‘บิ๊กตู่’แจงทหารจัดซื้อแพงเพราะเงื่อนไขมากกว่าซื้อออนไลน์ก่อนตบท้ายแผ่นดินนี้ศักดิ์สิทธิ์ใครมีเจตนาดี-ไม่ดีสิ่งศักดิ์สิทธิ์รู้หมด


เพิ่มเพื่อน    

17 ก.พ.2564  -  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ยังได้ชี้แจงถึงการจัดซื้ออุปกรณ์ต่างๆของกองทัพ ที่พรรคก้าวไกลอภิปรายไว้เมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 16 ก.พ.ว่า การจัดซื้อเครื่องแต่งกายของทหารที่ฝ่ายค้านกล่าวหามีการจัดซื้อราคาสูงเกินจริง ยืนยันจัดซื้อตามกฎหมาย มีการกำหนดขั้นตอนชัดเจน สอดคล้องหลักการความคุ้มค่า โปร่งใสมีประสิทธิภาพ โดยมีเงื่อนไขที่ผู้ขายต้องปฏิบัติแตกต่างจากการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ เช่น การเสนอราคา การวางหลักประกันสัญญา การค้ำประกันความชำรุดเสียหาย การจัดส่งพัสดุตามระยะเวลาส่งมอบ การปรับเมื่อไม่ปฏิบัติตามสัญญา 0.2%ของวงเงินสัญญา จึงมีความแตกต่างการจัดหาจากการสั่งซื้อออนไลน์ และบริษัทผู้ขายเหล่านี้ต้องเสียภาษีให้รัฐด้วย ราคาจึงต่างกันพอสมควร และสินค้าที่กองทัพสั่งมีคุณลักษณะเฉพาะ สเป็กเหมาะสมกับการใช้งานทางทหาร มีความคงทนแตกต่างจากท้องตลาดทั่วไป  

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การจ้างผลิตเครื่องแต่งกายทหาร มีการสืบราคาจากการผลิตจากผู้ประกอบการที่มีขีดความสามารถตรงความต้องการ ผู้ผลิตต้องมีขีดความสามารถผลิตได้ครั้งละจำวนมากๆ ทันเวลา มีคุณภาพเหมือนกันทั้งกองทัพที่ไม่อาจหาซื้อได้ตามตลาดทั่วไป ส่วนการจัดหากล้องตรวจหาเวลากลางคืนแบบตาเดียว เรามีทหารหลายหน่วยทั้งหน่วยทหารราบ หน่วยรบพิเศษ มีความจำเป็นต้องใช้กล้องดังกล่าวลาดตระเวนเวลากลางคืน จำเป็นต้องใช้กล้องมีประสิทธิภาพสูง ได้ตรวจสอบบริษัทที่ผลิตที่มีสเป็กตามที่ต้องการแล้วมีเพียงรายเดียว ทำให้ต้องซื้อในวิธีเฉพาะเจาะจง เป็นราคาเดียวกับที่เคยจัดซื้อในปี 2561-2562 ขอให้ฟังกันบ้าง 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า  สำหรับการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ เขาไม่ได้ผลิตมารอไว้ให้เราซื้อ จะเห็นได้ว่าต้องใช้เวลาหลายปี ดังนั้น เมื่อทำสัญญากันแล้ว มีการจ่ายเงินเป็นงวดๆ เราไม่ได้ใช้จ่ายงบประมาณเป็นก้อนทีเดียว จึงขอให้ทำความเข้าใจในเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณของกระทรวงกลาโหมด้วย ซึ่งกระทรวงกลาโหมต้องพิจารณาการจัดซื้อให้อยู่ในวงเงินที่จำกัด จัดซื้อในสิ่งที่จำเป็น และเป็นเพียงกระทรวงหนึ่งที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากรัฐบาลเช่นกัน   กระทรวงกลาโหมทำตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 และมีการทำตามระเบียบต่างๆที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และเราได้ย้ำเตือนว่าการจัดซื้อจัดจ้างต่างๆต้องมีความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ และตรวจสอบได้ตลอดเวลา และตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆในกระบวนการการจัดซื้อจัดจ้างต่างๆ ดังนั้นอย่ามากล่าวอ้างว่าตนได้รับผลประโยชน์จากตรงนี้ ตนบอกว่าเงินอะไรก็ตามที่ไม่สุจริต ตนไม่รับทั้งสิ้น  

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า  เรือดำน้ำที่ยังถูกนำมาวิพากษ์วิจารณ์นั้น ขอให้แยกแยะระหว่างเรื่องสถานการณ์โรคโควิด-19 เรื่องสุขภาพ กับเรื่องสถานการณ์โลก ความมั่นคงของประเทศ ความมั่นคงในระดับภูมิภาค ทั้งนี้ สิ่งที่มีการวิจารณ์ว่าทำไมรัฐบาลยังเอาเงินไปซื้ออาวุธนั้น ขอชี้แจงว่าการขับเคลื่อนประเทศต้องมีการกำหนดทิศทางหลายด้าน สำหรับการมีเรือดำน้ำเป็นการสร้างความมั่นใจว่าประเทศไทยมีศักยภาพในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ พื้นที่ของไทยติดทะเลกว่า 3,000 กิโลเมตร โดยในยามปกติ เรือดำน้ำจะทำหน้าที่ป้องกันและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลของไทย การประมงนอกและในน่านน้ำ รวมถึงทำหน้าที่ตรวจตรากิจการความมั่นคงทางทะเล และการแก้ปัญหาขบวนการค้ามนุษย์ในทะเลและผู้อพยพชาวโรฮีนจา  

