ล็อบบี้ยกมือโหวตแล้ว ฝ่ายค้านถล่มรายรมต./พปชร.ขยับขอเสียงคาด‘ป้อม’แชมป์


เพิ่มเพื่อน    

 ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจวันที่ 3 ฝ่ายค้านกะซวกรายรัฐมนตรี เน้นไปที่พรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะ “ประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย” ไล่มาตั้งแต่ “จุรินทร์-ศักดิ์สยาม-นิพนธ์” พร้อมไม่ลืมเชือด “บิ๊กป้อม-บิ๊กป๊อก” รัฐมนตรีเรียงหน้าแจงไม่มีทุจริต ยันทำตามกฎหมาย ปชป.จัดหนักถอดเทปคำปราศรัย หากมั่วนิ่มเอาคืนทั้งแพ่ง-อาญา สะพัด! ล็อบบี้ยกมือโหวตแล้ว “สุชาติ” มั่นใจหนีบ๊วย “ประวิตร” ครองแชมป์ไว้วางใจสูงสุด

    เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคค ล จำนวน 10 คน ต่อเนื่องเป็นวันที่สาม โดยก่อนการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางมาถึงอาคารรัฐสภา โดยมีสีหน้าที่เรียบเฉย และเมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงบรรยากาศการอภิปราย 2 วันที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ตอบด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายว่า ถ้าถามว่าการที่หาว่าตอบตรงหรือไม่ตรง ขอบอกว่าเป็นการตอบด้วยหลักการกว้างๆ หลักการใหญ่ๆ และถ้ามีรายละเอียดอะไรออกมา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเขาจะชี้แจงเองอีกที นายกฯ มีข้อมูลทั้งหมดอยู่แล้ว แต่บางครั้งตอบไปไม่เกิดประโยชน์
“พูดแล้วพูดอีกก็ยังพูดซ้ำซากอยู่ อยากขอว่าควรพูดจาให้สุภาพเรียบร้อย เป็นคนไทยด้วยกันก็ควรมีมารยาทกันบ้าง โดยเฉพาะสภาที่เรียกกันว่าสภาผู้ทรงเกียรติแห่งนี้ ผมให้เกียรติทุกคน ดังนั้นขอให้เกียรติกับสถานที่เขาบ้าง ทำงานก็ดี สะดวกสบายกว่าคนอื่นเขาเยอะ เพราะฉะนั้นก็ควรเป็นสุภาพชน เมื่อเดินเข้ามาในสถานที่แห่งนี้” นายกฯ กล่าวถึงเนื้อหาการอภิปรายที่ผ่านมา
    ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงการอภิปรายของนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ว่าโกหกทั้งนั้น ซึ่งคุณหมอก็ออกมาโต้ตอบชี้แจงหมดแล้ว ความจริงแล้วถือเป็นสิ่งที่น่าละอายมากที่เอาเวทีของสภามาหวังผลทางการเมือง และเอาข้อมูลที่ไม่มีประโยชน์เลยมาให้ประชาชนตื่นตระหนก ไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อย ไปทำให้ประชาชนตื่นตระหนก
    "ความจริงนายวิโรจน์ถือเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ ไม่น่าทำตัวแบบนี้ น่าเสียดาย ซึ่งเรื่องนี้ผมก็ไม่คิดจะฟ้องร้องอะไร คนแบบนี้ฟ้องไปแล้วมีประโยชน์อะไร ฉีดแอลกอฮอล์ใส่ตัวก็พอแล้ว" นายอนุทินกล่าว
         ขณะที่นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงภาพรวมการอภิปราย ว่าวันแรกเป็นการนำร่องพูดถึงความล้มเหลว เป็นเชิงนามธรรม วันที่สองเป็นเนื้อหาจับต้องได้ คือเรื่องทุจริต? และวันที่สามเริ่มเป็นเรื่องทุจริตเป็นราย?กรณี ทั้งกระทรวงคมนาคมและพาณิชย์ และในวันสุดท้ายจะปิดที่การอภิปรายของกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง? พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ทั้งนี้? ภาพรวมเป็นไปอย่างที่วางแผนไว้ ถือเป็นเรื่องน่าพอใจ เริ่มด้วยนำร่อง เข้าถล่ม และวันสุดท้ายจะได้สำเร็จตามเป้าหมาย
      นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรค พท. กล่าวว่า ฝ่ายค้านมีการเตรียมข้อมูลมาเป็นอย่างดี เพื่อที่ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ตอบข้อสงสัย แต่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ตอบ แต่มาการันตีว่าทั้งตัวเอง พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ว่าไม่มีใครรับผลประโยชน์แน่นอน และท้าฝ่ายค้านเอาข้อมูลมา ทั้งที่เป็นความรับผิดชอบของ พล.อ.ประยุทธ์ ในการดำเนินทำความจริงให้ปรากฏ แต่ก็ไม่รับผิดชอบ
ฟันธงบิ๊กป้อมคะแนนสูงสุด
        “คำพูดที่ออกมาจากปากโมฆบุรุษจะสามารถเชื่อได้หรือไม่ เพราะผ่านมาไม่เคยรักษาคำพูดตัวเองได้เลย โกหกมาตลอด ตั้งแต่บอกไม่คิดรัฐประหาร ฝ่ายค้านอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ทราบว่าใบเสร็จของการบริหารแผ่นดินที่ไร้ประสิทธิภาพ คือใบเสร็จที่ดีที่สุด น้ำตาประชาชนที่ไหลออกมาจากความน้อยเนื้อต่ำใจ ที่รัฐบาลไม่เห็นหัวประชาชน” นพ.ชลน่านกล่าว
     นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรค พท. กล่าวถึงครึ่งทางของศึกอภิปรายว่า ไม่เหนือความคาดหมายที่รัฐบาลตอบไม่ตรงคำถาม และพยายามโบ้ยให้เป็นความผิดของฝ่ายค้านที่ถามไม่ตรงคำตอบ 2 วันที่ผ่านมา รัฐบาลตอบคำถามไม่ผ่าน คาดว่าหลังอภิปรายอาจนำไปสู่การปรับ ครม.เพื่อหาแนวทางอยู่ต่อ ในพี่น้อง 3 ป. คนที่อาจได้คะแนนไว้วางใจสูงสุดคือ พล.อ.ประวิตร ตามมาด้วย พล.อ.ประยุทธ์
    ด้านนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ภาพรวมการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 2 วันที่ผ่านมาว่า ถือว่าช้ากว่ากำหนด จึงไม่แน่ใจว่าวันสุดท้ายจะทำได้ตามกำหนดหรือไม่ ซึ่งไม่เป็นปัญหา เพราะถ้าไม่ได้เป็นตามเวลาก็ขยายเวลาไป? วิปฯ ต้องหารือกัน
    และเมื่อเวลา 09.00 น. ได้เปิดประชุม โดยมีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธาน ซึ่งนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรค พท. อภิปรายเป็นคนแรก กล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์ กับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ กรณีปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตการจัดซื้อถุงมือยางขององค์การคลังสินค้า (อคส.) ว่าการทุจริตจัดซื้อถุงมือยางของ อคส.จำนวน 500 ล้านกล่อง วงเงิน 112,500 ล้านบาท มีการแบ่งแยกหน้าที่กันทำ โดยมีตัวละครสำคัญคือ นายสุชาติ เดชจักรเสมา ประธานกรรมการ อคส. เป็นคนสนิทนายจุรินทร์ และอดีตผู้ช่วยนายบัญญัติ บรรทัดฐาน เป็นคนเปิด-ปิดประตูรถให้นายบัญญัติ
