ห้ามเสียงแตก ‘บิ๊กตู่’ขู่ถ้ามีปัญหาพิจารณาเป็นรายพรรค


เพิ่มเพื่อน    

  “ประยุทธ์” กำชับรัฐมนตรีชี้แจงทุกดอก ย้ำคะแนน 10 รมต.ต้องใกล้เคียงกัน ขู่พิจารณารายพรรคหลังจบศึกถ้ามีปัญหา รับจะอดทนฟังเพราะจุดเดือดต่ำ สงบนิ่งและพูดน้อยที่สุด “ชวน” เชื่อคุมเกมอยู่ ปัดตอบ “แหนบ”  เป็นอาวุธหรือไม่ ฝ่ายค้านประสานเสียงยันอ่านญัตติทุกตัวอักษร ลั่นหากมีคนขวางจะดำเนินคดีข้อหาขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ โวมีหลักฐานเด็ดหลังจบกฐินมี 4-5 รัฐมนตรีนอนคุกแน่

    ในวันอังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ สภาผู้แทนราษฎรมีระเบียบการประชุม ครั้งที่ 23 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง)  เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาเรื่องด่วนญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล จำนวน 10 ราย  ซึ่งนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย  (พท.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน กับคณะ 208 คน เป็นผู้เสนอ    
     โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมว่า คงไม่ต้องตอบเรื่องความกังวลเกี่ยวข้องอะไรต่างๆ ส่วนเรื่องสถาบันในสภาควรหรือไม่ควรก็ไปว่ากันมา เป็นเรื่องของสมาชิก และเป็นเรื่องที่สภาต้องดำเนินการให้อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกประการ
        พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยระบุว่ามีบิ๊ก ป.ในรัฐบาลรับส่วยแรงงานว่า ”ป.อะไร จะไปรู้ได้อย่างไรว่าใคร เอาเลยใครรับส่วยก็ว่าไปเลย  เรื่องกระบวนการทางกฎหมายมีอยู่แล้ว ขอให้ว่าไปตามกฎหมาย ไม่หวั่นไหวและไม่หวั่นใจ เพราะไม่ได้ไปรับอะไรของใคร"
    มีรายงานข่าวจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แจ้งว่า  ในที่ประชุมนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้รายงานให้ที่ประชุม ครม.ทราบถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจระหว่างวันที่ 16-19 ก.พ.ว่า ฝ่ายค้านจะอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนแรก โดยใช้เวลาวันครึ่ง จากนั้นจะเป็นนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในประเด็นโควิด-19 และการจัดหาวัคซีน ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์พูดว่าให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากการชี้แจงของรัฐบาลมากที่สุด และหวังว่าคะแนนอภิปรายต้องใกล้เคียงทุกพรรค ต้องรับผิดชอบร่วมกัน ขออย่าให้มีปัญหาภายในซึ่งกันและกัน ส่วนนายอนุทินได้สอบถามที่ประชุมว่า ต้องรอให้ฝ่ายค้านอภิปรายจบก่อนแล้วจึงค่อยชี้แจง หรือลุกขึ้นชี้แจงได้เลย เพราะไม่เคยถูกอภิปรายมาก่อน ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่าไม่ต้องรอ หากให้เขาพูดข้างเดียวเดี๋ยวเสียหาย ให้ทยอยตอบ แล้วตอนท้ายเก็บอีกที