“เมื่อวันที่ 12 ก.ค.2563 เราทราบว่ามีเรือรบจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาค้นหาผู้อพยพชาวโรฮีนจาในน่านน้ำทะเลอันดามัน ซึ่งเป็นการเข้ามาทางใต้น้ำโดยไม่เกรงใจไทย  การมีเรือดำน้ำจะสะท้อนอานุภาพของกองทัพเรือ และแม้อยู่ในยามสงบ แต่การกระทบกระทั่งกันเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ หรือเกิดการแย่งชิงเขตแดน  สำหรับการจัดซื้อเรือดำน้ำ เมื่อทำสัญญาแล้ว มีการทยอยจ่ายเงินแบบผ่อนชำระ กว่าจะได้เรือดำน้ำ 1 ลำ ต้องใช้เวลาถึง 6 ปีกว่าจะสำเร็จ และเราต้องส่งคนไปฝึกอบรมเรียนรู้การก่อสร้างและวิธีการใช้งานต่างๆ เพราะทุกคนที่ไปอยู่ในเรือดำน้ำ ต้องเสี่ยงชีวิต ต้องเอาชีวิตไปฝากไว้ในนั้น เพื่อรักษาความสงบให้กับประชาชน” นายกฯ กล่าว 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า เมื่อเทียบผลประโยชน์ทางทะเลของไทย 24 ล้านล้านบาท กับราคาเรือดำน้ำนั้น จะเห็นได้ว่าที่เราลงทุนในเรื่องเรือดำน้ำ คิดเป็น 0.093% น่าจะมีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจและตอบสนองยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง  หลายคนบอกว่าจะซื้อไปทำไม และไม่ต้องมีทหาร ไม่ต้องมีอาวุธนั้น ตนมองว่าคิดอย่างนั้นไม่ได้ และถ้าคิดแบบนั้น เราจะอยู่กันอย่างไรในวันข้างหน้า และไม่มีใครรู้ว่าในอนาคตเราจะเป็นอย่างไร ยามศึกเรารบ ยามสงบเราเตรียมพร้อม หลักการมีอยู่แค่นี้ เราต้องพร้อมทั้งขวัญกำลังใจคนและเครื่องมือ  อาวุธต่างๆ ในวันนี้ความรุนแรงและมีความแม่นยำมากขึ้น ถ้าประเทศเราไม่พัฒนาตัวเอง ก็จะอยู่กันไม่ได้ มันมีความเสี่ยงตลอด และขอให้ทุกคนเห็นใจกำลังพลที่เป็นลูกหลานของท่านทั้งนั้น ชีวิตของเขามีความเสี่ยงในยามต้องออกไปสู้รบ  ส่วนเรื่องการบาดเจ็บหรือการสูญเสียของกำลังพล ในกรณีที่มีการซ่อมด้วยข้อหาที่ว่าทำผิดวินัยนั้น ได้สั่งห้ามทำอย่างนั้นแล้วและสั่งลงโทษแล้ว รวมถึงให้มีการดูแลเยียวยาแก่ผู้ปกครองของกำลังพลรายนั้นๆ  ทั้งหมดนี้เรามีการดูแล ไม่ว่าจะกำลังพลหรือประชาชนทั่วไป 

นายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า  วันนี้ทุกคนทำงานกันอย่างเต็มที่ มีวิธีที่เหมาะสมในการบังคับใช้กฎหมาย ตนจึงขอให้เห็นใจเจ้าหน้าที่ด้วย ดังนั้นขอให้ทุกคนอยู่ในกรอบของกฎหมาย ซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดว่าทุกคนต้องไม่ละเมิดสิทธิของคนอื่น มิฉะนั้นถือว่าผิดกฎหมาย ดังนั้น ถ้าใครจะชุมนุมก็ทำได้ โดยอย่าใช้ความรุนแรง ใครจะชุมนุมก็ทำไป อย่าใช้ความรุนแรง แต่เราเห็นกันอยู่ว่าเขามีความรุนแรงทุกอย่าง อย่ามาปฏิเสธ ส่วนใครทำนั้น ไม่รู้เหมือนกัน แต่สำหรับตนคิดเสมอว่าเขาเป็นคนไทยและที่อยู่ร่วมชาติเดียวกัน แต่พวกเขาจะคิดอย่างนั้นหรือไม่ ไม่แน่ใจ แผ่นดินนี้มีความศักดิ์สิทธิ์ ใครมีเจตนาดีหรือเจตนาไม่ดี สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านรู้หมด ตนนับถือศาสนาพุทธจึงเชื่อมั่นเรื่องนี้
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"