    ทั้งนี้ นายประเสริฐยังได้ไล่เรียงตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงการทำสัญญาก่อนที่จะสรุปว่า คดีนี้วงเงินทุจริตสูงถึง 2,000 ล้านบาท กระทำโดยพฤติกรรมอุกอาจจากคนสนิทนายจุรินทร์ นายจุรินทร์ต้องใช้อำนาจหน้าที่สั่งนายสุชาติรายงานข้อเท็จจริง แต่นายจุรินทร์ไม่ทำ ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ทราบเรื่องนี้มาโดยตลอด แต่ไม่ดำเนินการใดๆ กับนายจุรินทร์ นายสุชาติ หรือบุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้เงิน 2,000 ล้านได้อันตรธานหายไปจากบัญชีของ อคส.เรียบร้อยแล้ว ถือว่าเป็นการกระทำการทุจริตอย่างหน้าด้าน ไร้ยางอาย ปล้นชาติ โดยช่วยกันคิด แยกหน้าที่กันทำ แต่ร่วมกันหาผลประโยชน์อย่างไร้ยางอาย จึงไม่อาจไว้วางใจนายกฯ และนายจุรินทร์           
จากนั้น เวลา 10.40 น. นายจุรินทร์ชี้แจงว่า เห็นด้วยเกือบจะเรียกว่าทุกประการ ไม่มีอะไรไปโต้แย้ง แต่ขอปฏิเสธว่าไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องหรือยุ่งโครงการทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นทางการหรือไม่เป็นทางการ หรือแอบสั่งการในที่ลับหรือแจ้งก็ตาม และต้องขออภัยที่ต้องใช้คำว่าผู้อภิปรายโกหกหลายประการ โดยเฉพาะที่บอกว่าไม่เคยตั้งกรรมการสอบ ไม่อายัดเงินหรือหน่วยงานมีอำนาจไม่อายัดเงิน เพราะมีการตั้งกรรมการสอบโดย อคส. แต่ไม่ได้เป็นข่าวใหญ่โตพาดหัวเท่านั้นเอง
    “ผมได้ทำทุกอย่างเรียกได้ว่าครบถ้วนด้วยความปรารถนาอย่างแท้จริง ที่ตั้งใจจะนำคนผิดมาลงโทษ และเอาเงิน 2,000 ล้านของ อคส.พร้อมดอกเบี้ยกลับคืนมาเป็นของรัฐโดยเร็ว ภายใต้อำนาจที่มีอยู่ ส่วนที่ห่วงว่ามีการอายัดบัญชีหรือไม่ ขณะนี้ ปปง.ได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว” นายจุรินทร์กล่าว
จ่อเช็กบิลฝ่ายค้าน
     นายจุรินทร์ยังกล่าวว่า เรื่องนี้ส่งไปยัง ป.ป.ช.แล้ว เนื่องจากมีอำนาจในการตรวจสอบ สิ่งที่เขียนในญัตติว่าพฤติกรรมไม่มีธรรมาภิบาล แต่ท่านกำลังเรียกร้องอะไร เรียกร้องให้ใช้ธรรมาภิบาลหรือลุแก่อำนาจ อยากปลดใครก็ปลด อยากสอบใครก็สอบ ท่านทราบหรือไม่ว่าคนที่ลุแก่อำนาจ เคยมีตัวอย่างปรากฏให้เห็นมาแล้ว อดีตนายกฯ ท่านคงรู้จักดี ไปย้ายอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) สุดท้ายไปศาลปกครองสูดสุด และตัดสินว่าใช้อำนาจโดยไม่ชอบ ไปศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ซึ่งกำลังอธิบายว่าเหตุใดไม่ตั้งกรรมการสอบ ไม่ปลดประธานบอร์ด ไม่ต้องการใช้อำนาจที่ลุแก่อำนาจโดยไม่ชอบ
ภายหลังนายจุรินทร์ชี้แจงเสร็จ เกิดการโต้เถียงกันระหว่างนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ กับนายบรรลังก์ อรรณนพพร ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย โดยนายอัครเดช ในฐานะเลขานุการ และโฆษก กมธ.พาณิชย์ ยืนยันว่าเอกสาร กมธ.ที่นายประเสริฐใช้อภิปรายเป็นเท็จ ขณะที่นายบรรลังก์ยืนยันว่าเป็นเอกสารจริง และเอกสารลงนามโดยเลขาฯ กมธ. คือนายอัครเดช  
จากนั้น นายประเสริฐชี้แจงอีกครั้งว่า เอกสารที่ใช้อภิปรายเป็นบันทึกการประชุมเมื่อวันที่ 14 ต.ค. และยังอาศัยรายงานการศึกษาออกโดย กมธ.พาณิชย์ทั้งคู่ และอยากถามนายจุรินทร์ว่าผ่านมา 6 เดือนจนถึงวันนี้ เงิน 2,000 ล้านบาทยังไม่ได้คืน ทำได้เพียงแค่นี้หรือ
นายจุรินทร์สวนว่า ท่านถามว่า 6 เดือนทำได้เพียงนี้หรือกับการทุจริตถุงมือยาง ทราบหรือไม่ทุจริตจำนำข้าวจนถึงขณะนี้ยังบังคับเงิน 3.5 หมื่นล้านบาทจากอดีตนายกฯ ไม่ได้ แต่นี่ 6 เดือน นำเรื่องเข้าสู่ ป.ป.ช. เราก็ได้ดำเนินการตามขั้นตอน ถือว่าทำจนสุดศักยภาพ