“ไม่ต้องเครียด ยิ้มไว้เมื่อภัยมา รวมกันไม่มีใครทำอะไรเราได้ ผมก็จะอดทนฟังอย่างใจเย็น เพราะเป็นคนจุดเดือดต่ำ  จะสงบนิ่งที่สุด พูดน้อยที่สุด ให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องชี้แจง ให้ดูจังหวะให้ดี แม้แต่ตอนเขาโจมตีผม ท่านก็ต้องช่วยชี้แจง”    พล.อ.ประยุทธ์ให้กำลังใจรัฐมนตรี พร้อมแนะนำนายอนุทินด้วยว่า “รู้ว่าหนูเป็นคนใจร้อน พูดให้ใจเย็นๆ เอาเหตุผลนำ”  
ทั้งนี้ รัฐมนตรีหลายคนได้เสนอแนะให้ใช้ช่องทางการสื่อสารของรัฐในการช่วยชี้แจงต่อประชาชนด้วย อาทิ นายจุติ  ไกรฤกษ์? รมว.การพัฒนาสังคมฯ ที่อยากให้ใช้สื่อของรัฐนำสิ่งที่รัฐมนตรีพูดไปเผยแพร่ ส่วนนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ขอให้ติดตามการนำเสนอข่าวของสื่อฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลด้วยเพื่อจะได้ชี้แจง ทั้งนี้ในช่วงวาระสั่งการ พล.อ.ประยุทธ์ได้พูดตอนหนึ่งว่า “ขอความร่วมมือทุกท่านทำทั้งการบ้านและการเมือง การเมืองคือดูแลประชาชนให้ดี ผมจะพิจารณาเป็นรายพรรคไปถ้ามีปัญหา” นอกจากนี้ยังเป็นที่น่าสังเกตอีกว่า ในตอนท้ายการประชุมครั้งนี้นายกฯ ได้แซวนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง กับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า  รมช.เกษตรและสหกรณ์ สองแกนนำพรรคพลังประชารัฐ  (พปชร.) ซึ่งเป็นมุ้งหนึ่งในพรรค และมีข่าวว่าอยู่เบื้องหลังจะทำให้นายณัฏฐพลได้คะแนนน้อยที่สุดในการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า “พี่สันติยิ้มหน่อย นัสยิ้มหน่อย”
นอกจากนี้ ช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ยังได้กล่าวถึงกรณีคนแอบอ้างชื่อว่าสนิทกับตนเพื่อไปแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวว่า "รู้จักทุกคน แต่ไม่รู้ใจ ถ้าใครที่ไปแอบอ้างว่าสนิทกับผม เพื่อไปแสวงหาผลประโยชน์ ใครเชื่อก็โง่แล้ว"  
ขณะที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการควบคุมการประชุมว่า เมื่อญัตติเราพิจารณาว่าชอบแล้ว ก็ให้อภิปรายไปตามญัตติ จะออกนอกญัตติไม่ได้  ส่วนที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์พูดได้เท่าที่เขียนไว้ ซึ่งไม่ได้กังวล และเชื่อว่าสมาชิกส่วนใหญ่รู้อะไรควรอะไรไม่ควร ใครที่ออกนอกกติกาพฤติกรรมเหล่านั้นประชาชนกำลังจับตาดูอยู่ จะมีผลต่อเขาโดยตรง พฤติกรรมใดที่ไม่ถูกต้องประชาชนจะลงโทษเอง ไม่ใช่เรื่องที่น่าวิตก และคิดว่าคงไม่มีการประท้วงกันอย่างรุนแรงจนไม่สามารถเดินหน้าอภิปรายไม่ไว้วางใจได้
นายชวนยังกล่าวถึงกรณีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรค พปชร.เตรียมขออนุญาตนำแหนบถอนผมเข้าไปประชุมเพื่อนำไปถอนหงอกผู้นำฝ่ายค้านหากพูดถึงสถาบัน ว่า ทุกอย่างอยู่ที่กฎกติกา ไม่ใช่ใครจะทำอะไรตามอำเภอใจได้ และหากผู้อภิปรายพูดในกรอบก็ถือว่าไม่มีปัญหา  
    เมื่อถามย้ำว่านำแหนบเข้าที่ประชุมสภาได้หรือไม่ นายชวนกล่าวว่า "หากนำไปเป็นอาวุธก็ถือว่าไม่ได้" ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่าแหนบถือเป็นอาวุธหรือไม่ นายชวนตอบว่าไม่ทราบ
นายชวนยังกล่าวถึงเวลาอภิปรายว่า ตราบใดที่ฝ่ายค้านอภิปรายไม่ครบ 42 ชั่วโมง การอภิปรายก็ขยายไปมากกว่า  4 วันได้ และหากอภิปรายเสร็จสิ้นในวันใดก็ลงมติในวันถัดไป  ถึงบอกว่าอย่าไปตั้งเป้าว่าจะลงมติในวันเสาร์ที่ 20 ก.พ.
