว น่าจะยัง ห่างชั้น อยู่พอสมควร คือออกจะหนักไปทาง นายทหารธุรกิจ มาตั้งแต่แรก เป็นผู้ควบคุม ดูแล ผลประโยชน์ทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกองทัพ อย่างบริษัทรัฐวิสาหกิจ MEC (Myanmar Economic Corporation) และ MEHL (Myanmar Economic Holding Limited) มาโดยตลอด ที่แผ่สยายสายใยเข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจนานาชนิดยิ่งกว่าหนวดปลาหมึก หรือถ้าเทียบกับทหารไทย ก็อาจประเภทคล้ายๆ พลเอก สม ขัตพันธุ์ อะไรทำนองนั้น ไม่ได้ถนัดเชี่ยวชาญในการเต้นย็อกๆ แย็กๆ เด้งเชือก ฉากหลบตัดเวที แบบประเภทพวกทหารสายบู๊ในบ้านเราแต่อย่างใด...

                                   ------------------------------------------------

                เรียกว่า...ตั้งแต่ยุคอดีตทหารธุรกิจอีกรายในบ้านเรา อย่าง พลเอกถั่งเช่า ได้เคยซุบซิบ นินทา ถึงพลเอก มิน อ่อง หล่าย เอาไว้กับ อดีตนายกฯ สัมภเวสี ในเทปถั่งเช่าเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว ก็ค่อนข้างชัดเจนเอามากๆ ว่า เอาเข้าจริงๆ แล้ว...นายทหารพม่าผู้นี้ก็คงไม่ได้มีอะไรน่าติดตา ต้องใจ ต่ออดีตรัฐบุรุษเมืองไทยอย่าง ป๋าเปรม จนต้องขอให้เป็น ลูกบุญธรรม ตามที่พยายามหยิบไปโฆษณา ประชาสัมพันธ์ เอาเลยแม้แต่น้อย แต่หนักไปทาง น้องชายบุญธรรม ของอดีตนายกฯ ทักษิณ นั่นแหละมากกว่า ดังนั้น...ถึงแม้จะพยายามลอกเนื้อเพลง บิ๊กตู่ เอาไปดัดแปลงเป็นภาษาพม่า ประมาณว่า เราจะทำตามสัญญา...ขอเวลาอีกไม่นาน เพียงแค่ 1 ปีเท่านั้นเอง แต่โอกาสที่จะ ฮึ่มฮึม-ฮึ่มหึ่ม ไปตลอด 6 ปี 7 ปี แบบ บิ๊กตู่ น่าจะยากซ์ซ์ซ์เอามากๆ...

                                    ---------------------------------------------------

                ดังนั้น...รัฐประหารพม่า กับรัฐประหารเมืองไทย คงแทบไม่ได้เกี่ยว หรือคงไม่อาจหยิบมาโยงนั่น โยงนี่ หรือโหนนั่น โหนนี่ ได้เลยแม้แต่น้อย ไทยก็ส่วนไทย พม่าก็ส่วนพม่า ที่ย่อมมีความผิดแผก แตกต่าง ในเนื้อหา สาระ แบบชนิดคนละเรื่อง คนละม้วน แม้จะ ชู 3 นิ้ว เหมือนๆ กันก็ตาม และการปล่อยให้บรรดาชาวพม่าทั้งหลาย เลือกทางออก ทางไปกันเอาเอง โดยไม่จำเป็นต้องเข้าไปแทรกแซงกิจการภายในให้มากเรื่อง มากความ ไม่ว่าฝ่ายหนุน หรือฝ่ายต้าน สุดท้าย...ทุกสิ่งทุกอย่างก็น่าจะอรหน่ายหน่อยเอย ไปตามสภาพ...นั่นแล...

                                    ---------------------------------------------------

                ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Sister Helen Prejean...“There are two situations that make interesting stories: when extraordinary person is plunged into the commonplace, and when an ordinary person gets involved in extraordinary events. - มีสถานการณ์ 2 อย่างที่ทำให้เกิดเรื่องที่น่าสนใจ นั่นคือ เมื่อคนพิเศษถลำลงไปในสถานการณ์ธรรมดา และเมื่อคนธรรมดาเข้าไปเกี่ยวข้องกับสถานการณ์พิเศษ...”

                                   -----------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"