     ในที่สุดนายประเสริฐกล่าวว่า ขอให้นายจุรินทร์และนายกฯ เตรียมไปชี้แจงที่ ป.ป.ช.ได้เลย เพราะจะฟ้องดำเนินคดี
    นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายจุรินทร์ได้สั่งการให้ฝ่ายกฎหมายแกะเทปการอภิปรายของนายประเสริฐ ที่กล่าวหานายจุรินทร์มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตการจัดซื้อถุงมือยางแล้ว หากถอดเทปการอภิปรายแล้วพบว่ามีคำใดที่ทำให้นายจุรินทร์และพรรคเสียหาย จะยื่นฟ้องทั้งคดีแพ่งและอาญาแน่นอน
    ต่อมาในเวลา 12.10 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรค พท. อภิปรายไม่ไว้วางใจโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม มูลค่า 1.2 แสนล้านบาท ตั้งแต่เริ่มก่อนระบุว่า มีการแบ่งงานกันทำ และเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง โดยไม่เห็นประโยชน์ของประเทศชาติ อยากเตือนเอาไว้ว่าก่อนหน้านี้ศาลก็ได้ตัดสินจำคุก 6 ปี อดีตผู้ว่าฯ รฟท.คดีแอร์พอร์ตลิงก์เอาไว้เป็นอุทาหรณ์  
    นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ชี้แจงว่า ขอชมลีลาการพูดของนายจิรายุว่าน่าฟัง บางประเด็นชัดเจน แต่บางประเด็นก็ขาด ที่กล่าวหาว่าเอื้อประโยชน์นั้น อยากถามว่าเอื้อประโยชน์ใคร เพราะโครงการนี้ยังไม่ได้เปิดซอง ยังไม่ได้ตัดสินว่าใครจะชนะ ยืนยันว่าคมนาคมทำตามกฎหมาย ขอถามว่าที่ท่านอภิปรายมาตลอดนั้นผิดกฎหมายตรงไหน เกี่ยวข้องกับคมนาคมอย่างไรที่ไม่ได้ไปกำกับดูแล นี่เป็นเรื่องที่ท่านนำข่าวมาปะติดปะต่อมาจินตนาการเองใช่หรือไม่ ซึ่งตนเองติดตามและชอบที่ท่านอภิปราย แต่ท่านจะไม่พูดให้ครบ
    ในเวลา 14.00 น. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ อภิปรายนายศักดิ์สยามในการถือครองบุกรุก และพักอาศัยในพื้นที่สมบัติของแผ่นดิน หรือที่สงวนหวงห้ามที่มีไว้เพื่อประโยชน์ประชาชนโดยรวม ที่รถไฟเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ขณะที่นายศักดิ์สยามชี้แจงว่า ที่ดินดังกล่าวมีโฉนดเลขที่ 3466 มีการซื้อขายกันมาจนออกเป็นโฉนด มีการชี้แนวเขตโดยวิศวกรการรถไฟฯ  และมีประชาชนอยู่ในที่ดินบริเวณดังกล่าวมานานขนาดที่ว่าเราเกิดกันไม่ทัน ยืนยันว่าไม่เคยแทรกแซงสั่งการใดๆ ในที่ดินดังกล่าว ไม่มีการเลือกปฏิบัติ ไม่ว่าคนใกล้ชิดหรือไม่ใกล้ชิด ต้องยึดหลักภายใต้หลักกฎหมาย
    ระหว่างการอภิปรายของ พ.ต.อ.ทวีนั้น ส.ส.พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ได้ลุกขึ้นประท้วงการอภิปรายดังกล่าวเป็นระยะ ซึ่ง พ.ต.อ.ทวีใช้สิทธิ์พาดพิงโดยกล่าวตอนหนึ่งว่า “มีในบันทึกด้วยว่าพ่อชัย  ชิดชอบ ได้เข้าไปอยู่อาศัยในที่ดินของการรถไฟฯ ด้วย” ทำให้นายศักดิ์สยามโต้ว่า “เรื่องที่พาดพิงถึงบิดาของผมนั้น ผมไม่โกรธ แต่ไม่แน่ใจว่าทายาทคนอื่นจะโกรธหรือไม่ หากเขาโกรธขอให้ท่านเตรียมรับหมายศาล”
ต่อมาที่รัฐสภา นายภราดร ปริศนานันทกุล โฆษกพรรค ภท.พร้อมคณะ รวมถึงผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) มาแถลงข่าวชี้เเจงเรื่องดังกล่าว โดยยืนยันว่าทุกอย่างดำเนินตามกฎหมายครบถ้วน สมบูรณ์ทุกประการ
ก้าวไกลถล่ม ปชป.