    ทั้งนี้ ในช่วงเช้านายสิระได้แสดงแหนบถอนผม 2 อันให้ผู้สื่อข่าวดู พร้อมระบุว่าจะนำมาขออนุญาตนายชวนเพื่อนำเข้าที่ประชุมสภาวันที่ 16 ก.พ. และจะนำไปมอบให้นายสมพงษ์ที่ไม่ยอมทบทวนญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจที่เกี่ยวข้องกับสถาบัน และหากนายสมพงษ์พูดถึงสถาบันก็จะเดินเอาแหนบไปถอนผมนายสมพงษ์ทันที
    "ท่านไม่เห็นหรือไม่มีจิตสำนึกปกป้องสถาบัน ผมมีความจำเป็นต้องนำแหนบมาถอนหงอกผู้นำฝ่ายค้าน และหากมีการอภิปรายถึงสถาบัน ผมจะประท้วงทันที และจะประท้วงจนประชุมไม่ได้ การประชุมจะวุ่นวาย และจะทำให้ไม่มีการอภิปรายสถาบัน แต่ถ้าตรวจสอบรัฐมนตรีก็ตรวจสอบไปเลย งัดหลักฐานออกมาให้ประชาชนเห็นว่ารัฐมนตรีคนไหนทุจริต” นายสิระกล่าว
ด้านนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงกรณีพรรคเล็กขอฟังเนื้อหาการอภิปรายก่อนตัดสินใจลงมติไว้วางใจว่า เรื่องนี้จบแล้วได้เคลียร์กันเรียบร้อยแล้ว ส่วนที่ นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ยังจะขอฟังการอภิปรายก่อนลงมตินั้น ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล ไม่ได้เป็นประเด็นอะไร      
ชม 'สิระ' สมองไบรต์          
    นายวิรัชยังกล่าวถึงนายสิระกรณีแหนบถอนผมว่า "นายสิระเป็นผู้ที่มีประเด็นหลากหลายทุกวัน เราไม่สามารถคาดการณ์ว่าเขาจะใช้ประเด็นใด เราถือว่านายสิระเป็นผู้มีสมองที่มหัศจรรย์"   
      นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ  กล่าวว่า นายกฯ และรัฐมนตรีที่มีชื่อถูกอภิปรายมีความมั่นใจและพร้อมชี้แจง ส่วนการที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค พปชร.ยื่นญัตติด่วนให้สภาพิจารณาญัตติฝ่ายค้านให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญเพื่อตีความนั้น ไม่ได้เพราะกลัวการอภิปราย แต่กลัวว่าฝ่ายค้านจะถูกดำเนินคดีมากกว่า หากจะใช้เวทีนี้อภิปรายพาดพิงสถาบัน ซึ่งอาจเจอมาตรา 112 หรือบางพรรคอาจถูกยุบพรรคเหมือนอดีตพรรคไทยรักษาชาติได้
    “หากนายการุณหรือพรรคร่วมฝ่ายค้านไม่อยากให้ ส.ส.รัฐบาลลุกขึ้นมาประท้วง ก็ขอให้อภิปรายในประเด็นและอยู่ในกรอบ โดยอย่าอภิปรายพาดพิงถึงสถาบันเด็ดขาด เพราะ  ส.ส.รัฐบาลหรือประชาชนก็คงทนเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะคนไทยส่วนใหญ่จงรักภักดี ต้องการปกป้องสถาบันให้อยู่คู่แผ่นดินไทย”
    ขณะเดียวกัน ที่ทำการพรรค พท.ได้มีการประชุมแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านเพื่อเตรียมความพร้อม โดยนายสมพงษ์ยืนยันว่า ญัตติได้ผ่านการพิจารณาของประธานสภา และบรรจุเรียบร้อยแล้ว ไม่มีอะไรที่เป็นปัญหา จะอ่านญัตติตามตัวอักษร หากเกิดการประท้วงก็ขอให้เป็นเรื่องของประธานในที่ประชุมจะวินิจฉัย  
    นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า  การอ่านญัตติเป็นขั้นตอนปกติที่ต้องปฏิบัติ ไม่น่าจะมีปัญหา  เชื่อว่าประธานสภาควบคุมได้ ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลขู่ประท้วงหากฝ่ายค้านมีการอ่านญัตติพาดพิงสถาบันหรือคนนอกนั้น เรารู้ว่าอะไรควรไม่ควร ฝ่ายค้านไม่ได้อภิปรายสถาบัน แต่จะอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ที่บริหารบ้านเมืองเสียหายและกระทบไปถึงสถาบัน       นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรค พท. ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน  (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวเช่นกันว่า การอ่านข้ามหรือหลบเลี่ยงญัตตินั้นไม่ถูกต้อง การอ่านญัตติไม่ครบหรือข้ามไปนั้นถือว่าไม่สมบูรณ์และจะมีปัญหาแน่นอน ส่วนกรณีนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.พลังประชารัฐ จะขัดขวางหรือประท้วงการอ่านญัตตินั้น เรื่องนี้มีคนพร้อมดำเนินคดีอยู่แล้ว หลังอภิปรายจะโดนข้อหาขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่เพราะ ส.ส.เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ
