วัคซีน'ซิโนแวค'ถึงไทยแน่ ศบค.จ่อเคาะนั่งกินในร้าน


เพิ่มเพื่อน    


    “ประยุทธ์” ตอบรับร่วมกิจกรรมรับวัคซีน 2 แสนโดสจากซิโนแวค “หมอหนู” ประกาศรอรับวันพุธนี้ โพลชี้จังหวัดระบาดหนักควรฉีดก่อน ผงะ! ให้นักการเมืองรับเป็นกลุ่มสุดท้าย ศบค.ชี้มีผู้ติดเชื้อใหม่ 92 ราย
    รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้ตอบรับเข้าร่วมกิจกรรม “วัคซีนโควิด-19 คืนรอยยิ้ม ประเทศไทย” ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้จัดขึ้นเพื่อรับมอบวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ล็อตแรกของไทย จำนวน 200,000 โดส จาก บริษัท ซิโนแวค ไบโอเทค จำกัด สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งจะส่งมาด้วยเที่ยวบินขนส่งสินค้าทีจี 675 
    ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข โพสต์รูปวัคซีนซิโนแวค ล็อตแรกที่เตรียมส่งถึงไทย 24 ก.พ.นี้ และข้อความว่า ผู้ผลิตวัคซีน sinovac ส่งภาพนี้มาให้ เพื่อยืนยันว่าวัคซีนโควิดล็อตแรกสำหรับประเทศไทย พร้อมจะเดินทางมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ วันที่ 24 ก.พ.นี้ ตามที่ได้แจ้งต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และจะส่งมาอย่างต่อเนื่องจนครบ 2 ล้านโดส ตามที่องค์การเภสัชกรรมได้สั่งซื้อไป ภายในเดือน เม.ย. #คนไทยต้องปลอดภัย
    วันเดียวกัน ศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เผยผลสำรวจของประชาชนเรื่อง “ฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 ให้ใครก่อนดี” จำนวน 1,318 หน่วยตัวอย่างทั่ว โดยเมื่อถามถึงจังหวัดที่ควรเป็นกลุ่มเป้าหมายแรกในการฉีดวัคซีน พบว่า ส่วนใหญ่ 56.90% ระบุว่าจังหวัดที่แพร่ระบาดมากในรอบที่ 2 ที่ผ่านมา รองลงมา 16.77% ระบุว่าเริ่มทุกจังหวัดพร้อมๆ กัน, 10.70% ระบุว่าจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ,   10.39% ระบุว่าจังหวัดติดกับชายแดนทั้งหมด และ 5.24% จังหวัดที่มีการลงทุนด้านอุตสาหกรรมสูง
    ด้านกลุ่มอายุที่ควรเป็นกลุ่มเป้าหมายแรกในการฉีดวัคซีน พบว่า ส่วนใหญ่ 38.01% ระบุว่ากลุ่มวัยทำงาน ตั้งแต่ 20-59 ปี รองลงมา 37.10% ระบุว่า กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้นไป 15.10% ระบุว่า เริ่มทุกกลุ่มอายุพร้อมๆ กัน และ 9.79% ระบุว่ากลุ่มเด็กและเยาวชนที่อายุไม่เกิน 20 ปี และเมื่อถามถึงกลุ่มอาชีพที่ควรได้รับการฉีดวัคซีนเป็นกลุ่มแรก พบว่า ส่วนใหญ่ 40.48% ระบุว่าเป็นกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ การสาธารณสุข รองลงมา 14.41% ระบุว่าเป็นกลุ่มผู้รับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน, 8.87% ระบุว่าเป็น กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านการท่องเที่ยวทุกรูปแบบ, 7.59% ระบุว่าเริ่มทุกกลุ่มอาชีพพร้อมๆ กัน, 5.29% ระบุว่าเป็นกลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านการเดินทางและขนส่งทุกชนิด, 4.93% ระบุว่ากลุ่มนักเรียน/นักศึกษา, 4.85% ระบุว่าเป็นกลุ่มเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ,  4.38% ระบุว่าเป็นกลุ่มข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ,  3.82% ระบุว่าเป็นกลุ่มพนักงานบริษัทเอกชน 3.49% ระบุว่าเป็น กลุ่มพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน 1.41% ระบุว่าเป็น กลุ่มเกษตรกร ประมง และ 0.48% ระบุว่าเป็นกลุ่มนักการเมือง
    ส่วนศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวันที่ 21 ก.พ. ว่าพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 92 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 86 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 48 ราย ในจำนวนนี้มาจาก จ.สมุทรสาคร 33 ราย, กทม. 3 ราย, ปทุมธานี 7 ราย, ชลบุรี 1 ราย, ขอนแก่น 1 ราย และอ่างทอง 3 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุก 38 ราย ในจำนวนนี้มาจากการค้นหาเชิงรุกใน จ.สมุทรสาคร 27 ราย, ปทุมธานี 10 ราย และอ่างทอง 1 ราย นอกจากนี้ เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 6 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 25,415 ราย หายป่วยสะสม 24,285 ราย อยู่ระหว่างรักษา 1,047 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ทำให้ยอดสะสมคงที่ 83 ราย 
    ทั้งนี้ ไทยมีจังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา 8  จังหวัด, มีจังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อในช่วง 3-6 วันที่ผ่านมา 9 จังหวัด, มีจังหวัดที่ไม่พบผู้ติดเชื้อในช่วง 7-14 วันที่ผ่านมา 2 จังหวัด, มีจังหวัดที่ไม่พบผู้ติดเชื้อในช่วง 15-28 วันที่ผ่านมา 6 จังหวัด, มีจังหวัดที่ไม่พบผู้ติดเชื้อมากกว่า 28 วัน 38 จังหวัด และมี 14 จังหวัดที่ไม่พบผู้ติดเชื้อเลย 
    ต่อมาในเวลา 19.10 น.​ พล.อ.ประยุทธ์โพสต์เฟซบุ๊ก​ ประยุทธ์​ จันทร์โอ​ชา​ Prayuth Chan-o-cha ว่า​ วันที่ 22 ก.พ. จะมีการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ซึ่งหนึ่งในประเด็นที่จะมีการพิจารณาคือ การผ่อนคลายมาตรการอนุญาตให้นั่งดื่มในร้านอาหาร และการเปิดสถานบันเทิง ประเด็นนี้ที่ประชุมจะพิจารณาอย่างรอบคอบให้ดีที่สุด เพราะเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจขนาดเล็ก ร้านอาหาร และผู้ประกอบการเป็นจำนวนมาก
    ขณะที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรีได้รายงานสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ว่า มีผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ 1 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 653 ราย รักษาหาย 648 ราย กำลังรักษา 4 ราย และเสียชีวิตสะสม 1 ราย โดยผู้ติดเชื้อ 1 ราย เป็นบุคลากรทางการแพทย์ รพ.บางละมุง ซึ่งดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการจากสถานที่กักกันแห่งรัฐในหอผู้ป่วยโควิด-19 รพ.บางละมุง พร้อมทั้งกักกันตัวบุคลากรทางการแพทย์ 11 รายที่สัมผัสใกล้ชิดกับกับบุคลากรทางการแพทย์ที่ติดเชื้อโควิด-19
ส่วนที่ รพ.ไชโย จ.อ่างทอง ได้ออกประกาศว่าปิดแผนกผู้ป่วยใน ในวันที่ 20-28 ก.พ. หลังจากมีการกักตัวเจ้าหน้าที่ รพ.จำนวน 16 คนที่ทำงานใกล้ชิดกับผู้ป่วยโควิด-19. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"