      จากนั้นเวลา 14.50 น. นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย กรณีโครงการเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจะนะ เมืองอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต อ.จะนะ จ.สงขลา ว่าเป็นคนวิ่งเต้นโครงการตั้งแต่ดำรงตำแหน่งเป็นนายก อบจ. ซึ่งโครงการนี้เบื้องหลังเกิดมาจากกลุ่มทุนทีพีไอพีพี ที่มาพร้อมกับโครงการสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ และอย่าลืมว่ากลุ่มทุนนี้มีความใกล้ชิดแนบแน่นกับคนในรัฐบาลชุดนี้  
    “การซื้อที่ดินของกลุ่มทีพีไอพีพี เงินตกถึงชาวบ้านไม่ถึง 1 ใน 5 ของมูลค่าการซื้อขาย เพราะในจำนวนทั้งหมด กลุ่มทีพีไอพีพีซื้อจากนายชัยโรจน์และนายวุฒิชัย 224 ล้านบาท และซื้อจากชาวบ้านเพียง 17% ครอบครัวนายนิพนธ์รู้ล่วงหน้าว่ามติ ครม.จะออกมาวันใด ถึงได้เร่งซื้อเร่งโอนที่ดินก่อนที่มีมติ ครม.ออกมา นายนิพนธ์จึงมีพฤติกรรมใช้ข้อมูลภายในจากฐานะ รมต.เอื้อประโยชน์ให้เครือญาติ” นายประเสริฐพงษ์กล่าว  
    นายประเสริฐพงษ์ยังได้ไล่เรียงการซื้อขายที่ดินจนมาถึงมติ ครม. ก่อนทิ้งท้ายว่า นายนิพนธ์ ในฐานะ รมช.มหาดไทย ที่กำกับดูแลกรมที่ดิน แต่กลับมีเครือญาติเป็นนายหน้าค้าที่ดิน ในพื้นที่ที่ตัวเองผลักดันโครงการ และร่วมออกมติ ครม.ผลักดัน มีการออกนโยบาย และใช้อำนาจในทางบริหารเร่งรัดออกโฉนดที่ดินในพื้นที่ ใช้ข้อมูลภายในในฐานะรัฐมนตรีร่วม ครม.อนุมัติดำเนินโครงการ จึงไม่สามารถไว้วางใจให้นายนิพนธ์ต่อไปได้ รวมถึงไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกฯ ที่รู้อยู่แล้วว่าคนคนนี้มีประวัติที่ไม่โปร่งใส ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีเรื่องร้องเรียนอยู่ใน ป.ป.ช.นับสิบคดี แต่ก็ยังแต่งตั้งคนคนนี้ขึ้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี
    นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ชี้แจงแก้ว่า ขอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เพราะข้อมูลของนายประเสริฐพงษ์มีเฉพาะฝ่ายตรงข้ามที่คัดค้านและเป็นเพียงการตัดแปะเท่านั้น การกล่าวหาไปใช้อำนาจหน้าที่และเอื้อนายทุนนั้น เป็นกล่าวหาเป็นเท็จทั้งสิ้น เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นเพียงการพิพาทในเรื่องสิทธิในที่ดินเท่านั้น ทั้งหมดเป็นการซื้อขายที่ดินตามปกติ ไม่ได้มีการแย่งที่ดินชาวบ้านใดๆ ทั้งสิ้น ที่กล่าวหาเอื้อประโยชน์พวกพ้องตนเองนั้น ยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ คนเป็นนายก อบจ.จะไปย้ายเจ้าหน้าที่ที่ดินเพื่อให้เอื้อประโยชน์ได้อย่างไร