    ส่วน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษ พรรค พท.กล่าวว่า การอภิปรายครั้งนี้ไม่ได้มีส่วนจัดทำหลักฐานในคดีอะไร แต่วันนี้เศรษฐกิจตกต่ำ คนยากจน ส่วนรัฐบาลคิดโครงการออกมาแบบคนฉลาดน้อย จะโยนความรับผิดชอบให้ใครไม่ได้ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ซึ่งไม่รู้เรื่องอะไรจริงๆ โดยยังหวังว่าที่ไบเดนยึดเงินทหารเมียนมาจะแจ้งมาถึงรัฐบาลไทยว่ามีใครเอาเงินไปฝากไว้บ้าง
“ผมไม่อยากวิจารณ์คุณไปมากกว่านี้ เชื่อว่าการอภิปรายครั้งนี้คุณจะชนะโหวต แต่อาจสะบักสะบอม ช่วง 2 วันที่ผ่านมา ส.ส.พรรคพลังประชารัฐทำอะไรกัน ฝ่ายค้านยังไม่ทันถามเลย ยิ่งพวกที่มีคดีกับ ป.ป.ช.รีบออกมาแสดงกันใหญ่ เป็นแค่ผู้แทนเกรดซี ไม่เหมือนสมัยผมเป็นผู้แทนเกรดเอ เมื่อไหร่มีที่ว่างใน กทม.จะขอลงสมัครเป็นผู้แทนบ้าง” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว  
    นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรค พท.กล่าวว่า การรีบร้อนออกมาประกาศคะแนนเสียงโหวตรัฐมนตรีจะออกมาเท่ากันนั้นผิดธรรมชาติ ยังไม่ได้ฟังเลยว่าฝ่ายค้านกล่าวหาอะไร หรือมีการวางกล้วยมัดจำกันไว้แล้ว  รัฐบาลอย่าเพิ่งรีบร้อน เพราะมีรัฐมนตรีต้องลุ้นตกเก้าอี้ติดคุก อยู่หลายคน
ฟุ้งมีเชือด 4-5 รมต.
    นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล แกนนำพรรค พท. ในฐานะประธานคณะทำงานต่อต้านโกง กล่าวว่า ได้รับข้อมูลชัดเจนมาว่ามีการจัดตั้งขบวนการเพื่อรับส่วยของแรงงานต่างด้าว หรือแรงงานข้ามชาติอย่างเป็นระบบ รวมไปถึงปัญหายาเสพติดด้วย โดยข้อมูลการรับส่วยนี้ไปถึงบิ๊ก ป. แต่ไม่รู้ว่า ป.ปลาไหน โดยจะมอบให้ นพ.ชลน่านนำไปอภิปรายในสภาต่อไป   
    นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรค พท.กล่าวว่า จะอภิปรายเพื่อให้ ส.ส.หลายคนเห็นคล้อยกับเรา ไม่ไว้วางใจสภา แม้มือในสภาสู้ไม่ได้ แต่จะส่งเรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยเรื่องจะส่งต่อไปยัง ป.ป.ช.มี 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มที่พบความผิดตามข้อกล่าวหา ฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามจริยธรรมอย่างร้ายแรง จะส่งให้มีการตรวจสอบ และ 2.กลุ่มที่ทำผิด  ทุจริต ทำผิดกฎหมาย แสวงหาผลประโยชน์ชัดเจน คาดว่าหลังการอภิปรายจบลงจะมีรัฐมนตรี 4-5 คนที่เข้าข่ายในความผิดทั้งสองกลุ่มนี้  
รายงานข่าวจากพรรค พท.แจ้งว่า ผู้อภิปรายส่วนใหญ่ในกลุ่ม 15 คนที่ได้รับการวางตัว ยังสงวนสิทธิ์ในการไม่เปิดเผยข้อมูลสำคัญประกอบการอภิปราย เนื่องจากเกรงว่าข้อสอบจะรั่ว แต่มีแกนนำหญิงของพรรค พท. ชื่อย่อ “จ.”  ประสานไปยังผู้อภิปราย โดยให้เหตุผลว่าต้องการไปจัดทำสไลด์ แต่ก็ถูกปฏิเสธ ซึ่งแกนนำหญิงก็ยังรบเร้าเพื่อขอดูเนื้อหา จึงเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่าต้องการข้อมูลล่วงหน้าเพื่อวัตถุประสงค์ใดกันแน่ เพราะช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา แกนนำคนดังกล่าวพยายามทำตัวเป็นนายหน้าประสานงานรัฐมนตรีที่จะถูกซักฟอกให้พบปะกับ ส.ส.ฝ่ายค้านที่จะทำหน้าที่อภิปรายรัฐมนตรีรายนั้นๆ โดยใช้บ้านพักตัวเองเป็นสถานที่พบปะ ซึ่งแกนนำดังกล่าวไม่ได้มีตำแหน่งหรือรับมอบหมายใดๆ เกี่ยวกับการอภิปราย แต่กลับประสานจองห้องประชุมภายในสภาตลอดช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจเพื่อตั้งเป็นวอร์รูม      
    นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า การอภิปรายในครั้งนี้เป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ขอให้ประชาชนติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ให้ดี ทั้ง 4 วันจะมีการอภิปรายถึงความล้มเหลว  การทุจริตและความผิดที่ประชาชนรับไม่ได้.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"