“โครงการนี้คนไม่เห็นด้วยเยอะ และคนที่ไม่เห็นด้วยเหล่านั้นผมก็รู้จัก และคนเหล่านี้ก็ไม่ได้คัดค้านโครงการนี้เป็นโครงการแรก มาถึงตอนนี้คนคัดค้านโครงการที่ อ.จะนะเริ่มน้อยลง แต่ตนเองเคารพความเห็นที่แตกต่าง เอกชนไปลงทุนที่ดินก็เพื่อนำไปพัฒนา เขาจะไปซื้อที่ดินกับใครก็เป็นการตกลงกันเอง บางคนค้าขายกับบริษัททีพีไอมานานก็ย่อมต้องรู้จักกัน ซึ่งผมไม่ได้ใช้อำนาจหน้าที่ ใครจะรู้จักใครก็ไปว่ากันเอาเอง ค่านายหน้าก็ว่ากันเองของเอกชน  เอกชนไปรับความเสี่ยงเอาเอง ผมไม่ยุ่งเรื่องการซื้อขายที่ดิน เพียงแต่ผมเห็นด้วยกับโครงการพัฒนาอำเภอจะนะเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในภาคใต้” นายนิพนธ์กล่าว
จากนั้น เวลา 17.30 น. น.ส.นภาพร เพ็ชร์จินดา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ได้อภิปรายถึงงบประมาณองค์การทหารผ่านศึก (อผศ.) ในการขุดลอกคูคลอง พร้อมระบุว่า มีการอ้างชื่อบิ๊กผู้ใหญ่ในกระทรวงมหาดไทย คือบิ๊ก ป. และบิ๊ก ฉ. เพื่อให้ได้งาน   
พล.อ.ประวิตรชี้แจงว่า อผศ.เป็นองค์การกุศลดูแลทหารผ่านศึก ส่วนการอ้างชื่อไปรับเงินรับทอง ไม่รู้ใครเป็นคนอ้าง ใครจะเชื่อก็เชื่อไป แต่ไม่ได้ทุจริต ไม่มีรายรับเรื่องเหล่านี้
พล.อ.อนุพงษ์ชี้แจงว่า ถ้าทำผิดก็พร้อมยอมรับ แต่ยืนยันไม่เคยทำผิด ตลอดรับราชการมาจนเกษียณไม่เคยทำผิดกฎหมาย  ในฐานะข้าแผ่นดินไม่เคยทำ ถ้ามีหลักฐานเอาไปให้หน่วยงานตรวจสอบได้เลย
ต่อมาเวลา 17.55 น. นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล อภิปรายนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ โดยได้พุ่งเป้าไปที่การแต่งตั้งที่มีแต่คนใกล้ชิด ต่อมานายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ก็อภิปรายในทำนองเดียวกันในเรื่องการตั้งคนรู้จัก โดยการอภิปรายของนายยุทธพงศ์ ถูก ส.ส.พลังประชารัฐและประชาธิปัตย์ประท้วงว่า พูดวนเวียนซ้ำซาก ไม่ได้อยู่ในประเด็น ทั้งที่ควรอภิปราย รมว.ศึกษาธิการ ในการบริหารงานผิดพลาดเป็นหลัก แต่กลับอภิปรายถึงแต่คนนอก
เริ่มล็อบบี้มือโหวต
วันเดียวกัน เริ่มมีความเคลื่อนไหวโหวตลงมติแล้ว โดยนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน กล่าวว่า มั่นใจว่าการอธิบายชี้แจงได้ทุกข้อกล่าวหา ทุกประเด็น ส่วนกระแสจะได้คะแนนโหวตรั้งท้ายนั้น สิ่งที่ทำมา 6 เดือนการันตีผลงานว่าทำเยอะมาก เหมือนกับทำมาแล้ว 4 ปี มั่นใจว่าในเมื่อไม่ได้ทำทุจริต หรือผิดกฎหมายคะแนนน่าจะได้เท่ากับรัฐมนตรีคนอื่น และประเด็นที่ถูกอภิปรายก็ไม่ได้พูดเรื่องทุจริตเลย
มีรายงานจากพรรค พปชร.ที่มีกระแสข่าวว่า นายณัฏฐพลและ และนายสุชาติจะได้คะแนนน้อยที่สุด ได้มีความพยายามประสานขอเสียงสนับสนุนจากกลุ่มต่างๆ ในพรรค พปชร. โดยเฉพาะกลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส ที่มีเสียงมากที่สุดประมาณ 40 เสียง รวมถึงกลุ่มสามมิตร ที่นำโดยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ที่มีเสียง ส.ส.ประมาณ 30 เสียง เพื่อให้เกิดความอุ่นใจ ให้เสียงรัฐมนตรีออกมาใกล้เคียงกัน ซึ่งล่าสุดว่าการเจรจาลงตัว คะแนนแต่ละคนจะสูสีกัน โดย ร.อ.ธรรมนัสได้ประสานไปยังพรรคเล็กให้ช่วยลงมติไว้วางใจด้วย นอกจากนี้ ยังมีความเคลื่อนไหวของแกนนำแต่ละกลุ่มในพรรค พปชร.ที่ต้องการเอาใจ พล.อ.ประวิตร โดยจะทำให้ พล.อ.ประวิตรได้รับเสียงไว้วางใจมากที่สุดเป็นครั้งที่สองเพื่อรักษาแชมป์ไว้
“ภายหลังการลงมติ จะมีความเคลื่อนไหวจากแกนนำบางกลุ่มใน พปชร.เพื่อเคลื่อนให้เกิดการปรับ ครม. โดยต้องการผลักดันแกนนำกลุ่มรัฐมนตรีช่วยขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการ และเปิดตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยให้กลุ่มต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มภาคใต้ ที่ยังไม่มีรัฐมนตรี ซึ่งต้องจับตามองว่า หากชนะการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 3 นครศรีธรรมราช จะทำให้ ส.ส.ใต้มีเสียงขึ้นเป็น 14 เสียง โดยหลักต้องได้โควตารัฐมนตรี 1 ตำแหน่งจะได้รับการตอบรับหรือไม่”
    ด้านนายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี พรรค ปชป. ได้ส่งข้อความเป็นเอกสารผ่านไลน์กลุ่ม ส.ส.พรรค ถึงหลักเกณฑ์การตัดสินใจลงมติว่า ขอยึดหลักถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด ครั้งที่แล้วเราถูกยกมือให้ไว้วางใจรัฐมนตรีบางคนทั้งๆ ที่ไม่น่าไว้วางใจ เชื่อว่าทุกท่านจำใจต้องลงมติ ส่วนความรู้สึกของตนเอง เพราะผู้บริหารพรรคอ้างว่าเป็นมารยาททางการเมือง จึงทำให้นักการเมืองอย่างพวกเราถูกผูกมัดไว้ แต่วันนี้ พล.อ.ประวิตรประกาศแล้วว่ามารยาททางการเมืองนั้นไม่มี เป็นประชาธิปไตย ที่ต้องแข่งขันการทำประโยชน์เพื่อประชาชน มีคำถามว่าพวกเราพรรค ปชป.จะยอมให้มีการถูกบังคับต่อหรือไม่ หวังว่าทุกท่านจะพิจารณาตัดสินใจในแนวทางที่รักษาระบอบประชาธิปไตยที่ควรจะเป็นเพื่อรักษาภาพพจน์ของพรรคต่อไป
    นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. ในฐานะประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า เรื่องเวลาการอภิปราย หากไม่จบกันจริงๆ ก็ต้องขยายเวลาการอภิปรายออกไป ส่วนจะขยายอย่างไรนั้น จะต้องดูวันที่ 18 ก.พ.ว่าข้ามเที่ยงคืนไปหรือไม่ ถ้ายาวไปก็โหวตกันวันอาทิตย์ที่ 21 ก.พ. นอกจากนี้ ในการประชุมวิปรัฐบาล วันที่ 19 ก.พ. จะพูดคุยกันถึงทิศทางในการลงมติว่าจะเป็นไปในแนวทางใด โดยพรรคร่วมรัฐบาลจะโหวตไปในทิศทางเดียวกัน ถ้าใครไม่โหวตตาม แต่ละพรรคจะมีบทลงโทษ.  


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"